“ช่วยด้วยครับ! ช่วยด้วย... มีคนเป็นลม”
ยามสายของวันแดดแผดเผาทั่วทุกตารางพื้นที่ เสียงคนงานชายดังสนั่น นายละมุดรีบวิ่งไปดูอย่างรวดเร็ว ร่างบางที่ถูกห้อมล้อมคงเป็นใครไม่ได้น้องจากคุณหนูเนยของละมุด ผู้หญิงที่น่าสงสาร ลูกสาวคนรวยที่ตกอับมาหลายปี
“หลบไป! อย่ามุงครับ ใครมียาดมบ้างขอหน่อย...”
ละมุดเรียกหายาดมยาหม่องทันที คนงานสาวยื่นให้ก็คว้ามารวดเร็ว กุลีกุจอพัดวี ท่าทางที่ชายหนุ่มแสดงออกทำให้ใครบางคนหัวใจร้อนรนอย่างห้ามไม่อยู่ เธอคนนั้นถึงกับเบือนหน้าหนี ผู้ชายที่แอบรักแอบชอบดูห่วงใยหญิงอื่นจนจิตใจเธอระส่ำระสาย
“ทำอะไรกัน?”
เสียงตวาดดังลั่น คนงานนับสิบคนหน้าม้านก่อนจะก้าวเดินก้มหน้าก้มตาให้ห่างจากจุดเกิดเหตุ เจ้าของไร่ส้มรูปหล่อพาร่างกายมายืนจังก้า ละมุดเงยหน้ามาสบตาในขณะร่างบางของใครบางคนยังอยู่ในอ้อมแขน
“คุณไฟครับ พอดีน้องเนยเป็นลม ผมก็เลยช่วยปฐมพยาบาล” คนงานน้ำใจดีรายงานเจ้านายอย่างรวดเร็ว
“หล่อนเป็นใคร ทำไมต้องใส่ใจนักหนา นายมีอะไรก็ไปทำ อย่ามัวเสียเวลากับผู้หญิงเพียงคนเดียว”
เสียงเจ้านายรูปหล่อดังขึ้น จ้องมองลูกน้องด้วยหน้าตาถมึงทึง มองผู้หญิงในอ้อมแขนของละมุดอย่างดูแคลน หล่อนคิดจะอ่อยคนงานของเขาล่ะสิ ถึงได้ทำท่าทำทางอ่อนต่อโลก สู้ลมฟ้าอากาศไม่ไหว ถึงหล่อนจะเป็นจะตายก็ไม่มีค่าพอที่จะให้เขาเสียเวลาแม้แต่น้อย ส้มทุกผลกำลังรอการเก็บเกี่ยว เจ้าหล่อนไม่มีค่าเทียบเท่ากับผลส้มแม้แต่ผลเดียวด้วยซ้ำไป
“แต่ว่า...” ละมุดอึกอักจะทิ้งคุณหนูเนยได้อย่างไรกัน
“ฉันจะดูแลหล่อนเอง นายไปได้แล้วละมุด”
เห็นหน้าลูกน้องที่ซีดเผือด ดูท่าทางแล้วละมุดคงจะพึงใจในตัวหล่อนไม่น้อย ยายนี่อาจจะกำลังหลอกลวงเจ้าละมุดอยู่ก็เป็นไปได้ หล่อนช่างกล้านัก เขาจะจัดการหล่อนเอง
“ฝากด้วยนะครับ คุณไฟ”
หัวหน้าคนงานกล่าวแค่นั้นก่อนจะค่อยๆ อุ้มร่างบางระหงส่งให้เจ้านายหนุ่ม เห็นคุณไฟมีสีหน้ากระอักกระอ่วน พอเจ้านายเอื้อมมือมารับร่างบางของคุณหนูเนยไป ละมุดก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ละมุด ทำไมแกไม่วางหล่อนไว้กับพื้นหญ้า จะให้ฉันอุ้มทำไม? แล้วเป็นลมขนาดนี้ยังมีผ้าปิดหน้าปิดตาเสียมิดชิด ดีนะที่ไม่ตายซะก่อน”
คนปากร้ายว่ากล่าวลูกน้องไล่หลังแต่อีกฝ่ายกลับไม่อยู่ฟัง หันไปใส่กับทางโน้นเสร็จ ก็อุ้มร่างบางของคนเป็นลมเดินไปนั่งพักในซุ้มไม้ซึ่งเป็นที่พักพิงของตัวเองก่อนจะค่อยๆ วางร่างระหงลงช้าๆ
มือหนาปลดผ้าปิดหน้าปิดตาของเจ้าหล่อนออก หน้าตาสะอาดสะอ้านหมดจด ดวงหน้าเรียวรูปไข่ ขนตาเรียงยาวระยับ แต่กลับไม่ทำให้จิตใจหวั่นไหวได้เลยสักนิด มีเพียงแค่ดวงตาคมกริบกวาดมองราวนักสำรวจเท่านั้น
เพลิงอินทรีค่อยๆ ฉีกเสื้อยืดตัวยาวของเจ้าหล่อนให้ขาดวิ่นเฉพาะบริเวณลำคอเพื่อให้หญิงสาวหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น แกว่งยาดมที่นายละมุดยัดใส่มือไปมาใกล้ๆ จมูกของหญิงสาว มืออีกข้างพัดวีอย่างกระแทกกระทั้น เพราะเจ้าตัวไม่เต็มใจที่จะดูแลใครแม้แต่คนเดียว
เจ้าหล่อนเป็นใครทำไมเขาต้องมานั่งดูแล หน้าตาก็ไม่สวย หน้าอกก็เล็กนิดเดียว ถึงหล่อนจะถอดเสื้อออกมานอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงก็ห่างไกลผู้หญิงในอุดมคติมากโข แม้แต่เศษเสี้ยวของผู้หญิงที่เป็นเพียงคู่นอนหล่อนยังไม่อาจเทียบได้สักนิด
“ฟื้นสักที เสียเวลาฉัน หล่อนจะแกล้งเป็นลมอีกนานแค่ไหน? ฉันเสียเวลา ได้ยินไหมว่ามันเสียเวลา!”
น้ำเสียงไม่พอใจอย่างที่สุดดังขึ้น มือหนาพัดวีนับยี่สิบนาที เดินวนไปวนมารอบซุ้มไม้นับสิบรอบ คนเป็นลมก็ไม่มีทีท่าจะฟื้น ถ้าหากไม่เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงเขาคงจะเอาน้ำสาดโครมให้ฟื้นคืนสติ จะได้ไม่เสียเวลาพิรี้พิไรอยู่อย่างนี้
“ไอ้ละมุด แกนี่หาเรื่องให้ฉันจริงๆ ก็แค่คนงานหญิงที่แสนธรรมดา กลับทำให้ฉันเสียเวลาที่มีค่า คอยดูเถอะหล่อนฟื้นเมื่อไหร่ ฉันจะเดินไปเตะก้นแกไอ้ละมุด...”
เสียงกัดฟันกึกกัก เม้มริมฝีปากหนาอย่างขัดใจ มองหญิงสาวที่ยังไร้สติอย่างเคืองแค้น ร่างบางที่ใครเห็นก็สงสารจับใจ แต่ก็ไม่อาจทำให้หัวใจของใครบางคนรู้สึกหวั่นไหวเลยสักนิด
“เอ่อ... คุณ...” เนย์ญรินทร์ที่สลบไสลนานนับครึ่งชั่วโมง ค่อยๆ กะพริบเปลือกตาปริบๆ มองคนที่จ่อยาดมอยู่ที่ปลายจมูก เงยหน้าสบตาเพียงเท่านั้นก็ทำให้เธอกระถดกายหนีอย่างรวดเร็ว
“จะหนีทำไมแม่คุ้ณ! นอนระทดระทวยอยู่ตั้งหลายนาที ฉันทำอะไรเธอตั้งหลายอย่าง เธอคงไม่รู้สึกอะไรล่ะสิ แต่ฉันว่านะเธอจะมาหวงเนื้อหวงตัวตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ เพราะว่าฉัน...”
สายตาของเขาส่อแววโลมเลียไปทั่วร่างบางระหง เนย์ญรินทร์ก้มมองสภาพตัวเอง ช่วงคอเสื้อขาดวิ่นจนเห็นเนินเนื้ออกสาว มือสองข้างรีบตะครุบปิดบังให้พ้นจากสายตาของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว เพลิงอินทรีส่ายหน้าไปมาถึงเจ้าหล่อนจะนอนแก้ผ้าอ้าขารออยู่บนเตียง เขาก็จะไม่เหลียวมองหล่อนแม้แต่หางตา แต่ว่าเห็นท่าทีตื่นกลัวขนาดนี้ คนอย่างเพลิงอินทรีอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้า
“ไม่ต้องปิดหรอก... ของเธอก็มีแค่นิดเดียว ข้างหน้าข้างหลังฉันแทบแยกไม่ออกเลยสักนิด... เธอรู้อะไรไหมผู้หญิงที่ฉันเคยสัมผัสมานับร้อยคน คนที่เล็กที่สุด น้อยที่สุดก็คงเป็นเธอ”
ปากหนาเอ่ยอย่างดูแคลน เนย์ญรินทร์ถึงกลับน้ำตาเล็ด หันมาจ้องหน้าคนปากดีอย่างโกรธจัด ไม่ได้โกรธที่เขาเอาเธอไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงบนเตียงพวกนั้น แต่โกรธที่เขาสัมผัสร่างกายของเธอ
“ฉันขยะแขยงคุณ!”
เสียงบริภาษดังขึ้น ฝ่ายชายถึงกลับหน้าตึง เนย์ญรินทร์อาศัยช่วงระยะเวลาที่ใครบางคนมัวแต่ตกตะลึง รีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว คนที่โดนตอกกลับจนหน้าหงาย มองตามไปอย่างเคืองแค้น