“กินหวานมากๆ ระวังตายเร็วนะพ่อ!!” เตชินพูดแทรก
ทรงพลมองบุตรชายตาขวาง “แกไม่พูด ก็ไม่มีใครว่าแกเป็นใบ้หรอกนะไอ้ลูกเวร”
“ผมหวังดี กลัวพ่อจะตายเร็วเพราะคนใกล้ตัวนี่ครับ” เตชินตอบเสียงสะบัด บิดาทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนเกินอีกแล้ว
“ขนมชิ้นสองชิ้นไม่ทำให้ฉันตายหรอก ถ้าฉันจะตายจริงๆ ก็น่าจะเพราะแกนั่นแหละ ขยันทำให้ฉันโมโหเสียจริงๆ” ทรงพลตอบบุตรชายเสียงกระแทก
ความดันเขาขึ้นทุกครั้งหากบุตรชายและเมียใหม่เผชิญหน้ากัน
“ทนอีกนิดแล้วกันครับ อีกไม่นานผมคงไม่อยู่ขวางตาพ่ออีกแล้ว” เตชินพูดประชด
“ตอนที่แกเป็นผู้ใหญ่ และมีความคิด แกจะรู้ว่าสิ่งที่ฉันพูดไม่เกินจริง”
ทรงพลพูดเสียงอ่อน เขาเหนื่อยใจกับความรั้นของบุตรชายแต่คร้านที่จะอธิบายเหตุผลให้เตชินฟัง เวลาเท่านั้นแหละจะช่วยให้เตชินเปลี่ยนความคิดเอง แต่นั่นทรงพลคิดผิด เตชินรพกความแค้นไว้ในอก การที่เขาไม่กระโตกกระตาก ไม่ได้หมายความว่าเขาเข้าใจบิดา เตชินแค่รอเวลา...เอาคืน
มื้อค่ำที่สงบเงียบผ่านไปด้วยดี ทรงพลกับมาลัยนั่งดูรายการทีวีด้วยกันหลังอาหาร ส่วนชญานินปลีกตัวออกมา เธอไม่อยากขัดจังหวะดีๆ ของป้า เพราะน้อยครั้งที่ทรงพลจะมีเวลาว่างเช่นนี้
ชญานินเดินเลยไปด้านหลัง ครัวคือสถานที่ซ่อนตัวของเธอและปลอดภัยทุกครั้ง หากมาลัยไม่ว่าง
แต่ครั้งนี้เส้นทางที่ชญานินเลือก กลับไม่ปลอดภัยเสียแล้ว จู่ๆ เตชินก็เดินมาขวางทางไว้เสียก่อน
“คุณเตชิน!!”
ชญานินพึมพำ แล้วก็รีบห่อตัวเข้าหากัน เตชินแสยะยิ้ม จ้องหน้าชญานินด้วยแววตาเย็นชา
“คงดีใจจนเนื้อเต้นแล้วสินะที่ฉันจะไม่อยู่ที่นี่สักพัก”
“ชญา...” ชญานินกระอึกกระอัก
“เสวยสุขเสียให้พอละ เพราะทันทีที่ฉันกลับมา เธอกับป้าเธอเตรียมตัวถูกเฉดหัวออกจากบ้านการัณยภาสได้เลย!” เตชินยิ้มหยันพร้อมกับกระซิบข้างหูชญานิน
ชญานินผงะ รู้สึกตกใจจนขวัญผวา เธอเงยหน้ามองสบตาของผู้ชายร้ายกาจตรงหน้า “ชญาจะจำไว้คะ หากมีโอกาสขยับขยายได้ ชญาจะไม่ลังเลเลย”
เตชินรู้สึกแปลกใจนิดๆ ทั้งที่ตัวสั่นพั่บๆ แต่เด็กหญิงตรงหน้าก็ยังไม่วายผยองใส่เขา “จำเอาไว้ดีๆ ละ ฉันเกลียดป้าของเธอ และฉันก็เกลียดเธอด้วย!” ปลายนิ้วแข็งๆ กระแทกลงบนหน้าผาก แววตาคู่นั่นก็แฝงความชิงชังที่ปิดไม่มิด
ชญานินเข่าอ่อน เผลอตัวล้มลงไปบนพื้น เตชินยิ้มมุมปาก เขาถ่มน้ำลายเฉียดหน้าชญานินไปไม่ถึงหนึ่งคืบ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่ไยดี
ชญานินน้ำตาไหลพรากๆ เธอยกหลังมือปาดรอยน้ำตาและเชิดปลายคางขึ้น
วันที่เธอเป็นผู้ใหญ่และดูแลตัวเองได้ เธอจะไม่ยอมให้ชายผู้นี้ดูแคลนตนเองได้อีก
ตอนที่ 4.ไกลบ้านแต่ความเกลียดในใจยังมีเท่าเดิม
หลังจากเตชินจบมัธยมปลาย เดือนถัดไปเขาก็ถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศทันที ช่วงเวลาที่รอขึ้นเครื่องบิน เตชินไม่มองหน้าบิดาเลย เสี้ยวนาทีที่เขาเดินห่างทรงพลไป ประมุขการัณยภาสถึงกับเซ ตั้งแต่เด็กจนโตเตชินหัวรั้นตามประสา แต่ไม่เคยห่างสายตาเขา เท่ากับวันนี้เลย
“ฝากตาเตชินด้วยนะกลกัณฑ์” ทรงพลพึมพำบอกบุตรชายทนายความที่ไปเรียนเป็นเพื่อนเตชิน โดยที่ทรงพลรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้
อย่างน้อยตอนที่อยู่ไกลตา เตชินก็ยังมีเพื่อน
“ครับท่าน” กลกัณฑ์รับปากท่าทางสำรวม
“อย่าพากันเที่ยวจนเสียการเรียนละ” กิตติปรามบุตรชายเบาๆ
“พ่อก็น่าจะรู้นะครับ หากผมเสียคนไม่ใช่เพราะผมหรอก” กลกัณฑ์แก้ตัว เขาจะพยายามรั้งเตชินให้อยู่ในกรอบ เพื่อไม่ให้คนทางนี้เป็นห่วงมากนัก
“อากาศที่นั่นเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ กินให้อิ่ม นอนให้อุ่น รักษาสุขภาพดีๆ ป่วยไข้ไปจะลำบาก” ทรงพลพูดฝาก เขารู้ดีใต้ท่าทางเฉยเมยนั่น เตชินเองก็คงรู้สึกกลัวไม่น้อย
“น้าจะส่งอาหารแห้งไปให้บ่อยๆ นะคะ จะได้ไม่คิดถึงอาหารไทยมากนัก” มาลัยกระซิบเบาๆ อาหารของเธออาจถูกเตชินโยนทิ้งถังขยะ เธอแค่เป็นห่วงเขาจากใจจริง ถึงเขาทิ้งแต่เธอก็ได้ลองทำแล้ว
“ที่นั่นมีร้านอาหารไทย ไม่ต้องสะเออะหรอกนะ” เตชินเปรยลอยๆ
กลกัณฑ์ถลึงตาปรามไม่ทัน เขาจิปาก จนเตชินมองตาขวาง “ฉันพูดเรื่องจริงผิดตรงไหน อาหารไทยมีทุกที่ทั่วโลก ถ้ามีสตางค์น่ะ ไม่มีทางอดอยู่แล้ว” เตชินพูดหน้าตาย
สีหน้ามาลัยสลดลง ทรงพลถอนใจแต่ไม่อยากพูดมาก เขาไม่อยากทำให้เตชินอารมณ์เสียในวันที่ต้องจากกันไปไกลคนละซีกโลก
“คุณป้าอย่าถือสาคนปากพล่อยเลยนะครับ สำหรับผม ผมเต็มใจกินอาหารที่คุณป้าส่งให้ เพราะอาหารไทยบางอย่างฝรั่งก็ทำรสชาติหมาไม่แดก อุ้ย!! ผมพูดไม่เพราะใช่มั้ยครับ ขอโทษนะครับคุณท่าน” กลกัณฑ์เผลอตัวพูด เขายิ้มแหยๆ ให้บิดาที่หันมาถลึงตาใส่ไม่ทัน
มาลัยเลยพอจะยิ้มออก ทรงพลถอนใจยาวๆ “อย่าสนุกจนลืมเรื่องเรียนละ แล้วก็อย่าห่ามกันให้มาก ที่นั่นกับที่นี่วัฒนธรรมอะไรก็ต่างการกัน” ทรงพลพยายามปราม เขารู้ดีว่าเตชินไม่มีทางเป็นผู้ชายเรียบร้อย แต่อย่างน้อยบุตรชายก็ควรรู้หน้าที่
