“ทูลองค์ชาย ลั่วเชาติดกิจสำคัญต้องดูแลความสงบของชายแดนทางใต้” ลั่วเจียฉุ่นอธิบายเสียงเรียบ น้ำเสียงดูไม่กังวลกับเรื่องนี้นัก บรรพบุรุษของสกุลลั่วทุกรุ่นล้วนเป็นนักรบ หากได้ตายเพื่อแว่นแคว้นก็ถือว่าเป็นเกียรติ หาใช่เรื่องที่ต้องมาพะวงหรือขี้ขลาดตาขาวไม่ “ฉีหนานสินะ” นัยน์ตาของโจวจิ่งเหยียนหลุบมองพื้น เพียงครู่เดียวก็ดึงสายตากลับมายังลั่วเจียฉุ่น “วันนี้นับว่าเป็นวันฤกษ์ดีมีมงคล เราอย่าได้พูดคุยเรื่องที่จะทำให้เสียบรรยากาศเลย” “องค์ชายทรงประทับในรถม้ามานาน” ผู้เป็นเสนาบดีพยักหน้ารับรู้ พลางส่งสายตาไปให้ลั่วผี ชายหนุ่มเจ้าสำราญมิรอช้ารีบผายมือให้อย่างเชื้อเชิญ “ทูลเชิญองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับท่านพ่อได้จัดเตรียมเรือนรับรองให้พระองค์แล้ว” “ดี” โจวจิ่งเหยียนก้าวเท้าเตรียมออกตัวเดิน ทว่ายังมิทันที่คนทั้งมวลจะก้าวพ้นธรณีประตูไปยังบริเวณด้านใน รถม้าอีกคันหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบด้านหลังรถม้าจา