ตอนที่5

3133 คำ
     กวิสราทั้งอธิบายทั้งส่งค้อนให้คนที่ยิ้มกริ่มเท้าคางฟังเธออยู่ เมื่อได้ฟังคำอธิบายจบปัณสิตาก็ยิ้มกว้างออกมาทันที "ตกลง หมอได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ สรุปว่าเราจะคบกันไปก่อนในสถานะคนรู้ใจก็แล้วกันเมื่อไหร่ที่หมอตกหลุมรักปัณเมื่อนั้นเราจะใช้สถานะแฟนโอเคนะคะ" คำพูดที่เหมือนมัดมือชกแถมแต่งตั้งสถานะคนรู้ใจกันให้อีกต่างหากก็เล่นเอาคุณหมอคนสวยมึนไปเลยทีเดียว สรุปคือวันนี้เธอมาซื้อของที่ห้างหรือเธอมาหาคนรู้ใจ โอ้ยชีวิตกวิสรามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอละเนี่ยอยู่ดีๆก็จะมีแฟนเป็นผู้หญิงซะอย่างนั้น "วันอาทิตย์เดี๋ยวปัณไปรับที่บ้านนะคะแปดโมง เช้าไปหรือเปล่าวันหยุดทั้งทีเผื่อหมออยากตื่นสาย" หลังจากพากันออกมาจากร้านเดินไปยังชั้นจอดรถ ปัณสิตาก็นัดแนะเวลากับคุณหมออีกครั้ง "ไม่เช้าหรอกค่ะปกติก็ตื่นเจ็ดโมง ออกแต่เช้าก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ร้อน แล้วคุณปัณรู้จักบ้านหมอเหรอคะ" กวิสราหันมาขมวดคิ้วถามคนที่เดินตามมาส่งเธอ เพราะอีกคนจอดรถไว้อีกชั้น "รู้ค่ะ หึหึ ปัณเคยแอบขับรถตามหมอกลับบ้านน่ะ" "ห๊า! จริงเหรอคะ นี่แอบทำตัวเป็นสตอกเกอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ฮึ" "ก็..ตั้งแต่ตกหลุม...รักคนบางคนนี่แหล่ะค่ะ" คำตอบที่มาพร้อมสายตาบอกความนัยทำให้แก้มใสของคนฟังขึ้นสีระเรื่ออีกแล้ว นี่เธอถูกอีกฝ่ายตามอยู่นานแค่ไหนกันแล้ว แสดงว่าที่เธอคิดว่าปัณสิตาหายเงียบไปนี่มันไม่ใช่สินะ " รีบกลับไปพักผ่อนอย่าไปเถลไถลที่ไหนล่ะ" อ้าวกวิสรา นี่แค่เพิ่งเริ่มสถานะคนรู้ใจทำไมถึงได้เป็นขนาดนี้ล่ะ แล้วดูอีกคนสิยิ้มปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว เธออยากจะบ้ากับตัวเองไม่รู้หลุดคำพูดพวกนี้มาได้ยังไง "รับรองว่าจะไม่แวะข้างทางที่ไหนแน่นอนค่ะ ขับรถดีๆนะคะ ถึงคอนโดแล้วปัณจะส่งข้อความบอกเจอกันวันอาทิตย์ค่ะ" "ค่ะ คุณปัณก็ขับรถดีๆล่ะ" "หมอ เดี๋ยวค่ะ" ปัณสิตาเรียกคนที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถให้หันมามอง "ตอนนี้เราอยู่ในสถานะคนรู้ใจกันแล้วนะคะเพราะฉะนั้นต่อไปนี้ห้ามหมอเรียกปัณว่าคุณอีกฟังแล้วมันห่างเหินยังไงไม่รู้ เรียกแค่ชื่อก็พอนะคะหมอแก้ม" กวิสรามองหน้าคนที่อยากจะให้เธอเรียกอย่างสนิทสนมก็จำต้องพยักหน้ารับ ให้อีกฝ่ายได้ยกยิ้มพอใจ "ค่ะปัณ กลับได้แล้วค่ะถึงห้องแล้วส่งข้อความมาบอกแก้มด้วย" พูดจบก็รีบเปิดประตูเข้าไปในรถทันที