บทที่ 1 ข้อแลกเปลี่ยน

2287 คำ
มหาลัยเอกชน “เลิกเรียนแล้ว ไปไหนดีวะแก” “วันนี้มีแข่ง ฉันคงไปไหนด้วยไม่ได้นะ” ซีอิ๊วตัดบทหลังจากที่ยัยลูกพีชหันมาถามเราทั้งสองคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของซีอิ๊วที่เลิกเรียนแล้วก็มักจะไปขลุกอยู่ตามสนามแข่งรถ เพราะนั่นคือสิ่งที่มันรัก “ได้ข่าวว่าวันนี้พี่ไฟลงสนามแข่ง เราไปเชียร์กันป่ะ” พี่ไฟที่ลูกพีชพูดถึงเขาคือรุ่นพี่ในมหาลัยที่ทั้งฮอตทั้งดังมากๆ แล้วก็เป็นหนุ่มคนที่มันปลื้มกันนักปลื้มหนา ราวกับพวกติ่งเกาหลีอะอะไรแบบนั้น “เออ พวกแกก็ไปด้วยกันสิ ชิงชิงไปป่ะ?” “ขอบาย เดี๋ยวพี่ฌินณ์รู้ฉันซวยอีก” “โห่ ไรวะ นี่ใจคอพี่ชายแกจะไม่ปล่อยให้แกได้เปิดหูเปิดตาบ้างเลยรึไง” ลูกพีชว่าด้วยสีหน้าเซ็งๆ ซึ่งพวกเพื่อนๆ ฉันต่างก็รู้ดีว่าพี่ชายฉันน่ะดุยิ่งกว่าเสือซะอีก ไม่ว่าฉันจะไปไหนก็ต้องคอยตามทุกฝีก้าว “ไม่รู้สิ ถ้ารู้ว่าไปสนามแข่งรถได้อาระวาดใส่ฉันแน่” “แกว่ามันไม่เกินไปหน่อยเหรอ เป็นแค่พี่ชายไม่ใช่เจ้าชีวิตสักหน่อย” ซีอิ๊วว่าพลางเบะปากอย่างไม่เข้าใจ ส่วนฉันก็คงทำได้แค่รับฟังเพื่อนสาวไปอย่างเงียบๆ ไม่รู้จะเถียงทำไมเพราะที่พวกมันพูดก็ถูกทั้งหมด “ไม่เป็นไรหรอก ช่างเถอะ” “ช่างได้ไง ชีวิตคนเรามันต้องกำหนดเองมั้ยแก จะให้พี่ชายแกมาคอยบงการมันใช่เรื่องเหรอ” “พี่เขาอาจจะแค่เป็นห่วงชิงชิงมากไปก็ได้นะซีอิ๊ว” ยัยลูกพีชรีบออกตัวแทน ก็แหงอยู่แล้ว ขึ้นต้นว่าคนหล่อยัยนี่ก็ออกโรงปกป้องหมดนั่นแหละ “ไม่รู้อ่ะ แต่ฉันไม่โอเค แล้วก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่แกเลย อย่าโกรธที่ฉันพูดตรงเกินไปนะชิงชิง” “….” “พี่ชายแกแม่งแบบ ไม่ได้จริงๆ ว่ะ” “เข้าใจ ฉันแค่ไม่อยากมีปัญหากับพี่ฌินณ์” พี่ชายฉันเหมือนคนอื่นซะที่ไหน ถ้าฉันทำอะไรไม่ได้ดั่งใจรับรองเลยว่าเขาต้องเล่นงานชุดใหญ่แน่ๆ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้กลัวพี่ชายตัวเองขนาดนั้นหรอก แต่ที่ไม่ขัดใจเพราะแค่ไม่อยากมีปัญหากับเขา ไม่งั้นคงจบยากน่าดู “อืม แต่เอาเป็นว่าวันนี้แกต้องไปดูฉันแข่ง โอเค๊?” “ฉันไม่…” “ห้ามเทฉันจ้ะ! วันนี้เป็นนัดแข่งครั้งสำคัญของเพื่อนเลยนะ จะใจดำไม่มาเชียร์เลยรึไงยะ” ซีอิ๊วยู่ปากพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ แต่ฉันรู้ดีว่ามันไม่ได้แค่อยากให้ฉันไปเชียร์มันอย่างเดียว