บทที่ 9 เดิมพันครั้งสำคัญ

1982 คำ
บทที่ 9 เดิมพันครั้งสำคัญ “ที่ที่มีแค่เรา?” อาการมึนเมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้หัวสมองเบลอไปชั่วขณะ ดวงตาคู่สวยจรดจ้องตาคมอย่างสับสน พลันก้อนเนื้อที่ตรงอกข้างซ้ายก็เริ่มเต้นระส่ำขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ตึกๆ…ตึกๆ “ไปกับพี่นะชิงชิง” “แต่พี่ฌินณ์…” “ช่างหัวคนอื่นไป สนแค่เราก็พอ” “เรา?” “ใช่!” “ระหว่างเราไม่มีคำว่า ‘เรา’ ” เมื่อสติเริ่มกลับคืนมาฉันก็ตะหนักได้ว่าสิ่งที่พวกเรากำลังกระทำอยู่นั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเอาซะเลย มือเล็กจึงผลักร่างสูงออกจากการจับกุม “ชิงชิง” “พี่ไม่ควรทำแบบนี้” “ทำไม!!” “เพราะมันไม่เหมาะสม” “แล้วใครสนเรื่องพวกนั้น?” ฉันรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างเขาไม่เคยสนโลกอะไรทั้งนั้น เขาสนแต่ตัวเอง เอาแต่ความต้องการตัวเองเป็นหลัก แต่ไม่เคยแคร์ว่าไอ้ความต้องการของเขาจะทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง นี่คือวิถีคนเห็นแก่ตัวสินะ… “ไม่สนก็เรื่องของพี่ แต่ฉันสน!” ว่าจบก็ตั้งท่าจะหมุนตัวเพื่อเดินหนี แต่ทว่าคนเอาแต่ใจอย่างเขากลับไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ เขารั้งแขนฉันไว้จนฉันต้องหยุดชะงัก “เมื่อไหร่เราจะคุยกันดีๆ เอะอะก็เดินหนีตลอด!” “เราไม่มีอะไรต้องคุยกันนี่” “เธอจะขีดเส้นไปถึงไหน ทั้งที่ก็รู้ว่าฉันต้องการอะไร!” “ฉันไม่รู้” น้ำเสียงหนักแน่นถูกส่งออกไปถึงคนตรงหน้า เราต่างก็สบตากันนิ่งไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก มีเพียงแค่เสียงลมหายใจและเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอกที่ดังก้องอยู่ในหู “ไอ้เกียร์! มายืนทำไรตรงนี้วะ” เสียงเข้มที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้ฉันรีบสะบัดแขนจนมือหนาหลุดออกไป ฉันพยายามปรับสีหน้าไม่ให้มีพิรุธก่อนที่จะเบนหน้าไปทางร่างสูงที่เพิ่งเดินเข้ามา “ชิงชิงจะล้ม กูเลยช่วยจับ” พี่เกียร์แก้ตัวกับเพื่อนสนิท พี่เหล็กจึงทำแค่เหลือบมามองฉันแวบเดียว “ไอ้ฌินณ์บอกว่าจะมาตาม ชิงชิงรีบไปหามันเถอะ” “ค่ะ” ฉันรับคำมาเพียงสั้นๆ ก่อนที่จะสบตาคมอีกครั้งแล้วรีบเดินกลับไปที่โต๊ะทันที เกือบไปแล้ว!! [บันทึกพิเศษ : เกียร์] “ทำอะไรของมึง” “อะไร” ผมถามไอ้เหล็กอย่างไม่ใส่ทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ร่างบางที่เพิ่งเดินออกไปได้ไม่นาน “มึงกับชิงชิงไงไอ้สัส!” “เออ แล้ว?” “นั่นน้องเพื่อนนะเว้ย มึงก็รู้ว่าไอ้ฌินณ์มันหวงน้องสาวมันจะตาย ยังจะหาเรื่องอีก” ไอ้เหล็กมันว่าผมเป็นชุดยิ่งกว่าตอนที่ผมไปแย่งมันเคลมสาวซะอีก มันคงรู้ว่าถ้าผมยุ่งกับชิงชิงจะเกิดอะไรขึ้นกับผมและไอ้ฌินณ์! แต่ทำไงได้ ผมดันสนใจเธอไปแล้ว และคนอย่างผมไม่เคยปล่อยให้ของที่อยากได้หลุดมือไปแม้แต่ชิ้นเดียว ครั้งนี้ก็ด้วย! ยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยชิงชิงไปง่ายๆ หรอก ต่อให้ต้องถูกเพื่อนเกลียดผมก็คงหยุดไม่ได้แล้ว! “กูแค่ชอบเขา กูผิดตรงไหน?” “ไม่ผิด แต่ไอ้ฌินณ์มันไม่ยอมแน่” “กูมีวิธีของกู” “ไอ้เกียร์มึงหยุดเลยนะ ไอ้วิธีที่มึงว่าแม่งต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่!” ใช่ครับ เพื่อนผมมันรู้ทันผมตลอดอยู่แล้ว แต่ผมไม่สนใจ บอกแล้วไงว่าใช้วีธีไหนก็ได้ผมไม่เกี่ยง ขอแค่ได้สิ่งที่ต้องการผมทำหมด!! “มึงอยู่เฉยๆ เหอะ เรื่องของกูเดี๋ยวกูจัดการเอง” “แล้วแต่มึงละกัน แต่จำไว้ว่ากูเตือนมึงแล้ว!!!” ว่าจบไอ้เหล็กมันเดินหนีผมออกไปอีกคน ผมรู้ว่ามันไม่อยากเห็นผมกับไอ้ฌินณ์แตกคอกันเพราะเรื่องชิงชิง แต่ผมเลือกแล้ว ไม่ว่าใครก็หยุดผมไม่ได้! ยังไงชิงชิงก็ต้องตกเป็นของผม [จบบันทึก] สายตาที่ทอดมองออกไปนอกกระจกรถเต็มไปด้วยความสับสน ตั้งแต่มีเรื่องเขาเข้ามาจิตใจฉันก็ว้าวุ่นขึ้นทุกที ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรหรือมีแผนร้ายอะไรถึงเข้าหาฉันขนาดนี้ แต่ที่รู้ก็คือต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน และฉันก็ไม่อยากมีปัญหากับพี่ฌินณ์ด้วย! “คิดไร เห็นเงียบตั้งแต่ในงานแล้ว” คนที่นั่งขับรถอยู่ฝั่งคนขับเอ่ยถามขณะที่สายตายังคงโฟกัสอยู่ที่ท้องถนน “เมาน่ะ” ใช่ฉันเมา! ต้องเป็นเพราะความเมาแน่ๆ ถึงทำให้สมองมันปั่นป่วนขนาดนี้ “แค่นั้นเหรอ” “ก็แค่นั้นสิ พูดเหมือนคนอย่างน้องมีอะไรให้คิดเยอะ” “ถ้าปกติก็คงไม่มี แต่ช่วงนี้น้องแปลกไป” “….” “มีอะไรที่พี่ต้องรู้รึเปล่า?” ฉันละสายตากลับมามองหน้าพี่ชายตัวเองอย่างตกใจ ทำไมอยู่ๆ ถึงถามแบบนั้น? “พี่พูดถึงเรื่องอะไร น้องไม่เคยปิดบังอะไรพี่ก็รู้” ยกเว้นแค่เรื่องนี้ “ก็ดี เพราะถ้าพี่รู้ที่หลังน้องคงรู้ว่าจะเป็นยังไง” ไม่ว่าเปล่า สายตาคมดุจใบมีดหันมาสบตาฉันเป็นเชิงขู่ เขาอยากจะสื่ออะไร หรือว่าแอบไปรู้อะไรมารึเปล่า ฉันถึงกับเงียบไม่กล้าโต้ตอบอะไรกลับไปอีก ทำเพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆ พลันหัวสมองก็คิดไปต่างๆ นาๆ กลัวว่าพี่ฌินณ์จะไปรู้อะไรมา แต่คงไม่หรอก คนอย่างพี่ฉันถ้าลองได้รู้อะไรเขาไม่อยู่เฉยแน่ ต้องมีอาระวาดให้ตายกันไปข้าง!!! 2 วันต่อมา ร้านกาแฟ “แกว่าสีนี้สวยมั้ย ฉันอยากได้สีที่มันแจ่มๆ หน่อยอ่ะ” “ไม่รู้” ฉันส่ายหน้าปฏิเสญก่อนจะละสายตาจากหน้าจอมือถือของยัยลูกพีชแล้วคว้าชาเย็นที่ตอนนี้เริ่มละลายจนรสชาติจืดแล้วขึ้นมาจิบนิดๆ ก่อนจะวางลงที่เดิม วันนี้หลังเรียนเสร็จพวกเราไม่มีอะไรทำลูกพีชเลยเสนอไอเดียชวนมานั่งชิลล์ที่ร้านกาแฟข้างมอ ซึ่งฉันเองก็กำลังเซ็งๆ อยู่พอดีจึงยอมมาด้วย ส่วนซีอิ๊วรายนั้นพอเรียนเสร็จก็หายไปไหนไม่รู้ บอกแค่ว่าจะไปที่สนามแข่งตามเคย “นี่! ช่วยเลือกหน่อยสิ งานวันเกิดฉันทั้งทีนะ ฉันอยากเริ่ดที่สุดในงาน โอเค๊?” ลูกพีชจีบปากจีบคอว่าพลางเลื่อนหน้าจอมือถือเพื่อดูชุดใส่ไปงานวันเกิดของตัวเองอย่างตื่นเต้น “แกใส่ชุดไหนก็สวยอยู่แล้ว” “เรื่องนั้นฉันรู้ตั้งแต่เกิดละ คิกๆ แต่ฉันอยากปังกว่านี้นี่ยะ” “สีอะไรก็ได้ที่มันไม่ฉูดฉาดเกิน” ฉันออกความเห็น แต่แล้วอยู่ดีๆ โทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหน้าก็ดันสั่นขึ้นมาพอดี เป็นชื่อที่ฉันไม่ได้เซฟซะด้วย ใครกัน? ครืดดดด ครืดดดด “รับสิแก ปล่อยให้สั่นทำไม” ลูกพีชหันมาพูด ฉันเลยหยิบขึ้นมารับทั้งที่ปกติถ้าเป็นเบอร์แปลกแบบนี้ฉันจะไม่รับ “ฮัลโหล…” [ไง] น้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยถูกเปล่งออกมาจากคนปลายสาย ดวงตากลมโตของฉันถึงกับเบิกกวางอย่างตกใจ อย่าบอกนะว่าเป็นเขา!! “ใครน่ะ” [จำไม่ได้?] ชัดเจน ประโยคกวนๆ แบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา ฉันเหลือบไปมองหน้าเพื่อนสาวที่ตอนนี้มันกำลังมองมาที่ฉันอย่างสอดรู้สอดเห็น จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินออกมาคุยด้านนอกแทน “พี่โทรมาทำไม มีธุระอะไร” [อยู่ไหน เรียนเสร็จรึยัง] ให้ตาย! ฉันล่ะทึ้งกับความมึนแบบไม่มีรีมิทของเขาจริงๆ เลย “ถ้าไม่มีอะไร งั้นขอวางนะ” [เดี๋ยว] “มีอะไรก็รีบพูด ฉันติดธุระอยู่” ฉันหาข้ออ้างเพื่อจะได้รีบวางสายไปสักที คนปลายสายเงียบไปเพียงครู่เดียวแล้วเขาว่าขึ้น… [เพื่อนเธอมีเรื่องอยู่ที่สนาม ควรมาดู] “ว่าไงนะ!!” [ถ้ามาช้า รับรองเพื่อนเธอดูไม่จืดแน่] “ซีอิ๊วเป็นอะไร ใครทำอะไรเพื่อนฉัน!” [อยากรู้ก็รีบมาดู] “ได้!” ฉันรีบวางสายอย่างร้อนใจก่อนที่จะลองโทรไปถามซีอิ๊วดูเผื่อว่าพี่เกียร์จะโกหก แต่ต่อให้พยายามโทรกี่สายซีอิ๊วก็ไม่ยอมรับเลย แบบนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องโกหกแล้วล่ะ! สนามแข่ง ฉันพาตัวเองมาถึงสนามแข่งรถของพี่เกียร์ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ส่วนยัยลูกพีชฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้เพราะกลัวจะพาเพื่อนมาเดือดร้อนอีกคน เมื่อเข้ามายังสนามเรียบร้อยแล้ว