เอาเข้าไปกวิสราเธอชักจะบ้าจี้ไปกับคนที่ยืนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่นอกรถแล้วตอนนี้ เฮ้อ การเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นเธอจะใช้แค่กับคนสนิทและญาติเท่านั้น และผู้ชายที่เป็นอดีตคนนั้นอีกคน กับหมอวิที่เป็นเพื่อนสนิทกันก็มีบ้างที่จะใช้คำแทนตัวด้วยชื่อเล่น พอต้องมาใช้กับคนๆนี้ก็ให้รู้สึกกระดากอายอยู่ไม่น้อยสมองคิดไปเรื่อยเปื่อยแต่เรียวปากบางสีชมพูเรื่อกลับมีรอยยิ้มแต้มขึ้นมาไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองเผลอทำอะไรแปลกไปจากปกติมากมายตั้งแต่ผู้หญิงชื่อปัณสิตาเข้ามาในชีวิต ส่วนคนที่ยืนโบกมือให้อยู่นอกรถก็ยิ้มไม่หุบที่ได้ยินว่าที่แฟนในอนาคตใช้คำแทนตัวด้วยชื่อเล่นของตัวเอง แค่นี้ก็หลงจนไม่คิดจะปีนขึ้นมาจากหลุมแล้วละคะคุณหมอถ้าจะน่ารักขนาดนี้น่ะเอาไปทั้งตัวทั้งใจเลยเหอะ ปัณยอม เมื่อรถยนต์ของคนที่วันนี้ได้สร้างรอยยิ้มอิ่มเอมใจให้มากมายลับตาไปแล้วร่างสูงของปัณสิตาจึงได้เดินย้อนขึ้นไปอีกหนึ่งชั้นซึ่งเป็นชั้นที่เธอได้จอดรถตัวเองไว้ ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มสุขใจ การที่เธอเอ่ยชวนอีกคนแต่งงานมันก็คือแผนการมัดมือชกที่จะให้อีกฝ่ายรีบเปิดใจให้เธอเท่านั้นแหล่ะ จะมารอให้ค่อยๆคุยกันไปแล้วเมื่อไหร่จะได้ทำลูกกันสักทีล่ะอายุก็เข้าเลขสามกันแล้ว และสุดท้ายเธอก็ได้เลื่อนขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นสมดังตั้งใจจากแค่คนรู้จัก ฮึๆสถานะต่อไปก็คือคนรักอย่างแน่นอนคนเจ้าแผนการก็ได้แต่ยิ้มกริ่มให้กับความคิดตัวเอง     ปัณสิตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงจัดเตรียมอาหารเช้าง่ายๆใส่กล่องเผื่อตัวเองและคุณหมอ เมื่อวานเธอไปเดินเลือกซื้อของเพื่อจะได้นำไปถวายสังฆทานด้วยสองชุด เมื่อตรวจสอบทุกสิ่งอย่างครบถ้วนเรียบร้อยก็นำลงไปไว้ในรถก่อนจะขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปรับอีกคน บ้านของกวิสราจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งกับที่เธอพักแต่ไม่ได้ไกลกันมากขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง ยิ่งวันนี้วันอาทิตย์รถไม่ติดก็คงใช้เวลาไม่นาน กวิสราตื่นเจ็ดโมงเช้าอาบน้ำแต่งตัวลงมาชั้นล่างก็เจอบิดามารดานั่งทานมื้อเช้ากันอยู่ก่อนแล้ว ส่วนน้องชายคงจะตื่นสายหน่อยเป็นปกติของวันหยุดพักผ่อน "จะไปไหนแต่เช้าเหรอลูก" กรนิกาเอ่ยทักลูกสาวที่เดินเข้ามาในห้องอาหารเห็นคนเป็นลูกแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอก "มีคนชวนไปไหว้พระทำบุญค่ะคุณแม่ก็เลยตื่นเช้าหน่อย" กวิสราตอบพร้อมรอยยิ้มให้คนเป็นแม่พยักหน้ารับรู้ แต่บิดาก็ถามขึ้นมาอีก "ไปกับใครล่ะลูกหมอวิเหรอ" กิติภพถามนานๆวันหยุดลูกสาวถึงจะออกไปไหนหากไม่ได้นัดเพื่อนไว้ "ไม่ใช่วิหรอกค่ะคุณพ่อ เดี๋ยวไว้เขามาถึงแก้มจะแนะนำให้รู้จักนะคะ" คำตอบอมพะนำเหมือนมีเลศนัยของลูกสาวทำให้คนเป็นพ่อกับแม่ขมวดคิ้วหันมามองหน้ากัน แปลก แล้วแววตาสุกใสเป็นประกายที่มันหายไปนานจากดวงตาคู่สวยของลูกสาวพวกเขาตั้งแต่เมื่อเกิดเรื่องคราวนั้น แต่วันนี้คุณหมอคนสวยกลับดูเหมือนคนมีอะไรในใจรอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้าสวยหวานรูปไข่ก็แลดูสดใสกว่าปกติ หรือว่ากวิสราจะมีใครสักคนขึ้นมาแล้ว ผู้ให้กำเนิดทั้งสองคิดอย่างสงสัยตรงกัน ไม่นานเสียงรถยนต์ก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านกวิสราเลยลุกเดินออกไปดูก็เห็นลุงบุญมีคนดูแลสวนกำลังเปิดประตูเล็กให้กับปัณสิตาเดินเข้ามาในบ้าน กวิสราส่งยิ้มให้คนที่เดินยิ้มหวานเข้ามาหา "ทานอะไรมาหรือยังคะ" คุณหมอเอ่ยถามเมื่ออีกคนเดินมายืนตรงหน้าแล้ว "ทานอะไรรองท้องมาบ้างแล้วค่ะหมอจะทานมื้อเช้าก่อนก็ได้หรือจะไปทานกันที่ร้านอาหารที่โน่นก็ได้ปัณเตรียมครัวซองกับแซนวิชติดรถไปด้วยเผื่อหิว" "ทานขนมปังกับนมรองท้องแล้วค่ะ ปัณเข้าไปทักทายคุณพ่อคุณแม่ก่อนดีกว่านะคะ" คำชวนของคุณหมอคนสวยทำให้ปัณสิตาอดแปลกใจไม่ได้ไม่คิดว่าอีกคนจะยอมให้เธอเจอผู้ใหญ่ในวันนี้ ถามว่ากลัวไหม ไม่หรอกทุกสิ่งในชีวิตมันคือความท้าทายทั้งนั้นแม้กระทั่งความรักก็ยังต้องเสี่ยงเพื่อที่จะได้มา "จะเปิดตัวเหรอคะถึงยอมให้ปัณเจอคุณพ่อคุณแม่น่ะ" ปัณสิตาเอ่ยเย้าคุณหมอขณะที่เดินเข้ามาในบ้าน "แล้วกล้าหรือเปล่าละคะระวังจะโดนคุณพ่อไล่ตะเพิดออกนอกบ้านก่อนล่ะ" กวิสราหันมายิ้มท้าทายให้คนที่เธอจะแนะนำให้บิดามารดารู้จักเป็นครั้งแรก เธอไม่ได้กลัวว่าพ่อแม่จะแอนตี้เรื่องความรักของเพศเดียวกันหรอกนะถึงเธอจะไม่เคยคบหรือชอบพอผู้หญิงด้วยกันมาก่อน แต่คนหลายคนรอบตัวแม้กระทั่งพี่สาวลูกพี่ลูกน้องก็รักชอบเพศเดียวกันท่านก็ไม่เคยอคติหรือพูดในทำนองที่ไม่ชอบ เธออยากจะทดสอบคนที่เดินอยู่ข้างๆนี่มากกว่าว่าถ้าเจออุปสรรคขัดขวางปัณสิตาจะทำยังไงจะเดินหน้าจีบเธอต่อไปหรือว่าจะถอย "อยากได้ลูกเสือก็ตัองกล้าเข้าถ้ำเสือสิคะ" คำตอบที่ได้รับทำให้คุณหมออมยิ้มพอใจก่อนจะพูดต่อ "ทำให้ได้อย่างที่พูดเถอะค่ะไม่ใช่เจอด่านแรกก็ถอยทัพกลับนะคะ" "หึหึ ถ้าแบบนั้นคงไม่ใช่ปัณแล้วละคะแก้ม" คำพูดพร้อมแววตามุ่งมั่นเป็นประกายบ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองของคนที่เธออยากทดสอบทำให้กวิสราแอบพอใจอยู่ลึกๆ เมื่อเดินเข้ามายังห้องอาหารก็พบผู้ใหญ่วัยพอกันกับบิดามารดาของเธอปัณสิตาเดินตามหลังคุณหมอเข้าไปยังโต๊ะทานอาหารที่สองคนชายหญิงกำลังส่งสายตามองมาที่พวกเธออยู่แล้ว "คุณพ่อคุณแม่คะนี่ปัณ ปัณสิตา เป็นคนที่แก้มคบอยู่ค่ะ" คำแนะนำที่กวิสราตั้งใจบอกตรงๆเพื่อที่จะดูปฏิกิริยาทั้งฝั่งพ่อแม่ตัวเองและคนที่ยืนข้างๆ เป็นไปตามคาดพ่อกับแม่เธออึ้งเลยล่ะ "อะไรนะหมอแก้ม! นี่ลูกหันมาคบหาผู้หญิงด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่?" กิติภพเอ่ยถามลูกสาวทั้งแปลกใจและตกใจอยู่เหมือนกัน "สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า ปัณขออนุญาตคบหากับหมอแก้มอย่างเป็นทางการเลยก็แล้วกันนะคะ ถ้าหากว่าปัณทำให้คุณหมอเสียใจหรือว่าปัณไม่คู่ควรไม่ดีพอกับลูกสาวคุณลุงคุณป้า ปัณจะเป็นคนเดินออกไปจากชีวิตของหมอแก้มเองค่ะ ตอนนี้ปัณขอโอกาสให้ปัณได้พิสูจน์ตัวเองถึงปัณจะเป็นผู้หญิงแต่ปัณเชื่อว่าปัณสามารถดูแลคุณหมอได้ไม่แพ้ผู้ชายแท้ๆค่ะ" คำพูดจาฉะฉานมั่นอกมั่นใจแต่ไม่ได้ดูก้าวร้าวอวดตัวเองแต่อย่างไรทำเอาผู้ใหญ่ทั้งคู่นึกทึ่งอยู่ในใจ ผู้หญิงสาวสวยหน้าตาดีบุคลิกดีที่ลูกสาวแนะนำว่าเป็นคนที่กำลังคบหากันอยู่ แถมคนที่ถูกแนะนำยังกล้าพูดขอโอกาสอย่างไม่คิดเกรงกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากบ้านเลยสักนิด ฮึฮึ เกิดมาเขาเพิ่งเคยเจอผู้หญิงที่ใจกล้าเยี่ยงชายก็ตอนนี้ล่ะกิติภพนึกในใจ "หนูกล้ามากเลยนะที่กล้าพูดขอโอกาสแบบนี้น่ะ เอาเหอะไหนๆก็ขอแล้วลุงจะลองให้เวลาดูว่าจะทำให้หมอแก้มมีความสุขได้อย่างที่พูดหรือเปล่า" กิติภพยอมเออออให้ง่ายๆแต่ในใจน่ะเขาเตรียมคิดหาวิธีลองใจสาวสวยตรงหน้าไว้แล้วล่ะ คิดจะมาเป็นลูกเขยเขามันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ กรนิกายิ้มให้สาวสวยตรงหน้าที่ตอนนี้ส่งยิ้มกว้างหันไปมองลูกสาวเธอที่ยิ้มตอบอีกคนเช่นกัน เธอต้องการเห็นลูกมีความสุขถ้าหญิงสาวคนนี้สามารถทำได้อย่างที่เอ่ยบอกเธอเองก็ไม่มีปัญหาอะไร ในเมื่อลูกสาวเคยผิดหวังมาจากผู้ชายนั่นหมายความว่าเพศไม่ได้บ่งบอกเลยว่าคนๆนั้นจะดีหรือเลว หากกวิสราจะรักใครแล้วลูกมีความสุขเธอก็ยินดี "ปัณขอบคุณที่คุณลุงคุณป้าให้โอกาสนะคะ ปัณจะรักษาโอกาสนี้และจะดูแลหมอแก้มให้ดีที่สุด" ปัณสิตายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยรอยยิ้ม "ถ้างั้นแก้มไปนะคะคุณพ่อคุณแม่ ออกสายเดี๋ยวแดดจะร้อนเสียก่อน" "จ๊ะลูก พากันขับรถดีๆล่ะหนูปัณ แล้วก็อย่าพากันกลับมืดค่ำนักนะลูก" "ค่ะคุณแม่ / ค่ะคุณป้า" ผู้ใหญ่ทั้งสองมองตามหญิงสาวทั้งคู่ที่เดินออกจากบ้านไปก่อนจะหันมามองหน้ากัน "หึหึ ผมเพิ่งเคยเจอผู้หญิงใจกล้าครั้งแรกนี่แหล่ะคุณ" กิติภพเปรยออกมายิ้มๆให้ภรรยาทักขึ้นมา "ฉันนึกว่าคุณจะโวยวายห้ามลูกสาวสุดที่รักซะอีกนะคะ" "อ้าวคุณนิกาก็ เห็นผมเป็นคนใจร้ายกับลูกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คุณไม่เห็นแววตาหมอแก้มเหรอว่ามันมีแววสุกใสขนาดไหน แต่นะผมไม่ได้คิดจะปล่อยให้ผ่านด่านไปง่ายๆหรอกต้องมีอะไรมาทดสอบใจกันบ้างหึหึ" นั่นยังไงเธอคิดแล้วว่าคนอย่างสามีเธอที่แสนจะรักหวงลูกสาวไม่น้อยจะยอมให้ใครเข้ามาจีบง่ายๆ ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยกันยิ่งต้องหาทางลองใจแน่นอน "จะทำอะไรก็ระวังลูกสาวคุณจะโกรธเอาหาว่าฉันไม่เตือนนะคะ" "อ้าว พูดแบบนี้จะให้ผมปล่อยให้จีบกันง่ายๆมันก็ไม่ใช่แล้วนะคุณ มันต้องมีอะไรมาการันตีอนาคตของลูกเราบ้างสิ ผมไม่ได้มีอคติกับเพศเดียวกันนะแค่อยากรู้อีกคนจะจริงจังมั่นคงกับลูกเราแค่ไหนเท่านั้นเอง" คำพูดของคนเป็นสามีก็ทำให้กรนิกานึกตามก็จริงนั่นล่ะถ้าอีกคนรักจริงมั่นคงก็ดีไป แต่หากเป็นแค่ความหลงไหลชั่วคราวลูกสาวเธอเองก็คงจะเป็นฝ่ายเสียใจอย่างที่ผ่านมานั่นแหล่ะ "ปากจะฉีกถึงหูแล้วค่ะปัณ" กวิสราเอ่ยทักคนที่ทำหน้าที่ขับรถตั้งแต่ออกมาจากบ้านอีกคนก็เอาแต่ยิ้มหน้าบานไม่หุบจนนึกหมั่นไส้ "หึหึ ก็ปัณมีความสุขนี่คะจะให้ร้องไห้หรือไงคะ" ปัณสิตาหันมาตอบด้วยรอยยิ้มหวานให้คุณหมอส่ายหัวแต่ก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันที่บิดายอมเปิดไฟเขียวให้กันง่ายๆแบบนี้ "แก้มไม่คิดว่าคุณพ่อจะยอมง่ายๆแบบนี้นะคะ" คำพูดของคุณหมอคนสวยทำให้ปัณสิตาคิดตามนั่นสิ ขนาดพ่อเธอยังมีโวยวายบ้างตอนที่เธอบอกว่าน้องสาวคบกับณัฐวรินทร์น่ะ "แล้วปกติท่านเป็นคนหวงลูกสาวมากหรือเปล่าคะ" "อืม ก็ค่อนข้างหวงอยู่พอสมควรนะคะ แก้มถึงแปลกใจว่าทำไมวันนี้ท่านถึงเออออไปกับปัณง่ายๆ" "สงสัยท่านจะเห็นถึงความจริงใจของปัณมั้งคะ" ปัณสิตาเอ่ยออกมายิ้มๆ แต่ในใจก็คิดว่าเธอคงจะต้องเตรียมรับมือว่าที่พ่อตาเอาไว้บ้างเหมือนกัน เขาว่าน้ำนิ่งๆมักจะมีคลื่นใต้น้ำตามมาเสมอ จะมายังไงเธอก็พร้อมจะสู้อยู่แล้วล่ะเพื่อคนที่นั่งข้างๆตอนนี้  "เดี๋ยวเราไปถวายสังฆทานกันก่อนนะคะ ปัณเตรียมมาเผื่อหมอเรียบร้อยแล้ว" ปัณสิตาบอกเมื่อขับรถเข้าสู่เขตอยุธยาแล้ว "ขอบคุณค่ะ"  กวิสราหันไปยิ้มกล่าวขอบคุณคนที่รู้จักเตรียมตัวมาพร้อมเผื่อเธอด้วย