ซีอิ๊วคงอยากให้ฉันทำอะไรนอกกอบบ้าง “นั่นสิ ไปเชียร์ด้วยกันต้องสนุกแน่” ลูกพีชดึงมือฉันไปจับไว้หลวมๆ ก่อนจะแกว่งไปมาอย่างกับพวกเด็กน้อยที่กำลังอ้อนผู้ใหญ่ ฉันจึงทำหน้าลังเลเล็กน้อย “นะแก ไปเถอะ ฉันแข่งจบเราก็กลับกันเลย สัญญาว่าจะไม่ลากไปไหนต่อทั้งนั้น” “จริงนะ” “จริงสิ ฉันเคยโกหกแกเหรอ” “ก็ได้ แต่ต้องรีบกลับนะ” “จ้าาาาาา วันนี้ฉันต้องแข่งชนะแน่ๆ ^^” สนามแข่งรถ ปี๊น! ปี๊น! “เฮ้! มาเชียร์ใครครับคนสวย” “สนใจมานั่งเบาะข้างๆ พวกพี่มั้ยครับ” เสียงโห่แซวของชายหนุ่มกลุ่มนึงที่ยืนคุยกันอยู่ข้างรถคันหรูดังขึ้น หลังจากที่ร่างบางได้ย่างกายเข้ามาในสนามแข่งรถแห่งนี้ “แน่ใจนะว่าพี่ฉันไม่มา?” ฉันที่เดินขนาบคู่มากับซีอิ๊วกระซิบถามเพื่อนสาวพร้อมกับสอดส่องสายตาไปทั่วบริเวณ “แน่สิ ฉันถามรุ่นพี่ที่สนามละ” เสียงหวานตอบกลับมาก่อนที่สายตาฉันจะไปสะดุดกับร่างสูงที่แสนคุ้นตาเข้า! “ชิงชิง! นั่นพี่เกียร์ป่ะวะ!!” “นี่ยัยลูกพีช! แกพูดเบาๆ หน่อยสิเดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก!” ซีอิ๊วหันไปเอ็ดลูกพีชด้วยสีหน้าตื่นๆ ดวงตากลมโตเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่เจ้าของร่างสูง ก่อนที่จะรีบเบื่อนหน้าหลบ เป็นเขาจริงๆ “โอ้ยแก ใครจะมาได้ยินคนเต็มสนามขนาดนี้” “ไหนบอกว่าวันนี้กลุ่มพี่ฌินณ์ไม่มาไง” ฉันรีบท้วงยัยซีอิ๊วอย่างระแวง ถ้าเพื่อนพี่ฌินณ์เห็นฉันอยู่ที่นี่ฉันไม่อยากจะคิดภาพเลย “กรี๊ดดดดดด~ พี่เกียร์” “แอร้ยยยยย พี่คะ!!!” “นั่นไง พี่เกียร์เดินมานู้นแล้ว” ลูกพีชชี้ๆ ไปทางร่างสูงที่เป็นต้นเหตุของเสียงกรี๊ดเมื่อครู่นี้ พี่เกียร์เดินออร่าจับเข้ามาในสนาม ทันทีที่ดวงตากลมโตหันไปเห็นฉันถึงกับมองชายหนุ่มตาค้างไปชั่วขณะ ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูงที่สูงประมาณร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร บวกกับผิวขาวๆ ราวกับมีแสงสปอร์ตไลท์ส่องอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าคมคายที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิทไม่ได้ช่วยให้เขาปกปิดความหล่อได้เลยแม้แต่นิดเดียว… ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้เพอร์เฟคขนาดนี้นะ!!! “ชิงชิง เฮ้! ยัยชิงชิง!” “อ่อ ว่าไง” ฉันสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเรียกของยัยลูกพีช จึงรีบหันมาถามว่าเมื่อกี้มันพูดอะไร “เหม่ออะไรนักหนา” “เปล่า” เสียงเรียบถูกตอบไปพร้อมกับสายตาที่มองไปยังร่างสูงอีกครั้ง แต่ทว่าเขาดันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “น่ะๆ เหม่ออีกแล้ว” “อย่าให้เขาเห็นฉัน ไม่งั้นพวกเราเดือดร้อนแน่” ว่าจบเท้าเล็กก็รีบจ้ำอ้าวตามหลังซีอิ๊วไปอย่างระมัดระวังตัว ไม่ว่าจะเป็นใครในกลุ่มของพี่ฌินณ์ก็ห้ามเจอฉันที่นี่เด็ดขาด! “หมายถึงพี่เกียร์น่ะเหรอ?” ลูกพีชทำสีหน้างงๆ แถมยังชะเง้อคอมองซ้ายทีขวาทีไปพลางๆ “ใช่” “เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วน่า ฉันก็ยังไม่อยากตายก่อนวัยอันควรนะยะ” ซีอิ๊วตอบจบก็คว้ามือฉันไปจูงก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ที่เพื่อนฉันพูดแบบนั้นก็เพราะว่าพวกมันรู้ดี ว่าพี่เกียร์ก็เผด็จการไม่ต่างจากพี่ฉันเลย เผลอๆ อาจจะร้ายหนักกว่าพี่ฌินณ์ด้วยซ้ำไป! เพราะเขาขึ้นชื่อเรื่องความอันตรายและมักมีข่าวอื้อฉาวบ่อยที่สุด ถ้าถามว่าในกลุ่มพี่ฌินณ์ใครร้ายสุดฉันคงตอบว่าเป็นเขานี่แหละ ผู้ชายอะไรเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น ที่สำคัญฉันยังไม่เคยเห็นเขาจริงจังกับใครเลย “ว่าแต่พี่เกียร์หายไปไหนแล้ว?” ลูกพีชถามเมื่อเดินมาหยุดที่เต้นท์นักแข่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ไม่เห็นแล้วนะ คงแค่มาเดินดูสนามแข่งเฉยๆ มั้ง” ซีอิ๊วตอบ “ดูสนาม?” เรียวคิ้วทั้งสองข้างของฉันเลื่อนมาชนกันอย่างงงๆ ทำไมเขาต้องมาดูสนามแข่ง “ลืมบอกน่ะ ว่าสนามที่นี่เป็นของเพื่อนพี่ชายแก” ยัยเพื่อนตัวดียิ้มแห้ง ซึ่งตรงข้ามกับฉันที่สีหน้าเริ่มถอดสี ไม่เห็นรู้มาก่อนว่าเขามีสนามแข่งรถด้วย “ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้!” “ถ้าบอกแกก็ไม่ยอมมาด้วยน่ะสิ” “ซีอิ๊ว!” “เอาน่า นี่เขาก็ไม่อยู่แล้ว เดี๋ยวฉันแข่งจบเรารีบกลับกันนะ” ฉันไม่ได้ตอบเพียงแต่พยักหน้าให้ซีอิ๊วไปอย่างจำใจ ไหนๆ ก็มาแล้วจะหนีกลับก็น่าเกลียดแย่ ถึงจะเสี่ยงมากก็เถอะ คนในสนามตั้งเยอะคงไม่บังเอิญมาเจอกันหรอก เมื่อซีอิ๊วเตรียมตัวที่จะลงสนาม ฉันกับลูกพีชจึงมายืนเชียร์อยู่ริมสนามที่เต็มไปด้วยสาวเล็กและสาวใหญ่ ถ้าตาไม่ดีจริงคงไม่มีใครจำฉันได้ รถทุกคันในสนามจอดสแตนบายที่จุดเริ่มต้น เสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าสาวๆ เริ่มดังแข่งกันขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้กลบเสียงเครื่องยนต์ไปจนหมด สายตาเรียบเฉยไร้ความตื่นเต้นใดๆ ปรากฎขึ้นมาบนในหน้าฉัน แขนเล็กๆ ถูกยกขึ้นมากอดอกพร้อมกับลมหายใจที่พ่นออกเป็นระยะ เพราะความเบื่อหน่าย ฉันไม่ชอบที่แบบนี้ ไม่ชอบควันรถ ไม่ชอบเสียงกรี๊ด ไม่ชอบหนุ่มๆ ในสนามไม่ชอบอะไรสักอย่าง “ขอโทษนะครับ มากับใครเหรอหน้าไม่คุ้นเลย” ตาโตของฉันเหลือบไปมองเจ้าของประโยคคำถามเมื่อครู่อย่างงุนงง พร้อมกับขาที่ถอยหลังออกมาเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ “มากับเพื่อน” “ชื่ออะไรครับ หน้าตาน้องน่ารักจัง” “ชื่อลูกพีชค่ะ อยากรู้อะไรอีกไหมคะ ถามมาเลย” โชคดีที่ลูกพีชใจกล้าตอบแทนฉันไป ทำให้พี่แกยิ้มเจื่อนกลับมา แต่สายตาก็ไม่ยังไม่วายหันมาจ้องหน้าฉันอย่างกรุ้มกริ่ม คนแถวนี้น่ากลัวชะมัด “แล้วเพื่อนน้องล่ะ ชื่ออะไร?” “อ่อ พอดีเพื่อนหนูไม่สะดวกคุยกับคนแปลกหน้าน่ะค่ะ ขอตัวนะคะ” มือเล็กของลูกพีชรีบคว้าข้อมือฉันพร้อมกับออกแรงดึงเพื่อให้หลุดไปจากตรงนี้ แต่ทว่ามือหยาบของพี่แกดันรั้งข้อมืออีกข้างของฉันไว้อย่างถือวิสาสะ ฉันเบิกตากวางอย่างตกใจ ลูกพีชเองก็ไม่ต่างกัน! “เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนกัน พี่ยัง…อ่าวเฮ้ย!” ไอ้คนฉวยโอกาสสบถออกมาเสียงดัง หลังจากที่มันโดนใครบางคนกระชากมือออกจากข้อมือฉัน และเมื่อฉันเบนหน้าไปมองผู้หวังดีที่อุตส่าห์เข้ามาช่วย สีหน้าของฉันก็ถึงกับซี๊ดลงโดยอัตโนมัติ นี่เขา….มาได้ไง! “มึงเป็นใครวะ มายุ่งอะไรด้วย!!” “ไสหัวไปซะ ถ้าไม่อยากเจอตีนกู!!!” เสียงเข้มคำรามอย่างน่ากลัว สายตาอันดุดันจรดจ้องไปที่ชายหนุ่มจนมันหน้าซี๊ดเผือด! ในขณะเดียวกัน ผู้คนในระแวกนี้ก็เริ่มให้ความสนใจจับตามองมาที่พวกเราอย่างสอดรู้สอดเห็น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งสักคน “ปะ ไปก็ได้ แล้วเจอกันใหม่นะ” มันทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะรีบเดินหนีออกไปจากที่นี่ ส่วนฉันที่เริ่มรู้ชะตากรรมตัวเองก็ค่อยๆ ขยับเท้าก้าวถอยหลัง จนกระทั่ง… “จะไปไหน?” “เอ่อ คือ…” “รู้สึกว่าพี่ชายเธอจะสั่งห้ามไม่ให้มาที่นี่ไม่ใช่เหรอ” สายตาคมตวัดมองมาที่ฉันอย่างเอาเรื่อง แต่ฉันยังคงทำใจดีสู้เสือเชิ่ดหน้าตอบกลับไป “ฉันแค่มาเชียร์เพื่อน” “เหรอ?” น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย็นวาบทำให้ฉันแอบขนลุกเบาๆ “เอ่อ ใช่ค่ะพี่เกียร์ พอดีพวกพีชเป็นคนชวนชิงชิงมาเองแหละค่ะ อุ้ย!” ลูกพีชอุทานออกมาหลังจากที่โดนพี่เกียร์ตวัดตามองเขม็ง ฉันจึงรีบไปยืนบังเพื่อนไว้ ก็เขาเล่นจ้องมันตาเขียวปั๊ดขนาดนั้นเดี๋ยวเพื่อนฉันก็ฉี่ราดพอดี “กลับ!” “แต่ว่า…” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากท้วงอะไรเลย มือหนาก็ฉุดรั้งลำแขนเล็กๆ ของฉันและลากมายังรถของเขาอย่างถือวิสาสะ นี่คนในกลุ่มพี่ชายฉันเขาจะป่าเถื่อนกันไปถึงไหนนะ!! “ปล่อยฉันนะพี่เกียร์!” “ขึ้นรถ แล้วหยุดโวยวาย” ไม่ว่าเปล่า พี่เกียร์พูดแกมขู่พร้อมกับชี้หน้าฉันอย่างบังคับ เขานี่มัน… “พี่เกียร์!” “เงียบซะ ไม่งั้นเรื่องที่มาอยู่ที่นี่ถึงหูไอ้ฌินณ์แน่” ดูเขาสิ ขู่ฉันเหมือนกับพวกเด็กๆ ไปได้ ไม่อยากจะเชื่อ! เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ฉันจึงต้องจำใจนั่งเงียบจนร่างสูงขึ้นมานั่งฝั่งคนขับและติดเครื่อง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปลายตามามองฉัน ก่อนที่เขาจะเอื้อมแขนมาดึงสายเบลท์คาดให้ฉัน มิหนำซ้ำพี่เกียร์ยังจงใจยื่นหน้ามาใกล้ๆ หน้าฉันอีกด้วยถ้าฉันไม่เบี่ยงหน้าหลบจมูกคงชนกันไปแล้ว อันที่จริงฉันกับเขาแทบไม่สนิทกันเลย แต่น่าแปลกที่เขากล้าทำตัวห่ามๆ ใส่ฉัน เชื่อแล้วว่าเพื่อนในกลุ่มพี่ฌินณ์นี่ร้ายกาจกันทุกคนจริงๆ “พี่ทำแบบนี้ทำไม?” ฉันถามเขาในขณะที่เขาขับรถออกมาจากสนามได้สักพักนึงแล้ว เมื่อกี้ลูกพีชโทรมาตามฉันด้วย แต่ฉันบอกไปแล้วว่าพี่เกียร์แค่จะไปส่ง มันเลยหมดห่วง “ยังเด็กยังเล็ก ไม่ควรมาอยู่ที่แบบนี้” พี่เกียร์พูดเสียงเรียบ ส่วนสายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่ถนนตรงหน้าอย่างสม่ำเสมอ ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่พยายามระงับอารมณ์ที่เริ่มเดือด นี่ฉันหนีเสือปะจรเข้รึไง อุตส่าห์หลบพี่ฌินณ์ดันต้องมาเจอพี่เกียร์อีก “จะไม่บอกพี่ฌินณ์ใช่มั้ย?” “อืม แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” “อะไร…” ฉันเหลือบมองคนข้างๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่ไว้ใจ ขึ้นชื่อว่าอยู่ในกลุ่มพี่ฌินณ์ไม่มีใครไว้ใจได้ทั้งนั้น พวกเขาทั้งอันตราย และเป็นพวกนิสัยเสีย มักทำอะไรที่คนดีๆ เขาไม่ทำกัน หรือเรียกๆ ง่ายว่าพวก‘คนทราม’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม