“คุณไฟครับ!”
เสียงต้นกล้าดังขึ้นข้างหลัง มือขวาของคุณไฟผู้ทำหน้าที่ในมุมมืด ก้มหัวให้เจ้านายเล็กน้อย
“มีอะไร?” น้ำเสียงหงุดหงิดอย่างที่สุด
“เอ๊ะ! ผู้หญิงคนนั้น คุณเนย์ญรินทร์ ลีละเดชารึเปล่าครับ”
ต้นกล้ามองตามร่างบางที่เห็นเพียงแวบเดียวในสายตา ก่อนจะเอ่ยปากถามผู้เป็นนาย
“ฉันไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ หล่อนจะได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม”
น้ำเสียงของเพลิงอินทรีเข้าขั้นเดือดสุดขีด ผู้ชายหล่อรวยอย่างเขากลับถูกตราหน้าว่าน่าขยะแขยง มันน่าจะฟาดก้นเจ้าหล่อนสักสองสามทีให้หายแค้น
“ถึงเวลาชำระหนี้ของใครบางคนแล้วครับ คุณสุภาษิต ลีละเดชา ยอดหนี้สามแสนบาท ผ่อนผันมายาวนานหลายครั้ง ผมว่าครั้งนี้คุณไฟควรจะเก็บทั้งต้นเก็บทั้งดอกนะครับ” ต้นกล้ารายงาน
“สุภาษิต ลีละเดชา”
ริมฝีปากหนายิ้มแย้มอย่างพึงพอใจ ลีละเดชา ตระกูลนี้ ถ้าหากเจ้าหล่อนเป็นลูกหลานของนายสุภาษิตจริงเขาจะให้หล่อนชดใช้ทั้งต้นทั้งดอกอย่างสาสม
“ไปจัดการทวงหนี้ ห้ามลดหย่อนผ่อนผัน! ทำยังไงก็ได้ให้ฉันได้ขอเสนอที่พึงพอใจ”
เสียงเจ้านายรูปหล่อดังขึ้น ต้นกล้าถึงกลับขมวดคิ้วเป็นปม คุณไฟคิดว่าตัวเองจะได้ข้อเสนออะไรกันหนอ ที่จะทำให้พึงพอใจถึงขนาดยอมลดหย่อนผ่อนหนี้ มือขวาอย่างต้นกล้าน้อมรับคำบัญชาอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินหน้าไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย
“ว่าไงนะ? คุณว่าอะไรนะคุณสุภาษิต!”
เสียงลินินทร์ดังก้อง บ้านไม้ทรุดโทรมสั่นสะเทือนเพราะการกระทืบเท้ของแม่เลี้ยงสาว
“ต้องหาเงินใช้หนี้ สามแสนบาท นี่ยังไม่รวมดอกเบี้ย”
ใบหน้าเครียดขรึมอย่างเห็นได้ชัดของคุณสุภาษิตนั้น ไม่อาจได้รับความเห็นใจจากผู้เป็นภรรยานามว่าลินินทร์เลยสักนิด เจ้าหล่อนทำหน้าทำตาเอือมระอาอย่างชัดเจน
“เงินสามแสน! คุณเอาไปทำอะไรหมด?” หล่อนยังอดไม่ได้ที่จะซักถาม
“คุณถามว่าผมเอาไปทำอะไรหมด! เงินเป็นล้านผมก็ประเคนให้คุณน่ะสิ ตอนนี้เขามาทวงผมจะทำยังไงดี ถ้าไม่มีให้รับรองอีกสามวันผมต้องตายแน่ๆ” น้ำเสียงของผู้เป็นสามีร้อนรนยิ่งนัก
“คุณจะตายก็ตายคนเดียว ฉันไม่เกี่ยว แล้วฝ่ายนั้นเขาว่าอะไรบ้าง เราผ่อนผันได้ไหม?”
ประโยคแรกลินินทร์คิดในใจ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่แสดงความห่วงใยอย่างสุดซึ้งให้สามีรับฟัง
“คุณคะ เราก็ไม่มีอะไรไปชดใช้หนี้ เขาต้องการอะไรรึเปล่า? ที่เราจะพอชดใช้ให้เขานอกจากเงิน...”
ลินินทร์ยื่นมือเรียวลูบไล้ใบหน้าคมสันของคุณสุภาษิตด้วยความเป็นห่วง หล่อนมีข้อเสนออยู่ในใจ แต่ก็ยังไม่อยากเอ่ยปากในเวลานี้
“เขาบอกว่าอยากได้ข้อเสนอที่พึงพอใจ ถ้าหากต้องการผ่อนผันหนี้”
คุณสุภาษิตก้มหน้าเครียด มือทั้งสองข้างประสานกัน มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย อับจนหนทางเหลือเกิน ชะตาชีวิตสิ้นไร้ไม้ตอก
“คุณสุภาษิต เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง คุณอย่าเครียดเลยนะ เดี๋ยวโรคก็กำเริบอีกหรอก อย่าห่วงเลยเงินพวกนั้นฉันก็มีส่วนทำให้มันเกิด ฉันจะช่วยคุณแก้ไขเอง คุณเชื่อใจฉันนะ... คุณคะ... ยังไงฉันก็รักคุณไม่เปลี่ยนแปลง...”
ลินินทร์โอ้โลมสามีด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย คุณสุภาษิตถึงกลับตื้นตันใจอย่างห้ามไม่อยู่ มือหนากอบกุมมือบางของภรรยาสาวมาบีบเบาๆ ใบหน้าที่เหี่ยวชรานั้นแย้มยิ้มดีใจเป็นที่สุด พยักหน้าน้อยๆ อย่างยอมรับ หลังจากนั้นก็หันไปคว้าขวดเหล้าเดินโซซัดโซเซไปนั่งจิบที่แคร่ไม้หน้าบ้าน
แม่เลี้ยงสาวรีบก้าวออกจากบ้าน ตรงไปยังบ้านเจ้าหนี้ที่หล่อนรู้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างหล่อนเป็นคนเป่าหูคุณสุภาษิตจนปัจจุบันผู้ชายคนนี้ไม่มีทรัพย์สมบัติให้เธอผลาญอีกแล้ว
“มาหาใครครับ?”
ต้นกล้าทักทาย แขกไม่ได้รับเชิญที่ชะเง้อชะแง้คอยาวเป็นยีราฟอยู่หน้าบ้าน
“ฉันเป็นเมียคุณสุภาษิต มีข้อเสนอในการผ่อนผันชำระหนี้มาให้พิจารณา”
ลินินทร์กล่าวอย่างทระนงในตัวเอง ต้นกล้ามองผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังงดงามจับตาด้วยท่าทีหยั่งเชิง
“คุณมีข้อเสนออะไรให้เจ้านายผมพึงพอใจ?” ลูกน้องมือขวาของเจ้าหนี้ค่อยๆ ตะล่อมเหยื่อทีละน้อย
“ฉันมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน ฉันยกให้ใช้หนี้ แต่ว่าฉันต้องได้รับเงินอีกห้าแสนบาท ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็เอาชีวิตสามีของฉันไป เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ไม่มีปัญญาจะชดใช้หนี้ให้พวกคุณได้อยู่แล้ว ครอบครัวเราก็ไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆ นอกจาก ลูกในไส้เพียงคนเดียว”
น้ำเสียงที่ดังขึ้นสร้างความตกใจให้กับต้นกล้าไม่น้อย ผู้หญิงคนนี้เอาแต่ได้ยอมขายลูกสาวทิ้ง แถมชีวิตสามีหล่อนก็ไม่แลเหลียว ข้อเสนอของหล่อนจะสร้างความพึงพอใจให้เจ้านายเขาอย่างนั้นหรือ เงินแปดแสนแลกกับผู้หญิงเพียงคนเดียว คุณไฟไม่ตกลงแน่ๆ
“ข้อเสนอของคุณ ผมจะไปเรียนให้เจ้านายพิจารณา”
ต้นกล้ากล่าวแค่นั้นก่อนจะเดินเลี่ยงไป ทิ้งให้ลินินทร์มองตามหลังพร้อมภาวนาอยู่ในใจ ยกมือขึ้นสาธุท่วมหัว ขอให้เจ้าหนี้หน้าเลือดคนนั้นหน้ามืดตามัวยอมแลกหนี้ตามข้อเสนอของเธอ แล้วอีกอย่างเงินส่วนที่เหลือก็มากพอที่จะใช้สอยไปอย่างสบายหลายเดือน เมื่อเสร็จธุระจากเรื่องหนี้สิน จุดมุ่งหมายต่อไปของแม่เลี้ยงยังสาวคงไม่พ้นบ่อนล้อมวงส่องกระจกกับขาไพ่วงเดิม