บทที่ 4 หวั่นไหว
“ต่อไปนี้จะไปไหนต้องบอกพี่ เข้าใจมั้ย?” ทันทีที่พี่ฌินณ์ขับรถเข้ามาจอดในโรงรถที่บ้านเสียงเข้มก็ออกคำสั่งกับฉันทันควัน
“น้องไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
“อยู่แค่ปีหนึ่งทำไมจะไม่เด็ก”
“พอที น้องไม่อยากเถียงเรื่องเดิมๆ กับพี่ละ”
“ชิงชิง!” ฉันไม่อยู่รอให้พี่ชายจอมเผด็จการบ่นอะไรอีกต่อไป พอลงมาจากรถได้ขาเล็กก็จ้ำอ้าวเข้ามาในบ้าน ซึ่งคุณพ่อและคุณแม่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โถงกลางอยู่พอดี
“กลับมาแล้วเหรอชิงชิง” คุณแม่ระบายยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นฉัน ฉันจึงพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติและเข้าไปนั่งข้างท่านทั้งสอง
“ค่ะ แม่กับพ่อกลับมาจากฮ่องกงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“เมื่อเช้านี่เองจ้ะลูก พ่อเราเนี่ยบ่นว่าคิดถึงอาหารตลอดเลย”
“จริงเหรอคะคุณพ่อ”
“จริงสิ แล้วนี่เป็นอะไรสีหน้าดูไม่ดีเลยเรา” คุณพ่อเหมือนจะดูออกว่าฉันเพิ่งทะเลาะกับพี่ชายตัวดีมา ท่านจึงถาม แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากพูดคนตัวสูงก็เดินหน้ายุ่งเข้ามาซะก่อน
“สงสัยน้องจะไม่พอใจที่ผมชอบสั่งน้องมั้งครับ”
“พี่ฌินณ์!”
“อะไรกัน ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอพี่น้องคู่นี้ เราก็จริงๆ เลยนะตาฌินณ์ ปล่อยๆ น้องไปบ้างเถอะ”
“ผมปล่อยแน่ครับแม่ แต่ต้องเป็นตอนที่ชิงชิงโตมากพอแล้ว”
“ก็เป็นซะแบบนี้!”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้พรุ่งนี้จะมาทานข้าวด้วย” ว่าจบคนตัวสูงก็ก้าวขึ้นบันไดไปด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับสุดๆ เขาก็เป็นแบบนี้ อะไรไม่ได้ดั่งใจก็ใช้แต่อารมณ์
“อย่าไปถือสาพี่เขาเลย ตาฌินณ์คงแค่เป็นห่วงลูกน่ะ” คุณแม่หันมาปลอบฉัน ส่วนคุณพ่อก็ทำเพียงแค่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ฉันชินซะแล้ว ตั้งแต่จำความได้ก็ถูกพี่ชายตัวร้ายบงการชีวิตมาตลอด
