บทที่ 6 สบตาดั่งไฟช็อต

1714 คำ
ตะวันมาถึงบริษัท บี เบฟเวอร์เรจ จำกัด ในเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง ซึ่งพนักงานทุกคนพักเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่แท็กซี่จอดหน้าบริษัท ตะวันกลับเห็นเจ้านายยืนหน้าตึงอยู่หน้าทางขึ้นพอดี ตะวันรีบลงรถแล้วรีบแก้ตัวทันที “รถติดครับ” ตะวันรีบบอก “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่หว่า เอานี่ค่าแท็กซี่” มาวินยื่นแบ็งค์สีม่วงให้หนึ่งใบ ไม่รู้หรอกว่าค่าโดยสารเท่าไหร่ ทอนมาก็แล้วกัน เมื่อจ่ายค่ารถเสร็จแล้วแท็กซี่ก็เคลื่อนออกไปทันที                “ป่ะ” มาวินออกปากชวนทันที           “ไปไหนครับ”           “ไปกินข้าว ขึ้นรถ” มาวินบอก เมื่อรถแล่นมาจอดพอดี ระดับผู้บริหารอย่างเขาแน่นอนว่ามีคนขับรถให้ ตะวันก็นั่งข้างๆ เจ้านายอย่างไม่รีรอและไม่ถามให้มากความ           “ก็ไหนคุณวินบอกว่าจะพาผมไปดูหน้าเจ้านายอีกคน”           “ไปแล้ว ไปล่วงหน้าแล้วเมื่อกี้ เขาขี้เกียจรอเราน่ะ”           “แล้วนี่พี่ด้าไม่ไปด้วยเหรอครับ”           “มีแต่ผู้ชาย ยัยด้าไม่ไปด้วยหรอก”           “คุณวินบอกว่ามีแต่ผู้ชาย แสดงว่าประชุมนอกรอบเหรอครับ”           “บ้า คุณท่านเขาไม่ได้บ้างานขนาดนั้น ไปเลี้ยงข้าวผู้บริหาร ส่วนฉันอยากแนะนำนายให้คุณท่านรู้จัก เพราะเขารู้จักคนอื่นหมดแล้ว อีกอย่างเผื่อได้ช่วยงานท่านโดยตรง ช่วยงานหลายๆ ฝ่ายได้ความรู้เยอะนะ”           “ผมเอ่อ จะดีเหรอครับ มีแต่ผู้ใหญ่”           “ดีสิ ตีซี้ผู้ใหญ่ไว้ เวลามีคนเอ็นดูมันง่ายต่อการทำงาน สมัยนี้ต้องอาศัยความเอ็นดู”           “ผมเรียกว่าใช้เส้น”           “เอ่อ จะอะไรก็แล้วแต่ เรียนรู้เข้าไว้ มันจะทำให้เราได้งานทำ”           “ครับผม”           จากนั้นทั้งคู่นั่งรถมาด้วยกัน จนถึงภัตราคารแห่งหนึ่ง รถคุ้นตาจำนวนหลายคัน จอดอยู่ตรงลานจอดรถ พร้อมด้วยเหล่าบอร์ดี้การ์ดที่เตรียมขึ้นไปรับประทานในส่วนที่ถูกจัดเอาไว้เป็นอย่างดีเช่นกัน            “เอ่อ เรามาช้า” ตะวันถามขึ้นเมื่อรถจอดสนิท พร้อมกับเปิดประตูลงก่อน แล้วเปิดทางให้มาวินลง           “ใช่ ช้ามาก เพราะฉันรอนายไง” น้ำเสียงมาวินเหมือนจะตำหนิกรายๆ           “จริงๆ แล้ว คุณวินบอกให้ผมตรงมาที่นี่ก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องให้ผมไปที่บริษัทเลย”           “ทีแรกก็ว่าจะให้แนะนำกันก่อน แต่คุณท่านรอไม่ไหว หิวข้าวอ่ะ คนแฮงค์หิวง่าย”           “แฮงค์เหรอครับ ไปดื่มหนักมาจากไหน”           “อื้อ! ก็เมื่อคืนไงงานเลี้ยงต้อนรับ ขึ้นไปบ้างข้างบนดีกว่า เดี๋ยวรอนานกว่านี้จะถูกด่าเอา” ว่าแล้วมาวินจึงเดินนำไปยังห้องอาหารห้องหนึ่ง โดยมีบอร์ดี้การ์ดดักรออยู่ก่อนแล้วเพื่อบอกทาง เมื่อเห็นมาวินจึงเปิดทางให้เข้าไป ส่วนตะวันเดินรั้งท้าย ก้มหน้าเล็กน้อยด้วยความประหม่า ขณะเดียวกันท่านประธานรูปหล่อก็สรวลเสเฮฮากับเหล่าผู้บริหารด้วยกันอย่างออกรส             “ขอโทษที่มาช้าครับ” มาวินกล่าว ขณะยืนอยู่ที่ปลายโต๊ะ           “ช่างเถอะ ไม่เป็นไร นั่งเลยอาหารพร้อมแล้ว ให้เด็กแกนั่งกับแกนั่นแหละครับ” ศิลาบอกทั้งที่ไม่ได้เห็นหน้าเด็กหนุ่มเพราะมาวินบังอยู่           “ครับผม ตะวันมาสิ ลงนั่ง” มาวินหันไปเรียกตะวันมานั่งข้างๆ ซึ่งเรียกว่าอยู่ปลายโต๊ะพอดี ตรงข้ามกับหัวโต๊ะนั่นเอง           “เอ่อ ก่อนอื่นผมขอแนะนำก่อน ตะวันนั่นท่านศิลา ประธานบริษัท ท่านครับนี่ตะวันผู้ช่วยฝึกหัดของผมที่แผนก” มาวินแนะนำลูกน้องตัวเล็กๆ ให้เจ้านายใหญ่รู้จัก           จังหวะเดียวกันนั้น ตะวันก็ไม่กล้ามองหน้าแต่ยกมือไหว้ พอจังหวะเงยหน้าเท่านั้นแหละ ตะวันถึงกับอึ้งราวกับเห็นผี ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ พอๆ กับศิลาที่กำลังยิ้มอ่อน แต่กลับหุบยิ้มทันที เขามีความไม่แน่ใจ รู้สึกคุ้นๆ แต่ก็ไม่กล้าพันธง ต้องดูให้ใกล้กว่านี้           แต่ตะวันนี่สิที่จำได้ชัดเจนว่าอีตาขี้เมาที่จะปล้ำเมื่อคืนนี้ คือคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ และตำแหน่งอย่างเป็นทางการที่ได้ยินเมื่อครู่นี้คือ ประธานบริษัท คนใหญ่คนโตเป็นคนแบบนี้หรือวะ ตะวันคิด           “เป็นอะไรตะวัน นั่งลงสิ” มาวินกระซิบพลางดึงให้ตะวันนั่งลง ขณะเดียวกันศิลาหรี่ตามองตะวัน พร้อมกับครุ่นคิดถึงความรู้สึกของเมื่อคืน จำได้ว่าคนเมื่อคืนไม่ใช่เอด้าเลขาของมาวินแน่นอน เขาไม่ได้จูบผู้หญิง หากแต่เป็น... เด็กคนนั้น! ใช่แน่นอนหน้าตาแบบนั้น คิดแล้วเขาก็อึ้งไปเหมือนกัน ตอนนี้แทบจะทำตัวไม่ถูก ต้องนิ่งเท่านั้นเพื่อไม่ให้ใครสงสัย ส่วนตะวันก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ เลิ่กลั่กไปหมด เอาแต่ก้มหน้าอย่างเดียวสองมือกำแน่นจนเหงื่อซึม                  “คนนี้เหรอเด็กฝึกงานที่แกจะแนะนำให้ฉันรู้จัก” ศิลาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบพลางมองไปที่ตะวัน คราวนี้ได้มองชัดๆ แบบไม่เมา คือเด็กหนุ่มคนนี้หน้าหวานจริงๆ ด้วย จนเขาคิดว่าเป็นผู้หญิง ไหนจะผิวพรรณขาวกับอย่างกับหนุ่มเกาหลี นี่มันอะไรกันวะ           “ครับ นี่ก็ว่าจะให้ช่วยงานท่านนะ เห็นเป็นเด็กผู้ชายคล่องแคล่วว่องไว”           “งั้นเหรอ” ศิลาได้แต่ตอบสั้นๆ เพราะตอนนี้ใจเขากำลังสับสนไปหมด ปรับความรู้สึกไม่ทัน ขอทำใจสักวัน จะมองหน้าตะวันก็ไม่ได้เสียทีเดียว มันกระอักกระอวนชอบกล           “เอาล่ะ มาทีหลังก็กินเลยเดี๋ยวหิว” ศิลาบอกกับมาวิน มีแอบปรายตามมองตะวันเล็กน้อยพลางถอนใจ ก่อนจะจับแก้วไวน์ขึ้นยกดื่มจนหมดแก้ว ทุกคนกินไปพลางคุยเรื่องงานไปพลางตามประสาผู้ใหญ่ เหมือนประชุมนอกรอบที่ตะวันฟังไม่เข้าใจ ตะวันทำหน้าที่แค่เลขาฝึกงานให้มาวินเท่านั้นแหละ หยิบจับดูแลเจ้านายเป็นพิเศษ แต่ถึงกระนั้นก็กินอะไรไม่อร่อย มันสั่น ประหม่าอย่างบอกไม่ถูก           “เป็นอะไร มือสั่นเชียว หรือว่าเมาค้างจากเมื่อคืน”  มาวินถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นตะวันมือสั่นระหว่างตักอาหาร เหมือนคนหิวมาก           “เอ่อ เปล่าครับ ผมแค่หิวข้าว” ตะวันปฏิเสธเสียงสั่นเช่นเดิม นั่นเพราะความประหม่า แต่ยิ่งประหม่าก็ยิ่งอยากจะมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ             “กินเลย ไม่ต้องเกร็ง ทุกคนรู้จักนายหมดแล้ว”           “ครับคุณวิน” ปากก็พูดไปงั้นเองแหละ แต่รู้สึกกินไม่อร่อยเอาเสียเลย เหมือนถูกจ้องมองตลอดเวลา ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องสั่นขนาดนี้ กินไปพลางก็มือสั่นไปพลาง เคี้ยวข้าวได้ทีละนิด ขณะที่คนนั่งหัวโต๊ะก็คุยงานไปด้วย กินไปด้วย บางจังหวะก็เหลือบมองตะวันด้วยท่าทีกระอักกระอวนไม่หาย พาลหงุดหงิดในใจเสียใจอย่าง               “เป็นอะไรหรือปล่าครับคุณท่าน” ผู้บริหารท่านหนึ่งเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง           “ผม... เอ่อ... รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ ตามสบาย” ศิลาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ มีความหงุดหงิดเล็กๆ ก่อนจะลุกออกไปจากโต๊ะเพื่อเข้าห้องน้ำ ทว่าท่ามกลางคนเยอะแยะวุ่นวาย จึงไม่รู้หรอกว่าศิลาหายไปไหน ตะวันเงยหน้าอีกทีเจ้านายขี้เมาหายไปแล้ว ดีเหมือนกัน           “เฮ้อ” ตะวันถอนหายใจเบาๆ คล้ายจะโล่งอก มาวินที่แอบสังเกตอยู่ถึงกับขมวดคิ้ว           “มันเกร็งขนาดนั้นเชียว”           “ก็เอ่อ มีแต่ผู้บริหารนี่ครับ ไม่รู้ว่าคุณวินจะให้ผมมาร่วมด้วยทำไม”           “ทำไม ผู้ช่วยคนอื่นก็มา นี่เจ้านายเลี้ยงข้าวนะเนี่ย ท่านก็อยากจะรู้จักคนใกล้ชิดผู้บริหารที่สุด อย่างเช่นเลขา ผู้ช่วยเลขา บอร์ดี้การ์ด เหล่านี้ใกล้ชิดคุณท่านที่สุด และท่านต้องเรียกใช้”           “แล้วพี่ด้าทำไมไม่มาล่ะครับ”           “ก็นั่นเจ้านายเขารู้จักอยู่แล้ว หรือชอบให้ยัยด้ามานั่งจีบเราล่ะ”           “นี่แซวผมเหรอครับ ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ด้าซะหน่อย”           “แล้วเมื่อไหร่จะใจอ่อนล่ะ”           “เอ่อ ผม... มีคนคุยด้วยแล้วครับ ตอนนี้เลยไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ” จะบอกว่ามีแฟนแล้วก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น เรียกว่าดูๆ กันไปน่าจะถูกกว่า           “หล่อเลือกได้ หล่อเกาหลีเหลือเกิน” มาวินแซว           “ก็จริงนี่ครับ ผมไม่ชอบเผื่อเลือก ขอเลือกทีละคนดีกว่า”           “ยัยด้าออกจะน่ารัก แค่อาจจะพูดมากไปหน่อยแค่นั้นเอง เอ่อเฮ้ย! เจ้านายเราหายไปไหนแล้วเนี่ย”           “ไม่อยู่สักห้านาทีก็ดีครับ” ตะวันพลั้งปากพูดแต่ไม่ดังนัก           “ว่าอะไรนะเมื่อกี้” มาวินถามย้ำเพราะได้ยินไม่ชัด           “อ๋อ เปล่าครับ คือ เราต้องเรียกท่านประธานว่ายังไงครับ ผมเรียกไม่ถูก”           “ก็เรียกคุณท่าน หรือท่านประธาน สนิทหน่อยก็เรียกชื่อเล่น”                    “แหม ใครจะกล้าเรียกล่ะครับ”           “ถ้าสนิทก็เรียกได้ ถ้าท่านให้เรียกนะ”           “คงไม่มีใครกล้าทำตัวสนิทกับท่านมั้งครับ”           “หึๆ” มาวินหัวเราะเบาๆ ครั้นจะบอกว่าตัวเองสนิทกับเจ้านายก็ดูจะอวดไป ให้สังเกตเอาเองจะดีกว่า           “ระหว่างนี้รีบกินไป เจ้านายยังไม่อยู่ รู้หรอกน่าว่าเกร็งจนกินไม่อร่อย”           “ครับ ใช่” ในที่สุดตะวันก็ต้องยอมรับ เมื่อกี้ใจเต้นแรงมาก เหมือนกลัว หน้าร้อนผ่าวเลยทีเดียว           “เอ่อ ผม... ขอตัวเข้าห้องได้ไหมครับ” เขาอยากจะไปล้างหน้าเสียหน่อยจะได้หายร้อน           “เอาสิ นี่เจ้านายเราไปทางไหนก็ไม่รู้นะเนี่ย สงสัยออกไปยืดเส้นข้างนอก” เหมือนมาวินจะเอ่ยลอยๆ มากกว่า แต่ตะวันไม่ทันได้ฟัง เพราะอยากไปจากตรงนี้จะแย่อยู่แล้ว มันอึดอัดไปเสียหมด เขารีบเข้าห้องน้ำโดยไม่ทันระวังว่าจะมีคนสำคัญอยู่ด้านใน 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม