ชายหนุ่มขยับท่อนกายแข็งขึงกับช่องทางแคบนุ่มเนิบช้า โยกเอวสอบไปมา เริ่มแปรเปลี่ยนความแสบสันให้กลายเป็นความรู้สึกหฤหรรษ์อย่างบรรจง ค่อยๆ ขยับเข้าออกเบาๆ
“รู้สึกดีขึ้นหรือไม่?”
“อ่ะ...อืม”
เมื่อสอดลึกดังใจปรารถนาจึงขยับเป็นจังหวะเร็วขึ้น
หวงลี่ฟางหลับตาพยักหน้าเบาๆ แต่มือขาวยังจิกแผ่นหลัง เล็บเล็กครูดแผ่นหลัง ฝากริ้วรอยเป็นทาง
จ้าวฉีเสวียนสูดปาก มิใช่แสบหลังแต่เสียวสะท้านกลางกาย ยิ่งเขาขยับนางยิ่งตอดรัด ให้รู้สึกเสียวซ่านจนกล้ามเนื้อสั่นไหว จังหวะการเต้นของหัวใจรัวเร็วยิ่งกว่ายามฟาดฟันศัตรู
ชายหนุ่มก้มหน้ากดจูบกลีบปากหวานฉ่ำ ไล้เลียดูดกลืนเรียวลิ้นนางอย่างต้องการส่งผ่านความรู้สึกดี
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังถี่ขึ้นตามจังหวะเรียวลิ้นที่ดุนดัน
“อื้อ...”
ก่อนที่หญิงสาวใต้ร่างจะขาดอากาศหายใจชายหนุ่มพลันถอนริมฝีปากออกแล้วเคลื่อนใบหน้าลงมาที่เนินอกอวบขาวไล้เลียผิวนุ่มหยุ่นขบเม้มยอดถันตามอารมณ์กระสันที่ไต่ระดับขึ้นสูง
การกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วงขึ้น เร็วและแรงยิ่งขึ้น ทำหวงลี่ฟางเริ่มทนไม่ไหว นางแทบขาดใจ
เขาที่สงบเยือกเย็น ยามทำเรื่องเหลวไหลร้อนแรงปานใด มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ดี
จ้าวฉีเสวียนถอนแท่งกายร้อนผ่าวออกจากช่องทางเร้นลับที่กำลังตอดรับตุบๆ จนซาบซ่านไปทั้งเรือนกาย จับกระชับเอวนาง เลื่อนร่างบางพลิกลงจากโต๊ะให้นางยืนหันหลัง ฝ่ามือหนาอุ่นลูบไล้บั้นท้ายขาวเนียนแล้วตีเบาๆ อย่างเข่นเขี้ยว
เนื้อเนียนที่ขาวผ่องผุดผาดค่อยๆ ปรากฏรอยแดงปื้นหนึ่งตามความเกเรและดิบเถื่อนของบุรุษที่สตรีทั่วเมืองต่างมอบตำแหน่งสุขุมและสุภาพสง่างามให้
หวงลี่ฟางเองก็ไม่น้อยหน้า นางเหยียดแขนเอื้อมมือไปด้านหลังจิกนิ้วฝากรอยเล็บไว้กับสะโพกแกร่งเช่นกัน
รอยตีกับรอยข่วนล้วนฝากฝังแลกเปลี่ยนอย่างชัดเจน
จ้าวฉีเสวียนเอื้อมมือไปบีบขยำคลึงเคล้นสองเต้าอวบอิ่มอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจอันใดกับสะโพกตนที่ถูกอีกคนประทุษร้าย
“อ้าขาออกอีกหน่อย” เขาสั่ง
หวงลี่ฟางเหยียดเท้าอ้าขาพร้อมแอ่นสะโพกผายอย่างรู้ใจ จ้าวฉีเสวียนไม่รอช้า รีบจับแท่งอุ่นกรุ่นกลิ่นรักสอดเสยเข้าไปทันที
ใบหน้าสง่างามที่บัดนี้แดงก่ำก้มลงมอง เห็นตัวตนถูกบุปผาฉ่ำธาราค่อยๆ กลืนกินให้รู้สึกพึงพอใจยิ่ง
“อา...”
ท่วงท่านี้ลึกสุดใจ หวงลี่ฟางครวญครางอย่างกลั้นไม่ไหว
ชายหนุ่มก็เช่นกัน เขาสูดปาก ก้มหน้ากดจมูกลากริมฝีปากขบเม้มแผ่นหลังนุ่มเนียน พลางขยับกายเข้าออกในจังหวะไม่ช้า ทั้งรัวเร็วทรงพลังเก่งกล้า พาเอาโต๊ะสั่นโต๊ะคลอนขาแทบหัก
เสียงเนื้อกระทบเนื้อตรงหน้าขาตนกับหลังขานางดังผสานกับเสียงสอดใส่อันชุ่มฉ่ำตลอดเวลา
เสียงนี้ยิ่งฟังยิ่งรัญจวน ยิ่งได้ยินยิ่งสุขสมซาบซ่าน
ความทรมานชนิดนี้ไม่ว่าได้รับอีกสักกี่ทีก็ล้วนแล้วแต่รู้สึกดี
กระแสเสียงท่ามกลางกระไอร้อนแผ่ซ่านนี้เกิดขึ้นเนิ่นนาน
ในที่สุดหวงลี่ฟางก็กระตุกเกร็งไปทั้งร่าง มือหนึ่งเกาะโต๊ะ เล็บมืออีกข้างเอื้อมจิกหลังมือหนาที่กอบกุมสะโพกนางแน่น
จ้าวฉีเสวียนเห็นนางเสร็จสมไปรอบหนึ่งแล้วจึงถอนกายร้อนชื้นออกอีกครา จับหวงลี่ฟางนอนหงายบนโต๊ะ
เรือนผมดำจัดดุจน้ำหมึกแผ่สยายล้อมดวงหน้าแดงระเรื่อ ผิวเนียนนวลผ่องบัดนี้เปล่งประกายด้วยเลือดฝาดสูบฉีดทั่วร่าง แลดูงดงามดุจนางสวรรค์แต่กลับยั่วเย้ายวนใจ อารมณ์คนหนุ่มคล้ายถูกเร้าให้ยิ่งโหมกระพือ
หวงลี่ฟางกัดปากปรือตาเนินเนื้อสั่นไหว ผิวกายสั่นระริก
จ้าวฉีเสวียนแทรกกายเข้ามา สอดใส่อย่างรวดเร็วอีกครา รอบนี้การขยับเข้าออกเป็นไปด้วยความหนักหน่วงมิผ่อนปรน
เสียงโต๊ะโยกคลอนดังสนั่นห้องกว่าเดิม หวงลี่ฟางครางเสียงเครือ ไม่นานร่างบางก็กระตุกอีกรอบ
“อ๊า...”
พร้อมกับร่างสูงที่เกร็งไปทั้งตัว แก่นกายกระตุกรุนแรงอยู่ในร่างนาง
หลังซุกซบซอกคอหอมจนลมหายใจหอบหนักกลับมาปกติ จ้าวฉีเสวียนก็พรมจูบทั่วขมับขาวปลอบประโลมจนตัวเองพอใจ จากนั้นพลันจับนางลอกคราบที่เหลือ จากเนินเนื้อที่เปิดเปลือยแค่สาบเสื้อแบะอ้า บัดนี้เสื้อผ้าทุกชั้นพลันกระจัดกระจายอยู่แทบเท้า
ชายหนุ่มจับร่างเปลือยเปล่านุ่มนิ่มขึ้นอุ้มแนบอกอุ่น ก้าวยาวๆ ไม่กี่ครั้งก็ถึงเตียงนอนขนาดใหญ่ด้านใน อาภรณ์สูงค่าบนร่างหนาก็ถูกถอดโยนทิ้งไร้ทิศทางเช่นกัน
คนตัวขาวผ่องมีน้ำมีนวลอมชมพูระเรื่อถูกจับนอนหงายในท่วงท่าทอดกายเชิญชวน จากนั้นคนตัวสูงก็ขึ้นคร่อมทับอีกครั้ง ฝ่ามือร้อนผ่าวจับข้อเท้าเล็กยกเรียวขาขึ้นมอบท่วงท่าน่าอายให้นาง กลางกายที่มีตัวตนกร้าวแกร่งผงาดกล้าก็ไม่น้อยหน้า ตรงเข้าจัดการมอบจังหวะอันแสนสุขสมอีกครา
หวงลี่ฟางครางหวิวปรือตาฉ่ำน้ำมองภาพบุรุษผู้ดิบเถื่อน เขาดูน่าหลงใหล เร้าใจ เป็นภาพที่นางแน่ใจว่าไม่เคยมีหญิงใดได้เห็น
จ้าวฉีเสวียนทำการแนบชิดสนิทเนื้อซ้ำรอบแล้วรอบเล่า ทั้งเขาทั้งนางเรือนร่างเกร็งกระตุกไม่รู้กี่ครา จนหวงลี่ฟางอดมิได้ที่ต้องเผลอปากหลุดคำประท้วงอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง
“ซื่อจื่อ พอก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำต่อเถิด...”
แต่คนหนุ่มแน่นผู้ร้อนแรงมีหรือจะยอม เขาข่มขู่ดุดันว่า “เจ้ากล้ายั่วยวนข้า ต้องรับผิดชอบ!”
บนเตียงนอนยับย่น ภายใต้ม่านมุ้งพลิ้วไหว คนสองคนรู้ดีแก่ใจว่าต่างฝ่ายต่างเป็นคนแรกของกันและกัน
แต่จะเป็นคนสุดท้ายหรือไม่นั้น ยังคงเป็นปริศนา...