ภาพที่ฉันเห็นก็คือร่างบางของซีอิ๊วกำลังยืนประจันหน้ากับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ซึ่งฉันไม่รู้จักเขาและไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย “ซีอิ๊ว! มีเรื่องอะไร” ฉันปาดเข้าไปถามเพื่อนรักอย่างตกใจพลางกระตุกแขนมันเบาๆ และเมื่อซีอิ๊วหันมาเจอหน้าฉันมันก็ตาโตตกใจด้วยเหมือนกัน! “แกมาได้ไง” “ช่างก่อนเถอะ ว่าแต่แกน่ะ ทำไมมายืนตรงนี้” ฉันว่าพลางกวาดสายตามองผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆ บริเวณ พลันสายตาก็ดันปะทะเข้ากับร่างสูงที่ยืนดูเหตุการณ์นี้อยู่ พร้อมทั้งมีสาวสวยแต่งตัวน้อยชิ้นยืนขนาบข้างเขาถึงสองคนด้วยกัน!!! “ก็ไอ้นี่มันโกงการแข่งขัน แล้วยังจะมีหน้ามายึดรถฉันอีก!” ฉันกลับมาสนใจเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง แล้วเหลือบไปมองคู่กรณีของซีอิ๊วด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ “ใครโกง ไม่มีหลักฐานก็อย่ามากล่าวหามั่วดีกว่า” “แกนั้นแหละที่โกง ไอ้หน้าด้าน!!” “พูดให้มันดีๆ นะยัยนี่!!” ไอ้หมอนั่นทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องเพื่อนฉัน ฉันจึงรีบเข้าไปขว้างไว้ “อย่าแตะต้องเพื่อนฉัน” “ว้าว! มีเพื่อนน่ารักๆ มาปกป้องด้วยเหรอเนี่ย” “…” “งั้นฉันเปลี่ยนใจละ ฉันไม่ยึดรถเธอก็ได้ แต่ขอเปลี่ยนเป็นไปส่งเพื่อนเธอแทนดีมั้ย?” ไอ้บ้านั่นว่าพร้อมกับใช้สายตามองมาที่ร่างกายฉันอย่างจาบจ้วงสุดๆ จนฉันถึงกับกำหมัดแน่นเพราะความโกรธ! “พ่นอะไรออกมาไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเลยนะ” “อ่าว เธอ!” ไอ้นั่นมันสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะทำท่าเข้ามาหาฉัน แต่ทว่าแขนของฉันกลับโดนดึงออกไปซะก่อนพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างสูงที่มายืนบังร่างฉันจนมิด “มาแข่งกับกูดีกว่า หาเรื่องผู้หญิงมันทุเรศไปหน่อยว่ะ!” “พี่เกียร์…” “ถ้าแข่งแล้วกูจะได้อะไร” “กูให้ได้หมด แต่ถ้ามึงแพ้ก็ไสหัวไปซะ แล้วอย่ามายุ่งกับสองคนนี้อีก!” เสียงเข้มประกาศกร้าวอย่างน่ากลัว ไอ้หมอนั่นที่เป็นฝ่ายถูกท้ากระตุกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะพยักหน้ารับ “ถ้ากูชนะ ยัยนี่ต้องไปกับกู” “ตกลง!” “ไม่นะ…” ฉันกระตุกแขนพี่เกียร์เพื่อท้วงข้อตกลงระหว่างเขากับหมอนั่นทันที เพราะพวกเขากำลังใช้ตัวฉันเป็นของเดิมพันน่ะสิ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันยอมไม่ได้ ฉันไม่มีทางยอมไปกับใครที่ฉันไม่รู้จักมาก่อนเด็ดขาด!!! “เชื่อใจฉัน” “แต่ว่า” “ถ้าชนะ…ขอรางวัลด้วยนะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม