ศิลา บี วาเลนไทน์ ประธานคนใหม่ของบริษัท บีเบฟเวอร์เรจ จำกัด บริษัทผลิตเครื่องดื่มน้ำเมาชั้นนำในเมืองไทย เขารับตำแหน่งแทนท่านประธานคนเก่า ที่ได้เกษียณตัวเองออกไปในวัย เจ็ดสิบห้าปีซึ่งถือว่าแก่มากแล้ว และให้ลูกชายเพียงคนเดียวขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเต็มความภาคภูมิ
ก่อนหน้าศิลาดูแลสายการผลิตในต่างประเทศ บิดาและมารดาดูแลบริษัทในเมืองไทย แต่เมื่อสังขารท่านรับไม่ไหว ไม่อยากเครียดจากการทำงานแล้วก็ต้องปล่อยวาง เรียกตัวศิลากลับมา ศิลาเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย – อเมริกัน วัยสามสิบแปดปี บิดาเป็นชาวอเมริกัน มารดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เขาไม่มีชื่อเล่นแต่ทุกคนในครอบครัว เอาชื่อรองของเขามาเรียกแทนชื่อเล่น คือบี และเรียกจนกลายเป็นชื่อเล่นติดปากไปเสียแล้ว
ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศศิลายังไม่ได้เข้าบริษัทเลย แต่เจ้าหน้าที่และผู้บริหารเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมสรรพ กระทั่งวันนี้ที่เขาพร้อม จึงยินยอมให้เลี้ยงต้อนรับและเข้าบริษัท ทุกคนในบริษัทกว่า 90% เคยเห็นศิลามาก่อนแล้ว แต่บางคนที่เป็นพนักงานใหม่วันนี้จะเป็นวันแรกที่ได้เห็น
ศิลาก้าวผ่านประตูเข้าไปในบริษัทยักษ์ใหญ่ ท่ามกลางการรุมล้อมของบอร์ดี้การ์ดกว่าห้าคน มีมาวินเดินเยื้องไปทางด้านหลังสองก้าว ด้วยความเป็นผู้บริหารระดับสูงแต่น้อยกว่าศิลา แม้เป็นเพื่อนรักกัน แต่ต้องให้เกียรติเมื่อต้องอยู่ในบริษัทหรืออยู่ในหน้าที่ พอทุกคนเห็นศิลา ต่างพากันหยุดชะงักและยกมือไหว้โดยอัตโนมัติ ศิลารับไหว้แต่ปรับสีหน้านิ่งแล้วเดินขึ้นลิฟต์ไปเลย โดยไม่ได้เอ่ยอะไรเพราะแฮงค์อยู่ พูดออกไปเดี๋ยวแสดงอาการลิ้นเปลี้ย
“อยากได้เลขาผู้หญิงหรือเปล่าถามจริง มันต้องมีเพิ่มสักคนนะ” มาวินเอ่ยถามขณะที่ลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นห้องทำงาน
“ไม่” ศิลาตอบสั้นๆ
“ผู้หญิงทำงานละเอียดนะโว้ย”
“ไม่อ่ะ กลัวอดใจไม่ไหว” ศิลาพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะเหล่มองเพื่อนยิ้มๆ
“บ้าบอ อะไรจะขนาดนั้น” มาวินแซวกลับ
“ฉันมีคนเดียวพอแล้ว ไม่อยากปวดหัว เห็นแกมีสองคนท่าทางจะวุ่นวาย”
“พูดถึงความวุ่นวายก็ใช้ได้เลย ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ฉันแบ่งให้นายคนหนึ่งก็ได้นะ เอาเจ้าเด็กฝึกงานไปจะได้ช่วยแบ่งเบานายอีกแรง”
“ก็บอกแล้วว่าไม่” สิ้นคำศิลาก็เดิมดุ่มๆ ไปยังทางห้องทำงานของประธาน ซึ่งมีป้ายเขียนตำแหน่งเอาไว้เป็นอย่างดี นี่แหละห้องเขา
“จัดห้องให้บอร์ดี้การ์ดอยู่ด้วยนะ แล้วก็พวกนายไม่ต้องตามเข้าไป” ศิลาหันมาบอกบอร์ดี้การ์ดทั้งหมด
“ครับท่าน” ทุกคนรับคำ แล้วรอที่ห้องรับแขกด้านนอก ส่วนเจ้านายหนุ่มเข้าห้องกับมาวินและผู้ช่วยอีกหนึ่งคน
“เดี๋ยวมีฝ่ายต่างๆ เอาเครื่องบรรณาการมาให้นะครับเจ้านาย ผมแจ้งทุกคนตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ” มาวินบอก
“อืม แล้ว... ผู้ช่วยนายที่เป็นเด็กฝึกงาน จะมาเมื่อไหร่” ศิลาแสร้งถามเสียงเรียบ ปากบอกว่าไม่เอา แต่ดันถามถึง
“เอ่อ สักบ่ายๆ นะเห็นว่ามีเรียนเช้า มีอะไร เอ๊ะหรือว่า... เปลี่ยนใจ” มาวินถามด้วยความสงสัยพลางหรี่ตามอง
“เปลี่ยนอะไร ฉันควรจะรู้จักลูกน้องที่รับใช้ใกล้ชิดระดับผู้บริหารไม่ใช่เหรอ หรือว่าไม่ได้”
“ได้สิครับ เอาไว้ให้น้องมันมาแล้วจะพามาแนะนำตัว ดูๆ เอกสารไปก่อนนะครับเจ้านาย ผมกลับห้องก่อน” มาวินบอกอย่างเป็นทางการ จากนั้นก็กลับออกไปทันที ห้องทำงานก็อยู่ชั้นเดียวกันนี่แหละไม่ได้อยู่ห่างกันมากหรอก
“โทษทีครับ ผมเพิ่งสังเกตหัวคิ้วไปโดนอะไรมา” ภัสกรผู้ช่วยหนุ่มอายุน้อยกว่าถามด้วยความเป็นห่วง
เรียกว่าเห็นนานแล้วจะดีกว่า แต่เพิ่งมีโอกาสได้ถาม
“เอ่อ... เมื่อคืนเมาน่ะ ล้มหัวฟาดขอบโต๊ะ”
“อะไรจะซุ่มซ่าม ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่ยอม แล้วนี่แตกหรือเปล่าครับ ขอดูซิครับ” ว่าแล้วภัสกรจึงเอื้อมมือจะไปจับทว่าศิลาเอนตัวหนีเสียก่อน
“อื้อ! ไม่เป็นไร แตกนิดเดียวไม่ต้องเย็บ เดี๋ยวก็หาย”
“นี่ก็คือไม่ได้ดื่มเหล้ามานานแล้ว พอดื่มเข้าหน่อยคออ่อน”
“ใช่ คออ่อน เมามากเลยเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้” พอนึกถึงเมื่อคืนก็ทำให้ศิลานึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาหัวแตก
“อยากได้กาแฟขมๆ อีกสักแก้ว ดื่มที่โรงแรมแล้วไม่ดีขึ้น ไปจัดการให้หน่อยไป”
“ก็ได้ครับ” ว่าแล้วภัสกรก็ออกไปหากาแฟมาให้เจ้านาย
ระหว่างนี้ศิลาก็ลุกเดินไปยืนอยู่ริมกระจกใสขนาดใหญ่ พลางนึกถึงคนเมื่อคืนที่เขาจูบ และเกือบจะรวบหัวรวบหางได้แล้ว อีกทั้งเก็บคำพูดของมาวินมาครุ่นคิด รวบรวมและวิเคราะห์ว่าเลขาของมาวินคนไหนที่ขึ้นไปหาเขากันแน่ และนึกถึงคำพูดของเด็กนั่นที่บอกว่ามาเอาของให้มาวินแถมบอกว่าเป็นผู้ชาย หรือมาวินจะให้เด็กนั่นมาจริงๆ สรุปศิลาจูบผู้ชายอย่างนั้นหรือ
ว่าแล้วเขาก็เอาหมวกแค๊ปออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท ที่อุตส่าห์พับเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีออกมาดู
“ฉันจูบผู้ชายเหรอวะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะแข็งกระด้าง แล้วทำอะไรเกินไปกว่านั้นหรือเปล่า” เขาคิด
และพยายามนึกถึงภาพบนเตียง เขาทั้งจูบ ทั้งซุกไซ้ ใช้ลิ้น คุณพระคุณเจ้า!
“นี่เมาถึงขนาดจะปล้ำเด็กผู้ชายเลยเหรอวะ แต่ก็หน้าหวานเหมือนผู้หญิง เฮ้อ” ศิลายังพอจำหน้าได้คลับคล้ายคลับคลา คงต้องเรียกตัวมาฟันธงอีกทีว่าจะใช่หรือไม่ใช่ บ่ายนี้คงได้รู้กัน เขาคิด พลางเอามือแตะที่เรียวปากของตนเอง ก่อนจะเลียริมฝีปากพาลนึกถึงจูบนั่น ไม่ได้น่ารังเกียจสักนิด ทว่ากลับวาบหวามจนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ช่วงเวลาเดียวกัน ไม่ใช่แค่ศิลาจะครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน คนที่เกือบถูกปล้ำก็รู้สึกหวาดผวาไม่หาย ไปเรียนก็ต้องเดินก้มหน้าอย่างไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ว่ากลัวอะไรนักหนาเหมือนกัน เห็นใครตัวสูงใหญ่หน้าหล่อ ก็แทบจะไม่กล้าเข้าไปเพราะระแวง
“ตะวัน ไอ้บ้า มึงเป็นอะไรวะเนี่ย” ตะวันว่าให้ตัวเอง ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปที่ตึกคณะ
“ตะวัน!!!” เสียงเรียกของสาวคนหนึ่ง ทำให้ตะวันรีบหันไปทางต้นเสียงทันที
“แป้ง” ตะวันเรียกหญิงสาวอย่างสนิทพร้อมกับยิ้มหวานจากนั้นหญิงสาวจึงเดินมาขนาบข้างแทบจะชิด
“ทำไมวันนี้มาสายจัง” หญิงสาวถามพลางเดินขึ้นยังห้องเรียนของคณะ
“เอ่อ ตื่นสายน่ะ เมื่อคืนเลิกงานดึกไปหน่อย”
“อืม งั้นคราวหน้าก็ไม่ต้องไปส่งแป้งที่บ้านก็ได้ ตะวันก็จะได้ทำงานเร็วแล้วก็เลิกเร็ว”
“จะให้แป้งกลับคนเดียวได้ยังไงค่ำมืดขนาดนั้น”
“หวานแต่เช้า! หวานแต่เช้า! ห่างๆ กันบ้างก็ได้นะคู่นี้น่ะ” กรกฎเพื่อนชายคนหนึ่งแซวขึ้น
“กลางคืนก็ห่างกันแล้วไง มาเรียนก็ต้องเจอกันเป็นเรื่องธรรมดา” แป้งร่ำบอกยิ้มๆ พลางมองหน้าตะวันอย่างขวยเขิน
“ว่าแต่แกขอบตาคล้ำๆ นะ เมื่อคืนนอนดึกเหรอ” กรกฎถามด้วยความสงสัย
“อืม นอนดึกนอนไม่ค่อยหลับน่ะ หลับอีกทีเกือบตีสามแน่ะ เอ่อกรกฎ ชั่วโมงว่างกูขอคุยอะไรหน่อยสิ”
“มีอะไรวะ” กรกฎถามอย่างแปลกใจ
“นั่นสิ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าตะวัน” แป้งร่ำแทรกขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก จะคุยกันตามประสาผู้ชายน่ะ สาวๆ ก็ต้องไปอยู่กับสาวๆ” ตะวันบอก
“ได้สิ งั้นเราเข้าเรียนก่อน” ว่าแล้วทุกคนจึงเข้าห้องเรียนรออาจารย์เสียก่อน
แต่ดูเหมือนตะวันจะไม่มีสมาธิเอาเสียเลย เหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้เขานอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ใจเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึงตอนที่อีตาขี้เมาจูบ ซุกไซ้ ดูดเลียเม็ดนม เสียวไปทั้งท้องน้อย โอ๊ยไม่เอาน่าเขาเป็นอะไรไปเนี่ย เคยมีความรู้สึกประเภทนี้กับผู้หญิงไม่ใช่หรือ หรือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมชาติเมื่อถูกสัมผัสมันจะตื่นตัวอยู่แล้ว ตะวันคิด และเหม่อลอยไม่เป็นอันเรียน จนกรกฎถึงกับสะกิด
“เหม่อนะเนี่ย มึงเป็นอะไรวะเนี่ย”
“ไม่ได้เป็นอะไร กูก็แค่คิดถึงงานเมื่อคืนน่ะ”
“ให้มันจริง เหม่อถึงสาวคนไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“กูคบแป้งอยู่จะให้หูเหม่อถึงใคร”
“ฮั่นแน่ ยอมรับแล้วว่าคบ ดีใจแทนยัยแป้งไม่นกแล้วอุตส่าห์ทอดสะพานให้แกตั้งแต่ปี 1”
“อื้อ ก็แค่ดูกันไป อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอนเรา โดยเฉพาะคนอย่างฉัน ผู้หญิงคนไหนจะกล้ามาฝากชีวิตด้วย ไม่ใช่ลูกคนรวย คบไปก็เหนื่อยเปล่าๆ”
“บ่นอะไรวะเนี่ยเรียนก่อน” ว่าแล้วก็ต้องตั้งใจเรียนก่อน หยุดการสนทนา