“ไหน! ใครมันทำน้องสาวพี่” ร่างสูงที่พุ่งตัวเข้ามาในห้องโพล่งขึ้นพร้อมกับรีบก้าวขาเดินมาสำรวจตามใบหน้าของฉันอย่างเป็นห่วง
“สวัสดีค่ะคุณฌินณ์” อาจารย์ท่านกล่าวทักทายพี่ชายฉันอย่างนอบน้อม ในขณะที่พี่ฌินณ์เอาแต่จับหน้าจับตาฉันไม่ได้สนใจคนอื่นที่นั่งอยู่ในห้องนี้เลย
“หน้าแดงหมดเลยชิงชิง เจ็บมากมั้ย”
“นิดหน่อยเองพี่”
“นิดหน่อยอะไร มันแดงเป็นรอยนิ้วขนาดนี้ ใครทำน้องสาวฉัน!!!” คนตัวโตสตวัดสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความดุดันหันไปมองยัยรุ่นพี่สามสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตากันอยู่อย่างเอาเรื่อง แต่แล้วคิ้วเข้มกลับต้องเลิกขึ้นอย่างตกใจเมื่อได้เห็นสภาพเบ้าหน้าของพวกนั้น
“พะ พวกเราขอโทษค่ะ นีน่าไม่รู้ว่าเด็กนี่เป็นน้องสาวของพี่ฌินณ์” ยัยผมทองหัวหน้าแก๊งค์พูดด้วยสีหน้าที่ (พยายาม)รู้สึกผิด แต่พี่ชายฉันถึงกับพูดไม่ออกเพราะมัวแต่มองรอยฟกช้ำที่ประดับอยู่บนหน้าของเธอเต็มไปหมด
“ชิงชิง นี่น้องจัดการพวกนี้คนเดียวเลยเหรอ?” พี่ฌินณ์เอ่ยถามราวกับเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
“ใช่ น้องทำเอง”
ฉันยอมรับไปตามตรงเพราะไม่มีประโยชน์ที่จะต้องโกหก หลักฐานมันฟ้องซะขนาดนั้นแล้ว แต่อย่างน้อยๆ ฉันก็ไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนก็แล้วกัน
“เอ่อ…อาจารย์ช่วยตักเตือนเด็กๆ ให้แล้วนะคะว่าอย่าไปรังแกรุ่นน้องอีก คุณฌินณ์ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ทางมหาลัยจะรับผิดชอบเต็มที่ แล้วก็จะสั่งพักการเรียนทั้งสามคนนี้เป็นเวลาสองอาทิตย์ด้วยค่ะ”
“ว่าไงนะ!!!” ยัยสามคนนั้นประสานเสียงออกมาพร้อมกัน สีหน้าของแต่ละคนดูตกใจไม่น้อยเลยที่ถูกสั่งให้พักการเรียนถึงสองอาทิตย์เต็ม!
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ชิงชิงก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนมาก เรื่องพักการเรียนอาจารย์ไม่ต้องสั่งพักพวกเขาก็ได้” แต่ฉันก็แฟร์พอที่จะไม่เอาเปรียบพวกหล่อน ในเมื่อฉันเองก็เล่นงานพวกนั้นไปเยอะแล้ว ก็ถือว่าเจ๊ากันไปละกัน
“เอางั้นเหรอ?” พี่ฌินณ์ถามฉันพร้อมกับสีหน้าอึนๆ ฉันจึงพยักหน้ารับก่อนจะยกมือไหว้อาจารย์แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกมาทันที อยู่ไปก็เสียเวลาเปล่าๆ
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ ถึงไปมีเรื่องกับนีน่าได้”
“….”
“ถ้าอาจารย์ไม่โทรเรียกให้พี่มาเคลียร์ ป่านนี้พี่คงไม่รู้เรื่อง” เสียงเข้มที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ฉันถึงกับถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ นี่สรุปฉันต้องบอกความจริงให้พี่ฌินณ์รู้ใช่มั้ยเนี่ย?
“ยัยนั่นมาถามน้องเรื่องภาพหลุด”
“ภาพหลุดอะไร?”
“ภาพหลุดของน้องกับพี่เกียร์”
“อะไรนะ!!”
“เมื่อวานน้องไปที่สนามแข่งรถของเพื่อนพี่มา แล้วดันมีคนถ่ายรูปไว้ พอยัยนั่นเห็นก็มาหาเรื่องน้องถึงนี่” เล่าจบฉันก็แอบเหล่ตามองสีหน้าของคนที่เดินอยู่ข้างๆ ปรากฎว่าพี่ฌินณ์กลับนิ่งไป ไม่ได้โวยวายอย่างที่ฉันคิดไว้สักนิด
“ไปทำอะไรที่สนามแข่ง”
“ไปเชียร์ซีอิ๊วแข่งรถ”
“ทำไมไม่บอกพี่!!”
“ถ้าบอก พี่ก็ไม่ให้ไป”
“แล้วทำไมต้องไปอยู่กับไอ้เกียร์?” นัยน์ตาสีนิลจ้องตรงเข้ามาในตาฉันอย่างคาดคั้น ฉันจึงรีบเสมองไปทางอื่น
“พี่เขาเป็นคนมาส่งน่ะ”
“งั้นเหรอ? ไม่เห็นมันบอก”
“น้องไม่รู้”
“ไม่มีอะไรต่อจากนั้นใช่มั้ย”
“ไม่หรอก”
“อืม วันนี้กลับเลย”
ว่าจบมือหนาก็ฉุดแขนฉันให้เดินตามเขามาที่รถ ฉันก็ต้องยอมขึ้นไปบนรถแต่โดยดี เพราะเพิ่งก่อคดีมาไม่อยากทำให้พี่ฌินณ์หงุดหงิดเพิ่ม หลังจากที่พี่ฌินณ์ขับรถออกมาแล้วฉันก็ควักมือถือออกมาแชทหาเพื่อนสาวทั้งสองคน ว่าวันนี้ฉันมีธุระต้องรีบกลับก่อน
น่าแปลกที่ครั้งนี้พี่ชายฉันกลับไม่อาระวาดเหมือนครั้งอื่น แต่ก็ดีแล้วแหละ ฉันก็ขี้เกียจมานั่งเถียงกับเขาแล้วเหมือนกัน
อู่ซ่อมรถ
“ทำไมพามาที่นี่?” เรียวคิ้วของฉันขมวดติดกันอย่างสงสัย เมื่อพี่ชายตัวดีขับรถมาจอดที่หน้าอู่ซ่อมรถของเพื่อนเขาแทนที่จะพาฉันกลับบ้าน แล้วเจ้าของที่นี่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือพี่เกียร์ยังไงล่ะ
“มาจัดการเรื่องเด็กมันไง ลงมา” ว่าจบคนตัวโตก็เปิดประตูรถและเดินออกไป ฉันจึงต้องจำใจลงตามพี่ฌินณ์ไปทั้งที่ใจไม่อยากคุยกับเขาคนนั้นเลย
พี่ฌินณ์พาฉันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้ารถหรูคันนึงที่จอดอยู่กลางอู่ ก่อนที่เขาจะเรียกคนใต้รถให้ออกมา
“ไอ้เกียร์ มึงทำอะไรไว้รู้ตัวมั้ย”
“มีไรวะ”
“ออกมาคุยกับกูเลย” เสียงเข้มดังมาจากใต้ท้องรถ ก่อนที่ร่างสูงจะทะไหลเคลื่อนตัวออกมาอย่างช้าๆ
และเมื่อสายตาคมเหลือบมาเห็นฉันยืนอยู่ข้างพี่ฌินณ์ เขาก็มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็หันกลับไปมองหน้าพี่ฌินณ์ต่อทันที
“มีเรื่องไร”
“เมื่อวานมึงไปส่งน้องกูเหรอ?” พี่ฌิน์ตรงเข้าประเด็นทันที ทำให้ร่างสูงที่อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนถึงกับเบือนหน้ามาสบตาฉันอีกรอบ เขาคงคิดว่าฉันเป็นคนบอกแน่ๆ
“เออ” หน้าหล่อพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับทั้งที่สายตายังคงจับจ้องมาที่ฉันอย่างไม่วางตาจนฉันต้องเป็นคนหลบสายตานั่นเอง กล้ามหน้าท้องแน่นๆ กับแผลงอกขาวๆ ทำเอาสติฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย
มัน…รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้
“ทำไมไม่มีใครบอกกู ทั้งมึง ทั้งชิงชิง!” พี่ชายฉันเริ่มเสียงเเข็งใส่เพื่อนซี้ แต่พี่เกียร์ก็ยังไม่มีท่าทีสะทกสะท้านใดๆ เขาเอาแต่นิ่ง…แล้วก็นิ่ง
ผู้ชายคนนี้เดาใจยากจริงๆ
“น้องมึงโตแล้ว หัดปล่อยเขาบ้าง”
“น้องกูโตแล้ว? มึงก็เลยปล่อยให้นีน่ามารุมตบน้องกูเหรอวะ!!”
“ว่าไงนะ!?” คิ้วดกขมวดชนกันพลางชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ฌินณ์พูดจบ
“นีน่าตามมาหาเรื่องชิงชิงถึงคณะ!!!”
“….”
