บทที่ 6 หวง

1491 คำ
บทที่ 6 หวง “เอยตามผมมาเหรอ” เขาไม่ตอบคำถามแต่กลับถามร่างบางกลับ เธอจึงพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ เอิงเห็นเกียร์เดินมาทางนี้ ก็เลยเดินตามมา” “พอดีเรามาเดินเล่นแล้วบังเอิญเจอกันน่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันรีบเดินเลี่ยงออกมาเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่เกียร์นานๆ รู้สึกอึดอัดแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก ปึก! “อ๊ะ!” “โทษที” ฉันเงยหน้าขึ้นมามองคู่กรณีที่เพิ่งเดินเข้ามาชนไหล่ฉันด้วยสีหน้าหงุดหงิดในขณะที่กำลังเดินกลับเข้ามาโรงแรม เจ้าของร่างสูงที่เป็นฝ่ายเดินมาชนก้มมองลงมาที่ฉันอย่างไม่ใส่ แต่แล้วใบหน้าหล่อเหลากลับต้องชะงักเมื่อสายตาเคลื่อนมาสบกับฉัน “ไม่เป็นไร” เพราะขี้เกียจมีปัญหาฉันจึงบอกปัดไปก่อนจะตั้งท่าจ้ำหนี แต่ทว่าผู้ชายคนนั้นดันเรียกไว้อีกรอบ “เดี๋ยว” ถึงจะหันไปมองแต่ฉันก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร ทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงตั้งคำถามที่เขาเรียกเพียงเท่านั้น “เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ย?” “ไม่นี่” ฉันปฏิเสธโดยไม่ลังเลสักนิด ฉันไม่ใช่คนขี้ลืมนะ ถ้าเคยเจอกันก็ต้องจำได้สิ อีกอย่างหน้าตาเขาก็ออกจะโดดเด่นขนาดนี้ “งั้นเหรอ” “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะ” “เมื่อกี้ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย” “ไม่” ร่างสูงทำหน้าแปลกๆ แต่ฉันไม่ได้ใส่ใจเลือกที่จะก้าวขาเดินออกมาทันที คืนนี้อยากดื่มจัง สงสัยต้องชวนพี่ฌินณ์ไปนั่งที่บาร์สักหน่อยแล้ว... 22.40 PM “แกน่าจะมานะ ฉันอยู่คนเดียวเบื่อชะมัด” [ได้ข่าวว่าพวกพี่ชายแกไปกันยกกลุ่มเลยนี่ ไม่น่าจะเหงามั้ง] ยัยซีอิ๊วพูดเย้าฉันทีเล่นทีจริงทำนองอยากจะแซว แต่ฉันกลับไม่มีอารมณ์ขันร่วมกับเพื่อนสักเท่าไหร่ “ก็ไม่เกี่ยวกับฉันนี่” [เกี่ยวสิ พวกพี่เขางานดีกันสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอยะ!!] “แล้วยังไง” [ไม่รู้สึกถูกใจใครบ้างเลยเหรอ ฟีลแบบเห็นหน้าแล้วใจเต้นไรงี้อ่ะ!] ใจเต้นงั้นเหรอ… “…” [อ่าว แกเงียบทำไมเนี่ย] “เปล่า” [อย่ามีพิรุธได้ป่ะยัยชิงชิง] “แค่นี้ก่อน พี่ฉันมาแล้ว” [โอเค เจอกันที่มอนะเพื่อน] “จ้ะ” ฉันวางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะกระจกแบบใสหลังจากที่เพิ่งวางสายเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ซีอิ๊วพูดเมื่อกี้มันดันไปจี้จุดบางอย่างเข้าเต็มๆ แล้วพี่ชายฉันก็ดันหายไปไหนไม่รู้ แค่บอกว่าจะออกไปทำธุระข้างนอกสักพักจากนั้นก็เงียบหายไปซะเฉยๆ ทิ้งให้ฉันรออยู่ที่โรงแรมคนเดียว แต่ช่างเถอะ ในเมื่อคนเผด็จการไม่อยู่งั้นคืนนี้ฉันก็จะได้เมาให้เต็มที่ไปเลย!! คิดได้ดังนั้นร่างบางจึงหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาชุดที่เตรียมมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ก่อนจะหยิบเดรสสีดำขึ้นมาเปลี่ยน ฉันใช้เวลาแต่งหน้าทำผมเพียงไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมที่จะออกไปนั้งชิลล์แล้วล่ะ! BAR เสียงเพลงที่เปิดคลอเพียงเบาๆ ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทอย่างผ่อนคลาย บาร์ที่นี่จัดว่าเป็นบาร์ที่ไม่วุ่นวาย แล้วก็บรรยากาศดีมากเลยทีเดียว การตกแต่งภายในก็ดูดีมีระดับ ให้ความรู้สึกของแขกที่มาเที่ยวเหมือนนั่งกินในห้องไพรเวต ซึ่งฉันชอบนะ “คุณผู้หญิงรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ?” “วิสกี้” ฉันตอบบาร์เทนเดอร์และนั่งรอเครื่องดื่มอยู่ที่บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ รอเพียงไม่นานแก้ววิสกี้ก็ถูกนำมาวางเสิร์ฟที่ตรงหน้า เรียวนิ้วยกแก้วขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อยและดื่มด่ำกับบรรยากาศในบาร์ต่อ สายตาทอดมองไปยังแก้วในมืออย่างใช้ความคิด ฉันไม่ควรตามพี่ฌินณ์มาด้วยเลย รู้สึกคิดผิดยังไงไม่รู้ “นั่งด้วยคนได้มั้ยครับ?” ฉันละสายตาจากแก้ววิสกี้มองไปยังชายหนุ่มแปลกหน้าที่จู่ๆ ก็เดินเข้ามาทักฉันทั้งที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน “คะ?” “ผมขอนั่งด้วยคนได้มั้ย คุณมาดื่มคนเดียวเหรอ” “เปล่าค่ะ มารอเพื่อน” ที่ต้องโกหกเพราะถ้าฉันตอบว่ามาคนเดียวหมอนี่คงไม่เลิกวอแวแน่ เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นเขาก็นิ่งไปเพียงชั่วครู่ “งั้นให้ผมนั่งรอเพื่อนคุณเป็นเพื่อนดีมั้ย รอคนเดียวคงเซ็งแย่” “ไม่ดีกว่า ฉันอยากอยู่คนเดียว” “แต่ผม…” “รอนานรึเปล่า” เสียงใครบางคนดังแทรกบทสนทนาระหว่างฉันกับชายแปลกหน้าขึ้นมา จนฉันต้องเบนหน้าไปมองแล้วก็พบว่าผู้ชายที่เดินมานั่งข้างฉันอีกฝั่งเขาเป็นคนเดียวกับคนที่เดินชนฉันเมื่อเย็นนี้ เขามาได้ไง!? “คุณ!” “ขอโทษที่ให้รอนานนะ แล้วนั่นใครเหรอ” นัยน์ตาเข้มว่าพร้อมกับมองตรงไปยังหนุ่มคนนั้นจนเขาถอดสีหน้าจากนั้นก็เดินหนีออกไป “ทำอะไรน่ะ” ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ ถ้าเดาไม่ผิดเมื่อกี้เขาจงใจเข้ามาช่วยฉันสินะ แต่ที่ฉันไม่เก็ทก็คือเราไม่รู้จักกันแล้วเขาจะมาช่วยฉันเพื่ออะไร? “ก็เห็นๆ อยู่ว่ามาช่วย” “ยังไงก็ขอบคุณนะ” “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นเลี้ยงฉันสักแก้วดีกว่ามั้ย” “คุณก็ดูมีเงินนี่ จะให้ฉันเลี้ยงทำไม” ที่ฉันรู้เพราะว่าเขาเล่นใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยน่ะสิ หน้าหล่อกระตุกยิ้มเล็กน้อยและถือวิสาสะหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ “แค่ไม่อยากได้คำขอบคุณ” “ก็ตามใจ งั้นแก้วนี้ฉันเลี้ยงก็ได้” “ชื่ออะไร?” อยู่ๆ เขาก็เริ่มถามชื่อฉันเป็นจังหวะเดียวกับที่บาร์เทนเดอร์ยื่นแก้วให้พอดี “จะรู้ไปทำไม” “มันเป็นอันดับแรกในการทำความรู้จักกันไม่ใช่เหรอ” ฉันหันไปมองร่างสูงอีกครั้งอย่างพิจารณา ใบหน้าหล่อเหลาอย่างกับพวกดารา จมูกโด่งเป็นสันบ่งบอกว่าไม่ได้ผ่านมีดหมอมาสักครั้ง คิ้วเข้มดกตามประสาผู้ชาย ปิดท้ายที่ดวงตาสีดำสนิท ดูไปดูมาผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร คงไม่เสียหายที่ฉันจะลองทำความรู้จักกับเขา ซึ่งปกติฉันไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่กับนายนี่ดันไม่ใช่! “ชิงชิง ฉันชื่อชิงชิง” คนตรงหน้ายกยิ้มมุมปากก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงพอใจ “ฉันชื่อไฟ” “อ่อ โอเค” “เธออายุเท่าไหร่?” เขายังคงถามต่อ “สิบเก้า คุณล่ะ” “ยี่สิบสอง” “เป็นรุ่นพี่สินะ” “ส่วนเธอก็เด็กปีหนึ่ง” “หึ ใช่” ฉันเผลอหลุดขำออกมานิดหน่อยเมื่อได้คุยเรื่องที่มันเบาสมอง ทุกวันนี้เจอแต่เรื่องปวดหัวจำแทบไม่ได้แล้วว่ายิ้มครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ “เรียนที่ไหนเหรอ?” “กรุงเทพน่ะ” “ฉันก็เรียนกรุงเทพ” “จริงดิ” “ใช่!” ว่าจบเขาก็ยกแก้วมาจ่อที่ตรงหน้าเป็นการชวนให้ฉันชนแก้ว ฉันจึงคว้าแก้ววิสกี้ของตัวเองขึ้นมาและเตรียมที่จะชนกับเขา จนกระทั่ง… พรึ่บ! “ดึกแล้ว! มัวมาทำอะไรอยู่ที่นี่!” “พี่เกียร์…” ฉันอุทานชื่อคนที่เดินเข้ามากระชากแขนฉันจนเกือบจะหงายท้องตกเก้าอี้ด้วยสีหน้าที่อึ้งสุดๆ ทำไมอยู่ๆ ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาซะเฉยๆ สายตาคมดุจใบมีดจ้องฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะตวัดมองไปยังร่างสูงที่นั่งเคียงข้างฉันอย่างนิ่งๆ แต่ในความนิ่งของเขาฉันกลับสัมผัสได้ถึงความไม่สบอารมณ์ขั้นรุนแรง ≪•◦ ❈ ◦•≫ เอาแล้วไง อิพรี่จะกินหัวยัยน้องของไรท์มั้ยยย>< อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ ส่วนตอนที่แล้วที่มีนักอ่านบอกว่ารู้สึกแปลกกับการที่นอ.แทนตัวเองว่า“เรา” ไรท์จะไล่แก้ไขคำเรียกให้นะคะ แต่ขอแจ้งเหตุผลนิดนึงว่าที่ไรท์ให้น้องแทนตัวเองว่า เรา เป็นเพราะคาแรคเตอร์น้องเป็นสาวนิ่งๆ ค่ะ ซึ่งน้องกับพอ.ไม่ได้สนิทกัน เพราะฉะนั้นเวลาคุยกันไรท์จึงพยายามหาคำที่ค่อนข้างไม่สนิทกันมาใช้ อีกอย่างเป็นความชอบส่วนตัวของไรท์เองค้าา คำว่า เรา มันดูแปลกใหม่แล้วก็มีเสน่ห์ดีค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไรท์ก็จะเปลี่ยนคำเรียกให้ตามใจคุณนักอ่านเลยนะคะ รักๆๆๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม