"พี่คนสวยคะ ช่วยอุดหนุนกุหลาบบ้านๆของหนูสักช่อไหมคะ มันไม่สวยเท่าไหร่แต่หนูขายไม่แพงค่ะ"
เสียงเด็กผู้หญิงอายุประมาณแปดเก้าขวบใส่เสื้อยืดเก่าๆกับกางเกงขาสั้นสีดำเดินหิ้วถังใบเล็กที่มีดอกกุหลาบสีแดงทำเป็นช่อง่ายๆห่อด้วยใบตองกล้วยคล้ายกรวยมายืนถามอยู่ที่โต๊ะที่ปัณสิตากับคุณหมอนั่งอยู่ ปัณสิตายิ้มให้เด็กน้อยด้วยความเอ็นดูก่อนจะเอ่ยถาม
"ขายไม่แพงแล้วขายยังไงคะคนสวย"
น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามออกไปให้หนูน้อยยิ้มตอบ
"หนูขายแค่ช่อละสิบบาทเองค่ะ แล้วกุหลาบนี่หนูก็ปลูกเองด้วยค่ะ"
"หืมขยันจังเลยค่ะตัวแค่นี้ แล้วหนูจะเอาเงินไปทำอะไรคะคนเก่ง"
ปัณสิตายังเอ่ยถามไปเรื่อยให้คุณหมอได้อมยิ้มฟังอีกคนไปด้วย
"หนูจะเอาไว้ไปซื้อหนังสือเรียนค่ะ บางวันหนูก็เก็บผักมาขายให้ป้าๆร้านก๋วยเตี๋ยวแถวนี้ละค่ะ" เด็กน้อยก็บอกกล่าวให้ผู้ใหญ่ฟังด้วยรอยยิ้มน่ารัก
"น่ารักจริงๆเลยค่ะ ขยันแบบนี้คุณพ่อคุณแม่คงภูมิใจน่าดู งั้นพี่เอาช่อนึงค่ะ"
ปัณสิตาล้วงเงินแบ้งค์ร้อยออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะยื่นให้เด็กน้อยที่มองเงินใบสีแดงแล้วทำหน้าคิดหนัก
"พี่ไม่มีเศษเหรอคะ หนูไม่มีเงินทอนนะคะ"
คำบอกของเด็กน้อยทำให้ปัณสิตาหัวเราะออกมาเบาๆ
"ไม่มีก็ไม่ต้องทอนค่ะ ถือว่าพี่ช่วยค่าหนังสือเรียนหนูก็แล้วกันโอเคไหม"
คำบอกของพี่สาวคนสวยทำให้เด็กน้อยยิ้มกว้างพร้อมกับรีบยกมือไหว้ขอบคุณทันที
"หนูขอบคุณพี่คนสวยมากๆเลยค่ะสวยแล้วยังใจดีอีกนางฟ้าชัดๆเลยค่ะ"
คำพูดเยินยอเกินจริงของเด็กน้อยก็พาให้สองสาวหลุดหัวเราะขำไปด้วย
"น่ารักดีนะคะ ตัวแค่นี้รู้จักทำมาหากินเป็นแล้ว"
"นั่นสิคะ โตขึ้นสงสัยอนาคตเจ้าของกิจการแน่ๆ"
ปัณสิตาพูดติดตลกออกมาเมื่อนึกถึงเด็กน้อยที่เดินจากไปแล้วก่อนจะส่งยิ้มให้คนที่ยิ้มบางๆมาให้กัน
"ปัณให้หมอค่ะ มันคงไม่สวยเท่าดอกกุหลาบในร้านดัง แต่มันคงแทนความรู้สึกที่ปัณมีให้หมอแก้มได้"
ปัณสิตายื่นช่อดอกไม้สีแดงห้าดอกที่ถูกห่อด้วยกรวยใบตองง่ายๆให้คนตรงหน้ายิ้มรับ
"ราคากับความสวยมันไม่สำคัญเท่ากับความตั้งใจที่คนให้อยากจะให้หรอกค่ะ"
คำบอกของคนที่หัวใจตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นก็ว่าได้ ทำให้ปัณสิตายิ้มให้อีกคนอย่างขอบคุณ
เมื่อพากันทานอาหารเรียบร้อยทั้งคู่ก็พากันไปเดินดูของเผื่อจะเจออะไรถูกใจพอที่จะซื้อติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านบ้าง
"กินคนเดียวไม่สนใจปัณเลยนะคะ" ปัณสิตาเอ่ยทักคนที่เดินกินขนมในกระทงใบตองไปเรื่อยตาก็มองดูสิ่งของรอบตัวไปด้วย ส่วนเธอก็อาสาหิ้วของเต็มทั้งสองมือแล้วตอนนี้
"อ้าว นึกว่าไม่กินก็เห็นไม่พูดอะไรนี่คะ"
กวิสราหยุดเดินหันมามองคนที่ยืนถือของเต็มสองมือแล้วก็ยิ้มให้ ก่อนจะยอมเอาใจคนที่อาสาพามาเที่ยวในวันนี้ด้วยการหยิบขนมชิ้นเล็กยื่นใส่ปากให้คนรับยิ้มแก้มปริออกมาก่อนจะอ้าปากรับ
"อร่อยไหมคะ?"
"อร่อยทุกอย่างถ้าหมอป้อนนะคะ"
"เว่อร์ไปแล้วค่ะ เดี๋ยวแก้มจะเอาพริกสดป้อนให้จะพูดแบบนี้อยู่ไหมคะ"
"หือ แก้มจะใจร้ายกับปัณลงคอขนาดนั้นเลยเหรอคะ"
"ก็ไม่แน่นะคะ อยากลองดูหรือเปล่าล่ะ"
กวิสราเอ่ยท้าออกไปด้วยรอยยิ้มให้อีกฝ่ายได้ยิ้มส่ายหัวว่าขอผ่าน ให้เธอได้ขำออกมาเบาๆก่อนจะพากันเดินต่อไป
เมื่อพากันเดินอยู่เกือบชั่วโมงได้ทั้งของกินและพวกผ้าไหมแท้คนล่ะสองสามผืนไปฝากผู้ใหญ่ทั้งคู่จึงได้พากันกลับไปที่รถ
"เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อยแดดข้างนอกร้อนมากเลยนะคะดีที่เราเดินกันในร่ม"
ปัณสิตาเปรยขึ้นมาหลังจากเข้ามานั่งในรถเปิดแอร์เย็นๆให้ปะทะร่างกาย กวิสรามองไปดูคนที่กำลังใช้กระดาษทิชชู่ซับเหงื่อไปด้วย ท่าทางคงจะเป็นคนขี้ร้อนพอสมควรเหงื่อถึงได้เยอะขนาดนั้น เธอจึงหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าเปิดประตูรถหยิบเอาขวดน้ำเย็นๆที่ซื้อติดมือขึ้นมาด้วยเทราดให้เปียกแล้วบิดพอหมาดๆก่อนจะปิดประตูหันมามองคนที่ขมวดคิ้วสวยมองเธออยู่ กวิสรายิ้มขำเมื่อมองไปเห็นกระดาษทิชชู่ที่มันเปื่อยติดอยู่ที่ต้นคอกับข้างแก้มอีกคน
"ปัณหันหน้ามาดีๆค่ะ"
คุณหมอบอกคนที่เอียงหน้ามองเธออยู่ให้หันมาตรงๆปัณสิตาทำตามก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อผ้าเช็ดหน้าเย็นๆถูกอีกคนยื่นมาเช็ดใบหน้าให้เบาๆมืออีกข้างหยิบเอาเศษกระดาษทิชชู่ที่ติดอยู่ออกให้ สายตาคมหวานซึ้งมองไปยังใบหน้าหวานที่อยู่ไม่ห่างตาคมหลุบมองยังริมฝีปากอิ่มสีชมพูเรื่อน่าสัมผัส กวิสราที่มัวแต่ตั้งใจเช็ดใบหน้าให้อีกคนก็ถึงกับชะงักเมื่อสบเข้ากับสายตาสื่อความหมายบางอย่างออกมา ใจดวงน้อยเต้นตึกตักขึ้นมา เมื่อใบหน้าสวยของอีกฝ่ายคล้ายจะโน้มเข้าหาเธอ
"เอ่อ ปัณคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ" เสียงหวานเอ่ยบอกให้อีกคนที่เผลอตัวเผลอใจชะงักได้สติกลับมา ปัณสิตาถอนหายใจออกมาเบาๆเพื่อตั้งสติและควบคุมตัวเอง เกือบไปแล้วไหมล่ะ ยังไม่ทันไรเธอก็เกือบควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้แล้ว
ปัณสิตายื่นมือไปดึงมือคนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆมากุมไว้ให้อีกคนหันมามองกัน
"แก้ม โกรธหรือเปล่าคือ ปัณขอโทษที่เผลอปล่อยอารมณ์ตัวเองแบบนั้นน่ะ"
คำขอโทษที่มาพร้อมกับสีหน้าเป็นกังวลทำให้กวิสราอดที่จะยิ้มอ่อนให้ไม่ได้ หากเธอเผลอไปด้วยเมื่อกี้แน่นอนว่าสิ่งที่ยังไม่สมควรจะเกิดมันคงเกิดขึ้นแน่ๆ
"แก้มไม่ได้โกรธหรอกค่ะ แต่ปัณรู้ใช่ไหมเราเพิ่งตกลงคบกันแก้มไม่อยากให้อะไรมันดูรวดเร็วเกินไปเราค่อยๆเรียนรู้กันไปดีกว่าไหมคะ ถ้าปัณจริงใจมั่นคงถึงเวลาปัณจะได้ทุกอย่างที่ปัณอยากได้"
คำพูดของคุณหมอคนสวยทำให้คนที่เกือบจะทำลายความสัมพันธ์ที่เพิ่งจะเริ่มต้นพังลงได้ยิ้มออกมา
"ค่ะ ปัณจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสปัณ"
กวิสรายิ้มให้อีกคน ถ้าจะมีรักครั้งนี้เธอก็อยากให้มันเป็นรักที่มั่นคงจริงๆไม่ใช่แค่อารมณ์หลงไหลอยากได้แล้วก็ทิ้งกันไป ขนาดกับคนที่เคยคบหาถึงขั้นใช้คำว่าแฟนเธอก็ให้ได้เพียงแค่จับมือถือแขนกอดบ้างเท่านั้น จะมีโดนอีกคนหอมแก้มเอาก็ตอนที่เธอเผลอและมันก็เพียงครั้งเดียวเพราะเธอบอกอีกฝ่ายไปว่าไม่ชอบหากเธอไม่ได้เต็มใจให้ อาจจะเป็นเพราะเรื่องหวงตัวของเธอด้วยก็ได้ที่ทำให้ฝ่ายชายไปแอบมีคนอื่นแต่เธอถือว่ามันก็ดีสำหรับเธอ ในเมื่ออีกคนรอไม่ได้ก็เลยเผยธาตุแท้ออกมาให้เห็น สำหรับปัณสิตาถึงจะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ใช่ว่าเธอจะยอมปล่อยตัวให้ง่ายๆ ก็ลองมาทดสอบความอดทนกันดูสักตั้งว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง
ปัณสิตาขับรถมาส่งอีกคนเมื่อเวลาห้าโมงเย็นพอดีเมื่อหยิบของที่ท้ายรถส่งให้คุณหมอเรียบร้อยจึงได้เอ่ยขึ้น
"ปัณกลับเลยนะคะ จะแวะเอาของฝากเข้าไปให้ปรายด้วย"
"ค่ะขับรถดีๆล่ะ กลับถึงห้องตอนไหนส่งข้อความมาบอกแก้มด้วย"
"รับทราบค่ะ ปัณไปนะคะ"
ปัณสิตาส่งยิ้มหวานให้อีกครั้งก่อนจะขึ้นรถขับออกไป กวิสรายืนมองจนท้ายรถยนต์ของอีกคนพ้นสายตาจึงได้เปิดประตูเล็กเข้าบ้าน
"เสียงรถใครมาส่งน่ะพี่แก้ม"
กฤษณะที่เพิ่งให้อาหารปลาที่บ่อเล็กๆข้างบ้านเดินมาเจอพี่สาวกำลังเดินเข้าบ้านมาพอดีเลยทักขึ้นมา
"อ่อ คนพิเศษน่ะ"
"ห๊า! จริงเปล่านี่พี่แก้ม อย่ามาอำผมเล่นนะคนพิเศษที่ไหนทำไมไม่ชวนเขาเข้าบ้านละครับ"
"ก็เข้ามาแล้วเมื่อเช้าเราตื่นสายเองจะไปรู้อะไร"
กวิสรายังพูดจาให้คนเป็นน้องมีสีหน้าตื่นเต้นปนไม่เชื่อให้เธออมยิ้มขำ
"จริงๆเหรอพี่แก้มมีคนพิเศษจริงๆเหรอพี่ โหยไม่พามาให้ผมรู้จักเลยนะ ว่าแต่หล่อป่ะคนนี้น่ะ"
คำถามของน้องชายยิ่งทำให้คุณหมอนึกอยากแกล้งเข้าไปอีก
"ไม่หล่อหรอก แต่สวยนะ"
กฤษณะที่ได้ฟังยังมึนๆอยู่ แต่สักพักก็อ้าปากร้องขึ้นตามหลังพี่สาวที่เดินเข้าไปในบ้านแล้ว
"ห๊ะ! พี่แก้มๆ อะไรยังไงเนี่ย หมายความว่ายังไงสวย ผู้ชายที่ไหนจะสวย พี่แก้ม อย่าเดินหนีน้องแบบนี้สิ มาอธิบายให้เคลียร์เลยนะครับพี่แก้มมม"
เสียงโวยวายร้องตามหลังของน้องชายเรียกรอยยิ้มขำของคนเป็นพี่ออกมาได้ กฤษณะนั้นค่อนข้างจะรักและห่วงเธอมากเหมือนกันหากใครเข้ามาจีบมาชอบเธอสักคนเจ้าน้องชายก็มักจะอยากรู้อยากเห็นไปด้วยเพราะกลัวว่าเธอจะโดนหลอกเข้าอีกน่ะสิ
สัปดาห์ต้นเดือนธนาคารจะมีลูกค้ามาใช้บริการค่อนข้างเยอะเป็นปกติ ปัณสิตาเองก็ยุ่งทั้งบริการลูกค้าและงานในส่วนที่ตัวเองต้องรับผิดชอบตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อต่างๆ เมื่อหันไปดูเวลาอีกทีก็ต้องถอนหายใจออกมาจะสองทุ่มแล้วหรือนี่ ช่วงนี้มีลูกค้าหลายรายยื่นกู้สินเชื่อเข้ามาทำให้เธอต้องใช้เวลาช่วงเย็นหลังเลิกงานมานั่งอ่านข้อมูลเพราะตอนกลางวันแทบจะไม่มีเวลา บางทีก็ต้องเอางานกลับไปดูที่ห้องด้วยเหมือนกัน ร่างสูงสมส่วนลุกขึ้นบิดตัวไปมาคลายความเมื่อยล้าที่นั่งมาตั้งแต่ห้าโมงเย็น
ปัณสิตาเก็บแฟ้มงานต่างๆเข้าตู้ล็อคเรียบร้อยจัดการตรวจดูสิ่งของๆตัวเองว่าไม่ลืมอะไรแล้วถึงได้ออกจากห้องทำงานส่วนตัวปิดไฟ แล้วเดินลงมาชั้นล่าง
"กลับมืดอีกแล้วนะครับผู้จัดการ งานเยอะเหรอครับช่วงนี้" เสียงทักทายอย่างคุ้นเคยของรปภ.วัยห้าสิบที่ทำหน้าที่คอยเฝ้าตึกสำนักงานเอ่ยทักผู้จัดการสาวที่ส่งยิ้มบางตอบกลับมา
"ก็เยอะพอสมควรค่ะน้าธรรม ปัณกลับก่อนนะคะ อย่าแอบหลับจนลืมตื่นล่ะ"
คำเอ่ยแซวของผู้จัดการสาวทำให้บุญธรรมหัวเราะขำคล้ายถูกใจ
"แหมคุณผู้จัดการนี่รู้ทันจริงๆเลย ผมตั้งเวลาปลุกอยู่นะครับฮ่าๆ"
คำตอบเล่นมุขของรปภรุ่นน้าทำให้ปัณสิตายิ้มขำตามไปด้วยก่อนจะเดินไปยังรถยนต์ตัวเองที่ตอนนี้จอดอยู่เพียงคันเดียว พอขึ้นนั่งประจำที่ได้ยังไม่ทันจะขับไปเสียงเรียกเข้าของมือถือเครื่องหรูก็ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่แต้มขึ้นมาบนใบหน้าสวย เสียงเรียกเข้าที่เธอตั้งพิเศษสำหรับเบอร์นี้เท่านั้น
"ฮัลโหลค่ะ"
"ปัณ กลับถึงห้องหรือยังคะ" เสียงหวานของคุณหมอทักมาทันที
"ยังเลยค่ะ กำลังจะกลับพอดีแก้มโทรมานี่แหล่ะ"
"งานยุ่งมากเหรอคะทำไมกลับเอาป่านนี้ แล้วนี่ทานอะไรหรือยัง"
คำถามที่บ่งบอกถึงความห่วงใยเรียกรอยยิ้มของคนฟังให้กว้างขึ้นอีก
"ก็ยุ่งพอสมควรค่ะช่วงต้นเดือนแบบนี้ มื้อเย็นยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน สงสัยต้องกลับไปฝากท้องที่ร้านบะหมี่ใกล้ๆคอนโดนั่นละคะ"
"ถ้างั้นก็รีบกลับไปหาอะไรทานได้แล้วค่ะนี่สองทุ่มกว่าแล้วเดี๋ยวก็โรคกระเพาะถามหาพอดี เสร็จแล้วก็รีบพักผ่อนนะคะ"
"รับทราบค่า คิดถึงนะคะ ไว้ถึงห้องปัณส่งข้อความบอกนะ"
"ค่ะ ปัณขับรถดีๆนะคะ"
นี่คือคำบอกทุกครั้งที่รู้ว่าเธอต้องขับรถ สองอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าคุณหมอเพราะอยากเร่งเคลียร์งานตัวเองให้เสร็จช่วงนี้จึงได้แต่ส่งข้อความกับโทรหาอีกคนในเวลาที่กลับถึงห้องนั่นแหล่ะ
ตั้งแต่วันที่เธอมัดมือชกให้คุณหมอตกลงคบกันจนถึงวันนี้ก็สองเดือนแล้วความสัมพันธ์ก็นับว่าเป็นไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะหากเธอยุ่งไม่ได้โทรหาอีกฝ่ายก็จะโทรมาถามไถ่เหมือนเช่นวันนี้ การแสดงออกถึงความห่วงใยที่อีกคนมีให้ก็น่าจะพอให้เธอมีลุ้นบ้าง
"แก้มไม่เห็นชวนหนูปัณมาทานข้าวที่บ้านเราบ้างล่ะลูก"
จู่ๆกิติภพก็เอ่ยขึ้นมาในเย็นวันหนึ่งที่โต๊ะทานข้าว
"พอดีช่วงนี้ปัณงานยุ่งน่ะค่ะคุณพ่อ นี่ก็กลับมืดทุกวัน เอาไว้ช่วงไหนที่เขาพอจะว่างเดี๋ยวแก้มจะชวนมานะคะ"
กวิสรานึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่บิดาถามถึงอีกคนขึ้นมา ไม่ใช่ว่าจะไม่อยากพาอีกคนมาหรอกนะ แต่หาเวลาเหมาะๆที่ว่างตรงกันยังไม่ได้ และสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เหมือนว่าปัณสิตางานจะเยอะอีกด้วย
"นั่นสิพี่แก้ม ผมยังไม่ได้เจอว่าที่พี่เขยผมเลยนะเนี่ย"
เสียงน้องชายเอ่ยเสริมขึ้นมาให้คนเป็นพี่อมยิ้ม
"คนไม่มีบุญก็งั้นแหล่ะ เขามาถึงบ้านตัวเองกลับไม่ได้เห็นหึหึ"
คำเอ่ยล้อของพี่สาวก็ทำเอาน้องชายอ้าปากเหวอขึ้นมา ให้พ่อกับแม่หัวเราะขำไปด้วย
"โหพี่แก้ม พูดแบบนี้ผมจะตามไปดูถึงที่ทำงานพี่เขาเลยคอยดู ทำเป็นมีลับลมคมในกับน้องนะเดี๋ยวนี้"
"ฮ่าๆ โอ๋ๆพี่ล้อเล่นแค่นี้อย่ามาสะบัดหน้าใส่สิ สาวมาเห็นเข้าเขาจะเข้าใจผิดได้นะว่าน้องชายพี่น่ะไม่แมน"
กวิสราหัวเราะขำคนที่ทำท่าสะบัดค้อนใส่เธอ กฤษณะจะเป็นแบบนี้เวลาอยู่กับเธอจนบางทีก็เคยสงสัยว่าน้องชายเธอน่ะแอบหรือเปล่าจนคนเป็นน้องโวยวายนั่นล่ะว่าเจ้าตัวน่ะแมนเต็มร้อย จนตอนนี้ก็มีแฟนที่คบกันจริงจังมาหลายปีแล้ว
กิติภพนั่งยิ้มมองลูกสาวลูกชายตั้งแต่วันที่ลูกสาวพาสาวสวยอีกคนมาแนะนำให้รู้จักกิติภพก็เรียกลูกสาวมานั่งถามไถ่ถึงข้อมูลฝ่ายนั้นจนรู้ว่าปัณสิตาเป็นพี่สาวของปรายฟ้าแฟนของณัฐวรินทร์นั่นเอง พอรู้ที่มาที่ไปของคนที่ลูกคบหาเขาก็สบายใจขึ้นมาระดับหนึ่งหน้าที่การงานอีกคนก็ถือว่าค่อนข้างพอตัว อายุเท่านี้ได้เป็นถึงตำแหน่งผู้จัดการสาขาก็ถือว่าใช้ได้ เห็นเขาเงียบๆอย่าคิดว่าจะนั่งเฉยๆ แหมลูกสาวทั้งคนยิ่งเคยมีอดีตที่ไม่น่าจดจำมาแล้วเขายิ่งห่วงเป็นธรรมดานั่นแหล่ะ คราวนี้ก็รอเวลาพิสูจน์ความจริงใจของอีกฝ่ายนั่นล่ะว่าจะทำได้อย่างที่ร้องขอโอกาสหรือไม่
ปัณสิตากลับมาถึงห้องตอนเกือบสามทุ่มวันนี้เธอพยายามเคลียร์งานทั้งหมดที่รออนุมัติจนเสร็จเรียบร้อยหลังจากนี้คงได้มีเวลาพักบ้าง รู้สึกล้าจนแทบจะไม่ไหวและวันนี้เธอรู้สึกตัวรุมๆเหมือนจะไม่สบายด้วย ขนาดว่ากินยาลดไข้ดักไปแล้วเมื่อช่วงกลางวันตอนนี้ก็ยังมีอาการปวดหัวอยู่ เมื่อนั่งพักเหนื่อยจึงได้หยิบเครื่องมือสื่อสารของตนขึ้นมาดูก็เห็นข้อความจากคุณหมอส่งเข้ามาตั้งแต่ช่วงหกโมงเย็นว่าอีกฝ่ายไปงานวันเกิดเพื่อนที่ทำงานกลับถึงบ้านจะโทรหา ปัณสิตาจึงส่งกลับไปบอกว่าตอนนี้เธอถึงที่พักแล้วอีกคนจะได้ไม่ห่วง จากนั้นจึงเข้าไปจัดการอาบน้ำแล้วออกมาหายากินอีกรอบ สงสัยร่างกายเธอคงจะล้ามากถึงกับจะป่วยเอาทั้งที่ปกติก็ไม่ค่อยจะเป็นอะไรง่ายๆ ยังดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดคงจะได้นอนพักอย่างเต็มที่หวังว่าอาการที่เป็นอยู่คงไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่หรอกนะ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เธอกำลังเคลิ้มจะหลับพอดี แต่ก็ยอมคว้ามากดรับสายเพราะรู้ว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา
"คะแก้ม ถึงบ้านแล้วเหรอคะ" เสียงแหบโหยปนงัวเงียกรอกลงไปให้ปลายสายถามกลับมาอย่างร้อนรน
"ปัณ ทำไมเสียงเป็นแบบนี้ล่ะไม่สบายหรือเปล่า แล้วนี่หลับอยู่เหรอคะ"
"หืม รู้สึกตัวรุมๆปัณเลยกินยาลดไข้ไปน่ะค่ะ กำลังเคลิ้มๆเลย"
"งั้นนอนพักนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แก้มจะแวะเข้าไปหาฝันดีค่ะ"
"ค่ะฝันดีนะคะ" เมื่อวางสายจากคุณหมอไม่นานปัณสิตาก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยา
กวิสราถอนหายใจออกมาหลังจากวางสายให้นึกเป็นห่วงคนที่นอนป่วยอยู่คนเดียว ช่วงนี้ยิ่งเข้าหน้าฝนด้วยคนก็ป่วยเป็นไข้หวัดกันเยอะพรุ่งนี้คงต้องแวะเข้าไปดูแล้วล่ะ เกิดเป็นไข้หวัดใหญ่ขึ้นมายาลดไข้ธรรมดาก็เอาไม่อยู่หรอก