“เพราะเห็นว่าเมื่อวานมึงพาน้องกูกลับบ้าน”
“เป็นอะไรมากมั้ย?” เขาตรงเข้ามาถามฉันโดยข้ามหัวพี่ฌินณ์ไปเฉยเลย มือหนาจับตัวฉันพลิกไปมาเพื่อหาร่องรอยที่โดนทำร้าย แต่ทว่ามือหนาของพี่ชายฉันดันรีบดึงแขนฉันให้ออกห่างจากร่างสูงซะก่อน
“ทำอะไรของมึง”
สิ้นเสียงพี่ฌินณ์ทั้งฉันและพี่เกียร์ต่างก็สบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไร แต่เสียงเข้มที่แทรกบทสนทนาขึ้นก็ทำให้พวกเรารีบละสายตาไปคนละทาง
“มาทำไรกันเยอะแยะวะ”
ร่างสูงเจ้าของเส้นผมสีควันบุหรี่แสนโดดเด่นทักขึ้น พร้อมกับเดินมาหยุดข้างพี่เกียร์ เขาเป็นเพื่อนในกลุ่มอีกคนของพี่ชายฉันเอง มีชื่อว่าพี่สิงหราช หรือที่พวกพี่ฌินณ์ชอบเรียกว่าสิงห์
“ชิงชิงไปรอที่รถก่อน พี่คุยเสร็จเดี๋ยวตามไป”
“อื้ม” ฉันพยักหน้ารับก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกมารอที่รถตามคำสั่งพี่ฌินณ์
[บันทึกพิเศษ : เกียร์]
“มึงไปจัดการเด็กมึงให้รู้เรื่องเลย อย่าให้มายุ่งกับชิงชิงอีก ต่อให้เป็นผู้หญิงกูก็ไม่เว้นนะ” ไอ้ฌินณ์ประกาศกร้าวอย่างไม่สบอารมณ์หลังจากที่น้องสาวมันเดินออกไปแล้ว ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องเมื่อวานจะทำให้ชิงชิงเดือดร้อนแบบนี้!
คงต้องจัดการให้เด็ดขาด
“เออ เดี๋ยวกูจัดการนีน่าเอง แล้วน้องมึงเป็นไรมากรึเปล่าวะ”
“ก็อย่างที่เห็น ไปดูสภาพนีน่าเหอะ ป่านนี้เข้าโรงบาลทั้งแก๊งค์แล้วมั้ง”
“ทำไมวะ”
“แม่ง โดนน้องกูเล่นงานซะเละเลยดิ”
“ผู้หญิงตัวแค่นั้นเหรอวะ ทำอะไรพวกนีน่าได้?” ไอ้สิงห์ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ อย่าว่าแต่มันเลย ขนาดผมเองก็ยังไม่เชื่อว่าคนอย่างขิงชิงจะมีพิษมีภัยอะไรได้
“เออ แต่ยังไงมึงก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้กูนะไอ้เกียร์ แล้วก็อย่าให้กูรู้ว่ามึงปล่อยให้ชิงชิงไปที่สนามโดยไม่บอกกูอีก” มันกำชับผมอย่างจริงจังตามนิสัยคนขี้หวงน้องสาวเกินมนุษย์มนาของมัน
แบบนี้ผมยิ่งเข้าหาชิงชิงยากเข้าไปใหญ่เลยว่ะ!!
“อือ กูรู้แล้ว”
“มึงก็เพลาๆ เหอะว่ะ สุดท้ายเขาก็ต้องไปมีแฟน” ไอ้สิงห์พูดขึ้นจนไอ้ฌินณ์ถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจ
“แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ พวกมึงช่วยกูจับตาดูชิงชิงด้วย ถ้าหมาตัวไหนมายุ่งกับน้องกู กูจะไปกระทืบมัน!!”
“โหดฉิบ!”
“มึงก็อย่ามายุ่งกับน้องกูนะไอ้สิงห์! เจ้าชู้ตัวพ่ออย่างมึงยิ่งไว้ใจไม่ได้อยู่”
“แต่กูก็ไม่หนักเท่าไอ้เกียร์ล่ะวะ!”
“แล้วมึงจะเงียบทำไม” ไอ้ฌินณ์หันมามองผม ผมจึงถอนหายใจก่อนจะรีบเดินหนี
“อะไรของมัน” เสียงไอ้สิงห์ดังแว่วตามหลังผมมา แต่ผมก็ไม่คิดจะหันไปตอบมันสองคนหรอก เพราะตอนนี้ในหัวมันมีแต่เรื่องชิงชิง
เอาไงต่อดีล่ะไอ้เกียร์
ได้เมีย ก็ต้องเสียเพื่อน?!
[จบบันทึก]
≪•◦ ❈ ◦•≫