รู้ตัวอีกทีฉันก็แทบไม่เคยได้ใช้ชีวิตในแบบของตัวเองเลย
22.50 PM.
หลังจากที่อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสร็จสรรพฉันก็เดินมาทิ้งตัวนั่งบนเตียงขนาดไซส์คิงอย่างเนือยๆ แก้มที่โดนยัยนีน่าตบยังรู้สึกระบมอยู่เลย ว่าแต่เผลอแป๊บเดียวจะห้าทุ่มแล้วเหรอเนี่ย
ฉันละสายตาจากนาฬิกาบนหัวเตียงในขณะที่กำลังจะเตรียมตัวที่จะเข้านอนแล้ว แต่ทว่าเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องก็ดังกวนขึ้นมาซะก่อน จนฉันต้องลุกขึ้นไปเปิดในที่สุด
“ยังไม่นอนอีกเหรอ?” ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูถามมาหลังจากที่บานประตูถูกเปิดออกแล้ว
“กำลังจะนอนแล้ว พี่มีอะไรรึเปล่า”
“พรุ่งนี้พี่ว่าจะบินไปดูงานที่ภูเก็ต น้องอยากไปกับพี่มั้ย ถือว่าเป็นการพักผ่อนหลังเปิดเทอม” ทรงนี้คงอยากทำดีไถ่โทษที่พูดจาไม่ดีใส่ฉันเมื่อตอนเย็นน่ะสิ ถึงพี่ฌินณ์จะเผด็จการกับฉันแค่ไหน แต่บทจะดีเขาก็จะดีจนน่าใจหาย
“ก็ได้ ถ้าพี่อยากให้น้องไป”
“อืม งั้นพรุ่งนี้ตื่นเช้าๆ หน่อยนะ”
“ค่ะ”
“ฝันดีน้องสาวพี่” พี่ฌินณ์ว่าพลางวางมือหนามาที่เรือนผมฉันเบาๆ ก่อนที่จะเดินกลับห้องไป ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างของพี่ชายตัวเองด้วยความสับสน
จะมาไม้ไหนของเขาอีก
HOTEL PHUKET
เมื่อเดินทางมาถึงโรงแรมที่ภูเก็ตพี่ฌินณ์ก็พาฉันขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม ซึ่งชั้นนี้เป็นชั้นไพรเวตที่เปิดให้เฉพาะแขกวีไอพีเข้ามาพักเพียงเท่านั้น อาทิเช่น ครอบครัวเจ้าของโรงแรม เครือญาติ หรือเพื่อนสนิท และคนที่เป็นเจ้าของที่นี่ก็คือพี่สิงหราชนั่นเอง ครอบครัวเขาทำธุดิจเกี่ยวกับการโรงแรมและรีสอร์ตระดับพรีเมียมที่เปิดสาขาอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ
ฉันกล้าพูดเลยว่าทุกโรงแรมที่ตะกูลของพี่สิงหราชเป็นเจ้าของล้วนแล้วแต่มีความหรูหราสมกับที่ตั้งใจเจาะตลาดเฉพาะพวกไฮโซจริงๆ ถ้าไม่ใช่คนมีฐานะคงหมดสิทธิ์ที่จะเข้าพัก
“น้องรออยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ต้องไปดูงานสักพัก ถ้าหิวก็สั่งอะไรกินก่อนเลย”
“ค่ะพี่”
“เดี๋ยวพี่มานะ”
พี่ฌิน์ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็เดินหลังไวๆ ออกจากห้องไป ฉันเดินไปเปิดผ้าม่านเพื่อชมวิวด้านนอกก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าชั้นนี้มีสระว่ายน้ำอยู่ด้วย แถมตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่สักคน เป็นการเหมาะถ้าฉันอยากจะไปลงสระให้ร่างกายสดชื่นบ้าง
ร่างบางที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเดินมาหยุดอยู่ที่ริมสระอย่างตื่นตาตื่นใจ สระว่ายน้ำที่นี่ทำมาจากกระจกเทมเปอร์แทบจะทั้งหมด ดวงตากลมโตทอดมองออกไปยังข้างหน้าสระที่ปรากฏภาพวิวอันแสนสะดุดตา สวยมาก สวยจริงๆ ...
ฉันจัดการถอดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นชุดบิกินี่สีดำที่ตัดกับสีผิวขาวซี๊ดโดยสิ้นเชิง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าลงสระอย่างช้าๆ
“อื้ม…เย็นจัง” เสียงพึมพำหลุดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มผ่อนคลาย ฉันว่ายไปหยุดที่ริมสระก่อนจะเท้าแขนบนขอบสระและจรดจ้องวิวตรงหน้าอย่างแฮปปี้
ชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุด!
“สวยดีนะ”
ฟึ่บ!
“ว้าย!”
ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มกระซิบมาจากทางด้านหลัง ในขณะที่ฉันกำลังเหม่อมองวิวข้างนอกจนไม่ทันสังเกตว่ามีผู้มาเยือนใหม่ แต่โชคยังดีที่มือหนาคว้าเอวของฉันไว้ได้ทันฉันจึงรอดจากการหงายท้องตกสระไปอย่างหวุดหวิด!!!
“ระวังหน่อยสิ!” ร่างสูงตำหนิฉันทั้งที่คนที่ทำให้ฉันเกือบแย่ก็คือเขา!!
“เล่นอะไรของพี่!” ฉันโวยกลับด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ
“ไม่คิดว่าจะขวัญอ่อนขนาดนี้”
“ก็พี่มาเงียบๆ เป็นใครจะไม่ตกใจ”
“เห็นเธอกำลังฟิน เลยไม่อยากกวน” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฎขึ้นบนใบหน้าหล่อ แล้วฉันก็เพิ่งมารู้ตัวว่าตอนนี้เอวของฉันกำลังถูกมือหนาเกาะกุมไว้อยู่ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเขาเองก็อยู่ในสภาพที่เปลือยท่อนบนเช่นกัน
ฉันเปล่ามองแต่สายตามันดันไปโฟกัสที่จุดนั้นเอง!
“ถอยเลยนะพี่เกียร์” ฉันปัดมือเขาออกทั้งที่คิ้วยังพันกันยุ่ง ให้ตาย! อยู่ใกล้คนอันตรายแบบนี้ไม่เข้าท่าเลย อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนใบหน้าจะร้อนขึ้นมาซะเฉยๆ
“ทำไมมาว่ายน้ำคนเดียว พี่เธอไปไหน?”
“ไปดูงาน แล้วพี่ไม่ไปกับเขารึไง”
“เปล่า”
เขาตอบเพียงสั้นๆ แต่นัยน์ตาที่น้ำตาลเข้มกลับลดสายตาลงมาหยุดที่บริเวรหน้าอกฉันที่ตอนนี้มีเพียงบิกินี่ตัวจิ๋วปกปิดอยู่ มือน้อยๆ จึงรีบยกขึ้นมาปิดส่านนั้นแทบไม่ทัน
สายตาของพี่เกียร์ที่มองมาทำเอาฉันสั่นวูบไปทั้งตัว ฉันไม่รู้ว่าในหัวเขาคิดอะไรอยู่ แต่รู้สึกเหมือนกำลังโดนคัตเตอร์คมๆ กรีดลงมาที่ร่างกายทั้งที่นั่นเป็นเพียงแค่สายตาของคนตัวสูง
ผู้ชายคนนี้ช่างร้ายกาจเกินไป!
“หยุดมองนะ มันเสียมารยาท”
“เธอนี่…เด็กแค่ตัวจริงๆ” คำพูดสองแง่สองง่ามทำให้ฉันถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาจงใจพูดให้ฉันอายชัดๆ
“พี่เกียร์!”
“นี่มันสระว่ายน้ำ แล้วเราก็อยู่กันแค่สองคนจะให้ฉันมองใคร”
“งั้นก็เชิญอยู่ไปคนเดียวเลย” ฉันตั้งท่าจะเดินขึ้นจากสระ แต่ทว่าลำแขนกลับถูกคนร้ายกาจกระตุกไว้จนฉันต้องเบือนหน้าไปมองเขาอย่างไม่พอใจอีกครั้ง
“จับทำไม”
“เรื่องนีน่า…พี่ขอโทษนะ”
“ฮะ!?” หูฟาดไปรึเปล่า หรือว่าน้ำเข้าหูฉันมากไปจนทำให้ได้ยินอะไรผิดเพี้ยน คนที่ไม่เคยสนโลกอย่างพี่เกียร์น่ะเหรอจะมาขอโทษฉัน
“แล้วแก้มยังเจ็บอยู่มั้ย...” ถามจบพี่เกียร์ก็เอื้อมมือขึ้นมาแตะที่รอยแดงจางๆ บนแก้มฉันอย่างแผ่วเบา วินาทีที่นิ้วเย็นเฉียบสัมผัสลงมาที่พวงแก้มใจดวงน้อยๆ ก็เริ่มเต้นผิดจังหวะโดยไม่มีสาเหตุ…
นี่ฉันกำลังหวั่นไหวอยู่รึเปล่า!?