ยี่สิบนาทีต่อมาพวกเธอก็เข้ามายังวัดแห่งหนึ่งที่ดูร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นโพธิ์ต้นไทรขึ้นอยู่หลายต้น ปัณสิตาเดินเข้าไปสอบถามแม่ชีที่กำลังกวาดพวกใบไม้อยู่ใกล้ศาลาหลังไม่ใหญ่มาก วัดนี้เธอไม่เคยมาเพราะดูแล้วน่าจะเป็นวัดที่เหมาะกับการฝึกปฏิบัติธรรมมากกว่าวัดที่สำหรับไหว้ขอพรทั่วไปเหมือนวัดดังๆที่เธอรู้จัก "เดี๋ยวเราเดินเข้าไปที่กุฏิข้างในกันค่ะ" ปัณสิตาเดินกลับมาบอกคนที่ยืนรออยู่ให้พยักหน้าแล้วเดินตามกันไป "อ้าวโยม หายไปหลายเดือนเลยเน๊าะตั้งแต่มาถวายผ้าป่าคราวโน้นน่ะ เป็นยังไงบ้างสบายดีอยู่ใช่ไหม" หลวงพ่อเอ่ยทักคนที่กำลังเดินขึ้นมาบนกุฏิของท่าน ปัณสิตาเคยมาวัดนี้แล้วและเคยรวบรวมเงินมาช่วยสร้างกุฏิพระกับสร้างห้องน้ำด้วยท่านจึงจำได้ "นมัสการค่ะหลวงพ่อ พอดียุ่งๆหลายอย่างอยู่ก็เลยไม่ได้แวะมากราบน่ะค่ะ หลวงพ่อสบายดีนะคะ" ปัณสิตากับคุณหมอก้มกราบหลวงพ่อที่อายุน่าจะ60กว่าพรรษาไปแล้ว "ก็สบายดีตามอัตภาพและสังขารนั่นล่ะโยม" หลังจากพูดคุยถามไถ่กันพอสมควรจึงได้ถวายสังฆทานแล้วกราบลาท่านออกมา "ปัณมาบ่อยเหรอคะวัดนี้น่ะ เห็นคุยกับหลวงพ่อเหมือนสนิทกับท่านเลย" กวิสราเอ่ยถามเมื่อพากันเดินออกมาจากกุฏิแล้ว "ก็มาครั้งนี้ครั้งที่สี่แล้วค่ะ ปัณเคยนำผ้าป่ามาช่วยสร้างกุฏิกับห้องน้ำเมื่อปีก่อน ก่อนหน้านั้นเคยมากับรุ่นพี่ที่ทำงานหลวงพ่อองค์เมื่อกี้ท่านเป็นญาติกับพี่ที่ทำงานปัณน่ะค่ะ" อย่างนี้นี่เองถึงว่าท่านถึงได้ทักอีกคนเหมือนรู้จักกันดี "หิวหรือยังคะจะไปไว้พระต่อหรือว่าไปหาอะไรทานกันก่อน" ปัณสิตาถามเมื่อพากันมาขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว "ไม่หิวหรอกค่ะไปไหว้พระก่อนดีกว่าไว้เที่ยงเราค่อยไปหาอะไรทานกันทีเดียว" "โอเคค่ะ" จากนั้นสารถีคนสวยก็ทำหน้าที่เป็นทั้งคนขับรถและไกด์พาคุณหมอคนสวยตระเวนไหว้พระจนถึงเวลาเที่ยงจึงได้พากันหาที่ทานกลางวันกัน "คนมาเที่ยวเยอะเหมือนกันนะคะ" กวิสราเอ่ยออกมาเมื่อพวกเธอแวะมาที่ตลาดสี่ภาคที่เป็นทั้งจุดท่องเที่ยวและรวมพวกร้านอาหารหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้หาทานกัน "ใช่ค่ะวันหยุดก็จะคึกคักแบบนี้แต่วันธรรมดาก็คงจะเงียบเหมือนกัน" เมื่อพากันเดินดูร้านอาหารต่างๆจนมาหยุดเลือกร้านที่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งถึงได้พากันแวะเข้าไป เมื่อจดรายการอาหารไปแล้วทั้งคู่ก็นั่งพูดคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยจนกระทั่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม