ชญานิตัวสั่นเทา รีบก้มหน้าหลบแววตาวาววับที่จ้องมาที่ตนเอง มือของเธอกำแน่นอยู่ที่เหนือต้นขา ปลายนิ้วเท้าจิกลงบนพื้นพรม
เตชินดึงประตูห้องแรงๆ ‘ปัง!’ เสียงกระแทกของประตูดังลั่น ชญานินผวาเผลอเดินถอยหลังสองสามก้าว ผิวหน้าเธอซีดลงเรื่อยๆ
เตชินแสยะยิ้มเขาหรี่เปลือกตาลง มองเด็กหญิงที่เขาเกลียดขี้หน้าด้วยสายตาชิงชัง
“เข้ามาทำอะไรในห้องของฉันหะ!!” เสียงตวาดแหลมปรี๊ด
“ชญา...” ชญานินพูดไม่ออก เธอควานหาคำแก้ตัวไม่ทัน สมองของเธอแข็งและสั่งงานช้าลงเพราะกลัวจนตัวสั่น
เตชินสะบัดรองเท้าผ้าใบทิ้ง เขามองเลยไปที่จานขนมในจานเล็กบนโต๊ะเตี้ยๆ ที่เขาชอบนั่งเป็นประจำ “ฮ่าๆ นี่เธอคิดจะติดสินบนฉันด้วยขนมหน้าตาน่าเกลียดนั่นหรือไงหะ?” แพขนตางอนงามของชญานิน กะพริบถี่ๆ
“ไปหยิบมาให้ฉันสิ?”
“คะ”
ชญานินรู้สึกงงงวย เธอตามอารมณ์ชายตรงหน้าไม่ทันทีเดียว ท่าทางเกรี้ยวกราดของเขาหายไป แต่เธอก็ยังอดระแวงไม่ได้ ชญานินฝืนใจเดินขาสั่นไปหยิบจานขนมนั่นมาให้ และเพราะเธอยังเด็ก เลยไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มหยันร้ายกาจของเตชิน
“นึกยังไงถึงเอาขนมนั่นมาให้ฉันหะ!!”
“เอ่อ...”
“ขนมพวกนั้นไม่ได้ทำให้ฉันมองเธอกับป้าของเธอดีขึ้นหรอกนะ!”
ชญานินยืนก้มหน้าไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเตชิน
“ชญาอยากขอโทษ ที่เคยทำให้คุณเตชินถูกคุณลุงดุน่ะค่ะ”
ชญานินกลั้นใจพูด แต่ไม่ได้ทำให้เตชินใจเย็นลงขึ้นเลย ความเกลียดของเขายังเหลือเท่าเดิม แถมทำท่าจะชิงชังชญานินเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เขากระชากจานขนมในมือของชญานินแล้วเหวี่ยงไปที่กำแพงห้อง
เพล้ง!!
ชญานินถึงกับตัวสั่นเทา เธอกำชายเสื้อของตนเองแน่นขึ้น
“ต่อให้พวกเธอทำดีกับฉันมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำให้ฉันหายเกลียดพวกเธอได้หรอกนะ!!” เตชินก้มหน้าลงมาตะคอกข้างหูเด็กน้อย
“ชญาต้องทำยังไงคะ คุณเตชินหายโกรธชญากับป้า”
“ไม่มี!!” เตชินกัดฟันพูด ไม่มีหนทางที่ความเกลียดของเขาจะลดลง
ชญานินยังคงยืนก้มหน้านิ่ง หยาดน้ำตาของเธอไหลเอ่อออกมา
“ออกไปจากห้องฉันซะ!!”
เตชินตวาด แล้วหมุนตัวเดินไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาริมกระจก ชญานินน้ำตาไหลพราก เธอทรุดตัวนั่งพนมมือตรงหน้าบุตรชายเจ้าของบ้าน
“ชญาขอโทษ ชญาจะไม่มากวนใจคุณเตอีกแล้วค่ะ”
เตชินขมวดคิ้ว เขาไม่ได้หูฝาด เด็กน้อยตรงหน้าเรียกเขาไม่เหมือนคนอื่นๆ “เธอเรียกฉันว่าไงนะ?”
เสียงเย็นชาไว้ตัว ยิ่งทำให้ชญานินสั่นระรัวมากขึ้น
“อย่ามาตีตัวเสมอฉัน ขนาดพ่อฉันยังไม่เคยเรียกฉันแบบนี้เลย”
ชญานิผวา เธอผิดอีกแล้วสินะ
“จำไว้ เธอกับฉันมันคนละชั้น เด็กกำพร้าอย่างเธออย่ามาสะเออะกับฉันอีก”
เตชินโยนความชิงชังใส่เด็กหญิงมากขึ้นอีก อย่างน้อยการทำให้เด็กหญิงตรงหน้าน่าสมเพชมากขึ้นก็ทำให้เขารู้สึกสะใจ
“ค่ะ”
ชญานินรับปาก เธอสัญญากับตัวเอง จากนี้ไปแม้แต่เงาของเธอก็จะไม่เฉียดเข้าใกล้บริเวณที่เตชินอยู่
“ดี!!” เตชินครางเสียงกระหึ่ม เสียงหัวเราะของเตชินดังกังวานก้องห้องนอนของเขา
ชญานินพยุงตัวลุกขึ้นยืน เธอเซเล็กน้อย แต่ก็พยายามฝืนความอ่อนล้า เดินไปที่ประตูห้อง
“ทั้งเธอและป้าของเธอไม่ต่างจากอาจมน่ารังเกียจหรอกนะ”
“...” ชญานินกำมือ หลุบเปลือกตาลง คำเปรียบเปรยของชายผู้นี้ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บหรือตาย สักวันเธอจะพิสูจน์ให้เขารู้ เธอกับป้าไม่ได้น่ารังเกียจเช่นนั้น
เตชินยิ้มเยาะ แล้วก็หมดความสนใจชญานินอีก เขานอนเล่นโทรศัพท์ พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ผุดขึ้นมา ท่าทางของเด็กนั่นน่าสมเพชก็จริง แต่ก็มีบางอย่างที่เขากดเด็กนั่นมากกว่านี้ไม่ได้ ‘ความผยอง’ ไง แววตาคู่นั่นบงบอกว่าเด็กนั่นไม่ได้ยอมลงให้เขา เด็กนั่นแค่จำใจ เพราะคิดหาทางเถียงไม่ทันเท่านั้นเอง
มาลัยเดินมาขวางหน้าหลานสาว ที่เดินออกมาจากประตูห้องที่ชญานินไม่สมควรเฉียดเข้ามาใกล้
“ชญาเข้าไปทำอะไรในห้องนั้นหะลูก?”
ชญานินก้มหน้าลงอีก น้ำตาของเธอยังคงไหลพรากๆ
มาลัยถอนใจ รั้งหลานสาวมากอดปลอบ เธอรู้จักเตชินดี โทสะของเขาคงสาดใส่ชญานินมาไม่น้อย “ไม่เป็นไรใช่ไหม คุณเตชินไม่ทำร้ายชญาใช่ไหมลูก” มาลัยผลักหลานสาวออกห่างพลางสำรวจหาความเสียหาย
“ไม่... ไม่ค่ะป้า”
ชญานินส่ายหน้า พยายามกลั้นน้ำตาไว้
“ป้าเชื่อว่าชญามีเหตุผล แต่บางครั้งเหตุผลก็ใช้กับคนแบบคุณเตชินไม่ได้หรอกลูก” มาลัยปลอบใจ ความเกลียดที่ฝังลึกทำให้เตชินมองข้ามความจริง
“ชญาแค่เอาขนมมาให้คุณเตชินค่ะป้า”
มาลัยถอนใจอีกรอบ เธอกระชับวงแขนแล้วก็เตือนชญานินซ้ำ “ชญาไม่ควรเข้าใกล้คุณเตชินนะ ในห้องที่ปิดสนิท เกิดอะไรขึ้น คนที่เสียใจคือป้ากับชญาเท่านั้น”
คำเตือนนั่นทำให้ชญานินผวา เธอซุกตัวกับอกของมาลัยและสัญญากับตัวเอง จากนี้ไป เธอจะไม่ยุ่มย่ามกับการใช้ชีวิตของชายผู้นี้อีก
คล้อยหลังมาลัยกับชญานินไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ‘ก๊อกๆ’
เสียงเคาะประตูดังๆ เตชินถึงกับสะดุ้งตื่น เขาเผลอหลับหลังจากเลิกเล่นโทรศัพท์ไปพักใหญ่ๆ
“มีอะไร!!” เตชินตะโกนสวนเสียงเคาะเรียกเขาดังสนั่น
“คุณท่านให้คุณเตชินไปพบที่ห้องทำงานค่ะ” สาวใช้ตอบเสียงสำรวม
“รู้แล้ว เดี๋ยวฉันไป” เตชินตวาดกลับ
เขาพอรู้ว่าบิดาต้องการอะไร คงเพราะแผนการจะส่งเขาไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ต่างประเทศไม่ได้เป็นความลับ กลกัณฑ์ บุตรชายกิตติทนายความของบิดา และเพื่อนสนิทที่เรียนโรงเรียนเดียวกันแอบกระซิบบอกล่วงหน้าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
เตชินอยากต่อต้าน แต่คำแนะนำของกลกัณฑ์ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ
“นี่ไอ้เต มึงจะยี่หระผู้หญิงสองคนนั่นทำไมวะ ในเมื่อต่อให้คุณท่านหลงแม่นั่นหัวปักหัวปำ คนที่เป็นทายาทการัณยภาสก็คือมึงคนเดียวเท่านั้น”
เตชินเห็นด้วย การแก้แค้นไม่จำเป็นต้องลงมือเลย วันที่เขาประสบความสำเร็จ ตอนนั้นค่อยแก้แค้นก็ได้ ระหว่างนี้ก็ปล่อยให้ผู้หญิงสองคนนี่หลงระเริงไปก่อน
เตชินกระเด้งตัวยืน เขาคงต้องตามใจบิดาไปก่อน
โทสะของท่านอาจจะเบาบางลง หรือไม่การห่างกันจะช่วยทำให้บิดามองเห็นความสำคัญของเขาบ้าง
พอตกค่ำ สมาชิกทุกคนก็เข้ามานั่งรอภายในห้องอาหาร และวันนี้เตชินก็มาก่อนเวลา ท่าทางเขาอารมณ์ดีจนทรงพลรู้สึกแปลกใจ ทรงพลมองไปที่ประตูและอดขมวดคิ้วไม่ได้ มาลัยกับชญานินไม่เคยมาช้าแต่วันนี้กลับตรงกันข้าม มาลัยกับชญานินมาช้าไปเกือบห้านาที
“ขอโทษค่ะคุณ” มาลัยพึมพำขอโทษ แล้วก็ทรุดนั่งข้างสามี ชญานินเดินตัวลีบไปนั่งบนเก้าอี้ว่างอีกตัว
“ไม่เป็นไร มากินข้าวกันเถอะ”
ทรงพลไม่ได้ตำหนิอะไร ท่าทางบิดานิ่งจนเตชินหมั่นไส้ ทุกครั้งที่เขามาช้า มักได้ยินคำเสียดสีของบิดาตลอด แต่พอเป็นสองหญิงตรงหน้า บิดากลับไม่คิดจะตักเตือน เตชินพยายามข่มใจ เขาเพิ่งคืนดีกับบิดาได้ไม่ถึงสามชั่วโมง เขาไม่ควรสร้างแรงกระเพื่อมจนบิดาโกรธขึ้นมาอีก
“วันนี้ทำไมเงียบจังเลยหนูชญา?”
ทรงพลถามชญานิน หางเสียงผสมความเป็นห่วงจนปิดไม่มิด
ชญานินเงยหน้าส่งยิ้มแหยๆ ให้
“วันนี้ยัยชญาซนอยู่ในครัวทั้งวันคงเหนื่อยแหละค่ะคุณ”
มาลัยช่วยหาข้อแก้ตัวแทน
“เข้าไปทำอะไรในครัวละ?” ทรงพลถามต่อ
ชญานินเค้นเหตุผลที่ดีๆ ในสมองเพื่อตอบทรงพล เขาจะได้สบายใจ
“ป้าม่อมทำขนมตาลค่ะ ชญาเลยเข้าไปช่วย”
“อ้อ ความจริงฉันก็ไม่ได้กินขนมหวานแบบนี้นานแล้วนะ ไงมาลัย วันนี้ฉันจะลองชิมขนมฝีมือหนูชญาสักชิ้นได้ไหม?” ทรงพลหันไปถามมาลัยที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ
“ค่าน้ำตาลในเลือดคุณปกติดีแล้วค่ะ ลองชิมสักชิ้นคงไม่เป็นไรมั้งคะ” ทรงพลที่ถูกหมอสั่งควบคุมทั้งอาหารและระดับน้ำตาล ขนมบางอย่างเลยถูกสั่งให้งด