“ถ้าผลการเรียนแกต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้ ไม่ต้องให้พ่อโทรไปเตือนเลยนะ แกซื้อตั๋วกลับไทยได้เลยไอ้ตัวดี” กิตติปรามบุตรชายครั้งสุดท้าย
คำสัญญาของเขา เพื่ออนาคตของบุตรชายด้วย
อย่างน้อยค่าเทอม ค่าใช้จ่ายที่ทรงพลจ่ายให้จะได้ไม่เสียเปล่า
เตชินปรายหางตามองใครบางคนที่ยืนเงียบไม่มีเสียงพูดออกมาสักคำเดียว ริมฝีปากเขาเม้มแน่น ตอนที่เขาเดินห่างบิดามาขาของเขาสั่นเล็กน้อย
กลกัณฑ์อดกระเซ้าไม่ได้ “อย่าเผลอร้องไห้ออกมาละ เดี๋ยวยัยเด็กนั่นจะเก็บไว้ล้อแกวันหลัง”
เตชินมองเพื่อนตาขวาง เขาเชิดปลายคางขึ้นสูงแล้วก็สูดจมูกแรงๆ “ไม่มีทางที่ยัยเด็กนั่นจะได้เห็นตอนที่ฉันน่าสมเพชหรอกโว้ย!!”
สิบปีผ่านไป...
เตชินเรียบจบนานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมเดินทางกลับมาเลย ซึ่งก็ได้สร้างความกังวลให้กับทรงพลอย่างเหลือเกิน ทรงพลสุขภาพอ่อนแอลงทุกปี ร่างกายของเขาไม่เหมือนเก่า มีโรคลุมเร้าหลายโรค แต่ละโรคก็ตั้งท่าจะพรากลมหายใจของเขาเกือบทุกเวลา
มาลัยห่วงใยสุขภาพของทรงพล จึงพยายามหาทางช่วย แต่ดูเหมือนว่ามีวิธีเดียวที่จะทำให้สามีสบายใจได้ คือการรั้งเตชินให้กลับมาบ้านเกิด
ทรงพลพยายามจะใช้อาการป่วยของตัวเอง บีบบังคับให้เตชินกลับมาเมืองไทย และจากนั้นก็ต้องหาวิธีรั้งไม่ให้เตชินจากไปอีก
มาลัยมองสามีกับหลานสาวสลับกัน คงถึงเวลาที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากหลานสาวสักที
“ชญา ป้ามีเรื่องจะคุยด้วย”
มาลัยกระซิบบอก แล้วก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง ชญานินยอมเดินตามไป ทุกย่างก้าวของเธอเหมือนย่ำลงไปบนเศษแก้ว เพราะพอจะเดาความคิดของมาลัยออก
ทรงพลอาการร่อแร่ แต่บุตรชายคนเดียวของท่านกลับไม่แยแส
กลกัณฑ์ที่เดินทางกลับมาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ตอนนี้เขารับหน้าที่หนักแทนเตชินที่ควรกลับมาพร้อมกัน ถึงกลกัณฑ์จะไม่ปริปากพูด แต่ทุกคนรู้ดีที่คือการต่อต้านเงียบๆ ของเตชิน
และทรงพลก็รู้ความต้องการของบุตรชาย ท่านพยายามวางเฉย แต่สุขภาพของทรงพลกลับไม่เป็นตามที่ต้องการ
ชญานินตอนนี้เป็นสาวสะพรั่ง ผิวขาวหน้าเนียนใบเรียวเล็ก ดวงตากลมโต จมูกโด่งสวยทรงราวกับผ่านการศัลยกรรมมาจากหมอฝีมือดีติดอันดับในประเทศ ริมฝีปากปากอิ่มเต็มโดยที่ไม่ต้องอาศัยฉีดฟิลเลอร์เหมือนสาวๆ รายอื่น นวลแก้มอิ่มเต็มชวนมองเหลือเกิน
ชญานินสวยถอดแบบมาจากพิไลมารดาสมัยสาวๆ ไม่มีผิด
มาลัยมองหลานสาวด้วยความชื่นชมระคนเศร้าใจลึกๆ
“ค่ะป้า”