บทนำ : 1 คุณชายนายเรือ

1554 คำ
บทนำ : 1 คุณชายนายเรือ นวลเนื้อเนียนละเอียดผ่องปานปทุมาแนบชิดสนิทร่างกำยำแน่นขนัดไปด้วยมัดกล้าม ผ่านอุณหภูมิอุ่นร้อนไร้ซึ่งอาภรณ์ใดขวางกั้นในอ้อมกอดกันและกัน เสียงหัวเราะกลั้วไปกับอารมณ์หวามไหว ท่ามกลางธารน้ำใสที่มีเหล่ามัจฉาแหวกว่ายไปมา สายน้ำเย็นไม่อาจดับความปรารถนามากล้นที่ลุกเหิมดั่งไฟ ‘แม่พลอย...’ เสียงเรียกขานมิอาจหยั่งถึงเจ้าของนัยน์ตาคู่สวยพร่างพราว ราวภาพเลือนรางเบื้องหน้าเป็นเพียงความฝันซ้ำซากในทุกราตรีกาล กระทั่งลืมตื่นขึ้นพบความว่างเปล่าบนที่นอนนุ่มไร้คนคู่เคียงกาย “คุณชายเจ้าคะ ท่านจอมเรียกพบเจ้าค่ะ” หม่อมเจ้ากุลนาลหรือ ‘ท่านจอม’ จะเป็นท่านหญิงที่ไหน วันนี้เขาคงได้ถูกท่านแม่เอาเรื่องเพราะกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ อยู่แน่ เปลือกตาหนาปรือขึ้นมองเพดานครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะสะลึมสะลือลุกไปแง้มประตูบอก “ฉันตื่นแล้วป้าแช่ม ประเดี๋ยวจะรีบไป” “เจ้าค่ะ คุณชาย” บ่าวรับคำแล้วล่วงหน้าไปบอกท่านหญิงจอมที่กำลังรอบุตรชายอยู่ในห้องรับประทานอาหาร มีแค่คนรู้จักแต่เก่าก่อนมักเรียกเขาว่า ‘คุณชาย’ มาตั้งแต่สมัยยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘พระยาพิพิธพัฒนากร’ ด้วยความเคยชินจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ คนสนิทชิดเชื้อกระดากปากจะเรียก ‘เจ้าคุณพิพิธฯ’ ไม่ว่าใครจะเรียกอย่างไรเขาไม่ใช่คนถือยศถืออย่างอะไรมาก ติดก็แค่การทำงานเป็นนายนาวาเอก และต้องกลายเป็นบุคคลมีหน้ามีตาในสังคมชนชั้นสูง พ่วงคำท้ายนามในวงเล็บ ม.ร.ว. บนหนังสือราชการไม่ใช่เรื่องสบายนัก ทุกก้าวย่างเหยียบพื้นหินอ่อนเย็น ห้องนอนโทนสีเขียวอ่อนตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณ อันได้รับอิทธิพลจากประเทศตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม อารมณ์ร้อนรุ่มยังอยู่ในเรือนกายชายแกร่ง สัมผัสนุ่มนวลของเนื้อนางผ่านสาบสไบ กลิ่นหอมรัญจวนของกระแจะจันยังติดอยู่ปลายจมูก ไม่เว้นแม้ถ้อยคำเรียกขาน ‘คุณพี่’ ทั้งที่ไม่เคยพบพานนางแม้สักครั้ง หากเป็นเรื่องของจินตนาการ คงประหลาดพิลึกกับการที่ใครคนหนึ่งจะฝันถึงผู้หญิงคนเดิมมาทั้งชีวิต กระทั่งจิตใต้สำนึกยังพร่ำบอกทุกคืนวันว่าเขาเคยรักผู้หญิงคนหนึ่งมากเพียงใด สายน้ำจากฝักบัวพอจะทำให้ชายชาติทหารเย็นลง ชายหนุ่มจึงใช้เวลาอาบน้ำ แต่งตัวไม่นาน ในชุดข้าราชการเครื่องแบบครึ่งยศ เสื้อสีขาวราชปะแตน กางเกงสีดำแถบทอง กระบี่คาดในเสื้อ ประดับเหรียญดาราชั้นสูงสุดที่ได้รับพระราชทานในแต่ละตระกูล ต้นตระกูลของหม่อมราชวงศ์อินทรีนั้นเป็นเจ้าที่สืบเชื้อสายมาจากการเฉลิมพระยศ ท่านลุงผู้รับราชการเป็นมหาดเล็กมานานทำความดีความชอบไว้มาก ไม่ใช่เจ้าสายในสนิทชิดเชื้อโดยตรงเหมือนเจ้านายหลายพระองค์ แต่เขาก็ได้รับการศึกษาเท่าเทียมลูกหลานของขุนนางผู้ใหญ่ที่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ ร่างสูงสง่าสำรวจกระจกบานใหญ่เพียงครั้งเดียว เตรียมคำแก้ตัวไว้เป็นอย่างดีก่อนไปพบท่านแม่ “มาได้สักทีนะคุณชาย? กว่าจะเสด็จมาได้” ท่านหญิงจอมประชดประชันอยู่ทันทีที่เขาเหยียบห้องรับประทานอาหาร “โธ่.. ท่านแม่ต้องเสด็จซี ลูกเป็นแค่คุณชายจะไปเสด็จได้ยังไง” ร่างสูงนั่งยองลงวางมือบนเพลานุ่ม ผุดยิ้มกว้างเต็มวงหน้าหล่อเหลา “ท่านแม่ให้ป้าแช่มมาเรียกลูกแต่เช้า มีเรื่องกระไรฤากระหม่อม?” “จะเรื่องกระไร กี่ทุ่มกี่โมงกว่าจะกลับบ้านได้ ลูกพากันไปเที่ยวบ้านโคมเขียว[1] เข้าโรงบ่อนเบี้ยกับพ่ออาวุธรึ?” ลูกนอกการสมรส อนุภริยาของบิดา ไม่ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ยังเที่ยวทำตัวเสเพล คนอื่น ๆ ไม่เท่าไร แต่ถ้าจะให้พูดถึงอาวุธนั้นเสพย์อบายมุกได้ทุกประเภท ชอบเข้าโรงบ่อนเบี้ย โรงฝ**นอยู่เป็นนิจ ลามไปถึงบ้านโคมเขียวซ่องโสเภณียันสนามม้า คบคนพาลพาไปหาผลกลายเป็นความผิดของคุณชายอินทรีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงพี่ชายคนไหนได้ ถึงนาน ๆ ครั้งจะไปมาหาสู่กันประสาพี่น้องก็ตามที “ทำไมท่านแม่จึงเข้าใจเอาเองเล่า ลูกไปพบพี่ ๆ แค่เท่านั้น ไม่ได้ทำเรื่องเสียงหายกระไร ปากคนก็ช่างพูดกันไป ไม่ใช่เรื่องจริงกระหม่อม” ว่าแล้วก็เตรียมหนีเอาตัวรอด “ลูกไปออฟฟิศก่อนนะจ้ะ” “ประเดี๋ยวเถอะ..” ถูกรั้งไว้ด้วยสุรเสียงปรามดุ แลหัตถ์เรียวที่แตะลงบนบ่า วงเนตรเรียวรีหรี่เล็กจนเหยียดตรง “ลูกจะรีบร้อนไปไหน?” พอรู้ว่าโดนดุเป็นแน่แล้ว ชายหนุ่มจึงอยู่ในกิริยาพับเพียบเรียบร้อย นั่งหน้าสลดเตรียมรับฟังคำตรัสบ่นท่านแม่ที่คงว่ากันยาวเหยียดในวันนี้ “อย่าหาว่าแม่อย่างโน้นอย่างนี้อะไรไป ลูกเป็นหม่อม แลยังเป็นถึงท่านเจ้าคุณ ไม่รักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ขอให้เห็นแก่พระทัยท่านลุงบ้าง” ‘ท่านลุงคุณ’ ของเขานั้นก็คือเชษฐาของท่านหญิงจอม ผู้รับราชการมหาดเล็กมาแต่เยาว์วัย ปัจจุบันท่านได้รับตำแหน่งเป็นพระยาพิทักษ์ราชไมตรี กว่าสามสิบเจ็ดปีแล้วที่ท่านหญิงจอมพาบุตรชายเสด็จกลับวังด้วยองค์เอง เพราะความคับข้องพระทัยต่ออนุภริยามากมายของท่านกรมหมื่นฯที่นับไม่ได้ว่ามีเมียเป็นกี่โหล คุณชายอินทรีจึงได้รับการดูแลเรื่องเงินจากบิดาเป็นบางครั้งบางคราว จนอายุราวสักสิบแปดปี ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลอะไรอีก ในส่วนที่เขาได้ไปเรียนต่อถึงโรงเรียนนายเรืออังกฤษเป็นพระคุณอันล้นพ้นของท่านลุง “แม่เห็นมีทางที่ลูกพอจะจัดการกับเรื่องนี้ได้ จะทำอย่างไร ให้รีบจัดการเสียสักทางหนึ่ง อย่าให้ถึงหูท่านลุงเป็นอันขาด” “ท่านแม่คงต้องปิดกรรณ โน โน.. หรือท่านแม่อยากให้ลูกเป็นกะเทย” ชายหนุ่มหยอกไปตามนิสัยขี้เล่น ก็จะทำอะไรได้นอกเสียจากปล่อยให้มันเงียบไปเอง “นี่แหละ มันเป็นเสียอย่างนี้” “ลูกเป็นยังไงฤา? กระหม่อม” ถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ทั้งที่รู้คำตอบอยู่ทนโท่ ก่อนที่วงแขนกว้างจะเข้ากอดรัดองค์มารดา ชันษาหกสิบห้าที่ใส่พระทัยในเรื่องของสุขภาพอยู่ใช่น้อย มิได้พ่วงพีหรือซูบองค์จนเกินไป กริยาออดอ้อนไม่มีผลต่อหทัยหนักแน่นของท่านหญิงจอม รับสั่งเรียก “แม่แช่ม!” ได้ยินชื่อบ่าวคนโปรดของบ้านแล้วชายหนุ่มก็ใจไม่ค่อยดี หญิงวัยหกสิบปีคนนี้รับใช้ท่านหญิงจอมมาตั้งแต่สมัยยังไม่เลิกทาส เป็นคนรู้หทัยกันมาแต่ท่านยังวัยเยาว์แค่สิบชันษา จนทุกวันนี้แม่แช่มกับลูกสาวมีชีวิตความเป็นอยู่ดีเพราะเมตตาของเจ้าของบ้านหลังนี้ บ่าววัยหกสิบผู้จงรักภักดีเป็นที่สุด วิ่งกระวีกระวาดมาถึงห้องรับประทานอาหารที่ไม่มีใครแตะอาหารเช้าเลยสักอย่าง สบแววเนตรคมกริบของท่านหญิงจอม “ได้ยินแล้วเพคะ ท่านจอม” “ได้ยินว่ากระไร?” จากคำตรัสที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง บ่าวตอบ “ขอโทษเถิดเจ้าค่ะคุณชาย ท่านจอมบอกดิฉันว่าคุณชายพูดจาภาษาชอบกล ชอบให้ท่าไปทั่วพระนครมังคะ” “ได้ยินแล้วใช่หรือไม่? คุณชาย” คุณชายอินทรีถึงกับนิ่งอึ้งไป ก่อนจะรีบกอบกู้ชื่อเสียง “เป็นเพราะลูกเรียนจบโรงเรียนนายเรืออังกฤษ ถึงได้พูดไทยคำฝรั่งคำ อย่าว่าแต่ลูกเลย สมัยนี้เจ้านายหรือใคร ๆ เขาก็พูดคำฝรั่ง ในเรื่องเจ้าชู้ ลูกเพียงชายตามองไปตามประสา” ท่านหญิงจอมทรงดำริว่ามีเรื่องต้องปรึกษากันยาว ตบเบาะที่นั่งข้าง ๆ องค์ “แม่แช่ม มานั่งข้าง ๆ ฉันเลยนี่นะ” หญิงวัยหกสิบในผ้านุ่งซิ่นฟันดำประสาคนรุ่นเก่าที่ยังคงรับประทานหมาก ขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เจ้าของบ้านตามคำตรัสสั่ง “แม่แช่มมีความเห็นว่าอย่างไร?” บ่าวก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างรักษากริยา “หม่อมฉันอยากเรียนให้ทราบจริง ๆ ไม่ได้ประสงค์จะใส่ความคุณชาย ตั้งแต่ปีกลายมา คุณชายพูดจาชอบกล ไม่เข้าพวกเข้าพ้อง ญาติสนิทมิตรสหาย ลูกสมุน[2]ของคุณชาย ไม่มีผู้ใดเข้าใจภาษาประหลาดของคุณชายเท่าไรเลยเพคะ” “ฉันพูดอะไรไม่เข้าใจงั้นรึ? แม่แช่ม” ในน้ำเสียงไม่พอใจ แม่แช่มเพียงสบวงพักตร์เจ้าของบ้าน เยี่ยงสุนัขผู้ซื่อสัตย์ แน่ว่าระหว่างคุณชายอินทรี กับท่านหญิงจอม บ่าวรักคงต้องเลือกท่านหญิงจอม ซึ่งอยู่เคียงวรกายมาสี่สิบห้าปีตั้งแต่สมัยที่ยังไม่เลิกทาส “สวัสดี ไปป่ะ กินไร.. ตะมุตะมิจริง ๆ นะ ภาษาคุณชายบางครั้งก็เข้าใจกัน บางคราวก็ต้องหาวิธีเข้าใจเอาเอง บางวันคุณชายเกิดอยากว่าภาษาอโยธยา ก็ว่าอยู่ครึ่งค่อนวัน มังคะ” “ไม่จริง ลูกไม่ได้เป็นอย่างแม่แช่มว่า” [1] ซ่องส่วนมากมักจะแขวนโคมสีเขียวไว้เป็นสัญลักษณ์หน้าซ่อง ชาวบ้านจึงเรียกชื่อตามลักษณะของโคมที่แขวน = บ้านโคมเขียว [2] ลูกสมุน = ลูกน้อง, บริวาร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม