บทที่ 8 ถลำลึก

1603 คำ
บทที่ 8 ถลำลึก “พี่ถามว่าทำไมมาอยู่กันตรงนี้” พี่ฌินณ์ถามย้ำก่อนจะเคลื่อนสายตาไปยังร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังฉัน ซึ่งเขาเอาแต่ยืนนิ่งไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไร “แล้วพี่หายไปไหนมา ปล่อยให้น้องอยู่คนเดียว” “ไปทำธุระ ไอ้เกียร์ทำไมมึงไม่ตอบ!” ตอบฉันจบพี่ฌินณ์ก็หันไปคาดคั้นเพื่อนเขาอีกครั้ง ถ้าพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าออกไปพี่ชายฉันต้องสงสัยแน่ๆ แล้วเมื่อกี้พี่เกียร์ก็เพิ่งจะ…ให้ตาย!! “น้องไปนั่งที่บาร์มา แล้วเพื่อนพี่มาเจอเลยตามให้กลับห้อง” ฉันยอมบอกเรื่องนี้ดีกว่าให้พี่ฌินณ์สงสัยเรื่องอื่น พี่ฉันไม่ใช่คนที่ตามคนอื่นไม่ทัน ถ้าขืนทำอะไรให้เขาจับพิรุธได้รับรองว่าต้องซวยแน่!! “น้องเนี่ยนะไปบาร์?” “ใช่! ก็พี่หายไปไหนไม่รู้” “ชิงชิง!” “แต่ก็กลับมาแล้วนี่ไง น้องง่วงแล้ว ขอไปนอนก่อนนะ” “น้อง!!!” ฉันหันหลังเดินเลี่ยงออกมาไม่สนเสียงเรียกของพี่ชายแต่อย่างใด วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจมาเถียงกับใครทั้งนั้น อยากกลับห้องไปนอนพักมากกว่า ทว่าจังหวะที่ต้องเดินกลับห้องฉันดันต้องเดินสวนกับคนใจร้ายอีกไง จึงจำเป็นต้องก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียวไม่แม้แต่จะชายแลร่างสูงที่ยืนอยู่สักนิด มหาลัยเอกชน “ชิงชิง” “….” “ยัยชิงชิง!” “หะ หืม?” เสียงเรียกของลูกพีชที่ดังเข้ามาในหูปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์ ก่อนจะเบนหน้ามามองเพื่อนสาวคนสนิทอย่างตกใจ “เป็นอะไร เห็นเหม่อตั้งนาน” “เปล่า แค่คิดอะไรเพลินๆ ” คำแก้ตัวของฉันไม่ได้ช่วยทำให้ลูกพีชหายสงสัยหรอก มันหรี่ตาเป็นเชิงจับผิดพร้อมกับว่าขึ้น “ไม่จริงอ่ะ แกต้องเป็นอะไรแน่ๆ ปกติคนอย่างแกเคยเหม่อที่ไหนกัน” “อะไรของแก อย่าเซ้าซี้น่า” “นี่ไง แกมีพิรุธนะยะ!” “ลูกพีช!” “โอเค ฉันไม่จี้ก็ได้ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจบอกฉันได้ตลอดนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว” “ขอบใจนะ” ฉันส่งยิ้มบางๆ ให้เพื่อนรักอย่างขอบคุณ ซึ่งลูกพีชก็ยิ้มกลับมาเช่นกัน ใช่ว่าฉันอยากปิดบังลูกพีชซะเมื่อไหร่ แต่เรื่องแบบนี้บอกใครได้ที่ไหน ตั้งแต่กลับมาจากภูเก็ตฉันก็เอาแต่คิดเรื่องของเขาคนนั้นมาตลอด ฉันคิดมากซะจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย ทั้งที่ปกติแล้วคนอย่างฉันไม่ค่อยเก็บเรื่องอะไรมาใส่ใจแท้ๆ แต่กับเรื่องนั้นฉันไม่สามารถปล่อยผ่านได้! แย่ชะมัด ตั้งแต่พี่เกียร์เริ่มเข้ามายุ่งกับฉัน ดูเหมือนชีวิตฉันเริ่มจะวุ่นวายขึ้นมาเรื่อยๆ .... 18.00 PM ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง หลายวันมานี้รู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงก็ไม่รู้ สายตาฉันเหลือบไปเห็นมือถือที่วางอยู่ข้างตัวพลันหัวสมองก็ดันไปนึกถึงตอนที่เขาขอเบอร์ซะอีก “ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ” ฉันพึมพำกับตัวเองและพยายามสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไป จะนึกถึงทำไมกันชิงชิง ก๊อก! ก๊อก! ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำให้ฉันต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู “อ่าว พี่” “ไปอาบน้ำแต่งตัว สามทุ่มน้องต้องไปงานเลี้ยงกับพี่” พี่ฌินณ์ร่ายยาวทั้งที่ฉันยังไม่ทันได้รู้เรื่องอะไรเลย แล้วอะไรนะ จะพาฉันไปออกงานเหรอ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยชวนกลับมาชวนวันนี้ “พี่ก็ไปสิ น้องไม่อยากไป” “แม่บอกให้ไป งานนี้เป็นงานสำคัญ ท่านบอกว่าอยากให้พี่พาน้องไปออกงานบ้าง” “แล้วทำไมแม่ไม่ไปเอง” “พรุ่งนี้ต้องบินไปดูงานที่ฮ่องกง น้องไปเตรียมตัวเถอะ ต้องไปก่อนงานเริ่มครึ่งชั่วโมง” “แล้วมีใครไปบ้าง?” ที่ฉันถามเพราะไม่อยากเจอใครบางคนน่ะสิ ได้แต่ภาวนาขอให้คนที่ไม่อยากเจออย่าไปงานนี้ด้วยเลย “ก็มีน้องกับพี่ไง” “เพื่อนพี่ไม่ไปกันเหรอ” “ถามถึงพวกมันทำไม” “ก็น้องจะได้ไม่ไปไงถ้าพี่มีเพื่อนแล้ว” ฉันอ้าง แต่พี่ชายตัวดีกลับมองด้วยสีหน้าไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่ฉันพูดเท่าไหร่นัก “ไปกันทุกคนแหละ น้องก็ต้องไปด้วย” “แต่…” “อย่าให้พี่ต้องบังคับ” เหตุการณ์ดูคุ้นๆ นะว่ามั้ย เผด็จการเหมือนกับเขาเลย ตกลงในกลุ่มพี่ฌินณ์มีใครดีบ้างก็ไม่รู้ เอะอะๆ ก็ออกคำสั่ง ซึ่งฉันจะขัดก็ขัดไม่ได้ รวมถึงครั้งนี้ด้วย!! “ทำหน้าดีๆ หน่อยสิ” คนที่นั่งข้างๆ หันมาพูดในขณะที่ฉันเพิ่งยัดตัวเองเข้ามาในรถและปิดประตูลงอย่างหน่ายๆ “น้องทำหน้าไม่ดีตรงไหน” “ทุกตรง!” “พี่รีบไปเถอะ ก่อนที่น้องจะเปลี่ยนใจ” “อืม แต่ว่าวันนี้น้องสาวพี่สวยจัง ถ้ามีหนุ่มๆ ในงานมาหลี่ต้องบอกพี่นะ!!” ฉันถึงกับถอนหายใจยาวพร้อมกับมองบนทันทีที่ร่างสูงว่าจบ โรคหวงน้องจนขึ้นสมองนี่แก้ไม่หายจริงๆ สินะ งานเลี้ยง ใช้เวลาเพียงไม่นานพี่ฌินณ์ก็พามาถึงงานเลี้ยงในที่สุด เราสองพี่น้องเดินเข้าไปในงานพร้อมกัน มิหนำซ้ำพี่ชายฉันยังสั่งให้ฉันเดินตัวติดกับเขาไว้อีกต่างหาก เชื่อเขาเลย! บรรยากาศภายในงานดูหรูหราสมกับเป็นงานเลี้ยงของคนมีระดับ ผู้คนมากหน้าหลายตาค่อยๆ หลั่งไหลกันเข้ามา ทั้งเครื่องดื่มและอาหารถูกจัดวางตามจุดต่างๆ อย่างสวยงาม ฉันกวาดตามองไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดเข้ากับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังยืนเคียงคู่อยู่กับร่างบาง พวกเขาช่างดูเข้ากันดีมากๆ “มากันไวจังวะ” พี่ฌินณ์พาฉันเดินเข้าไปในวงสนทนานั้นพร้อมกับเอ่ยทักพวกเพื่อนๆ ที่ยืนคุยกันอยู่ และเมื่อทุกคนหันมาเห็นฉันพวกเขาต่างก็มีสีหน้าที่แปลกใจไปตามๆ กัน “นี่มึงพาน้องมาด้วยเหรอ?” พี่เหล็กถามขึ้นมาคนแรก ส่วนฉันก็ทำเพียงแค่ยิ้มแห้งกลบเกลื่อนอาการตื่นเต้น “เออ แม่บอกให้พามา” “หัดพามาบ้างก็ดี เหล้าหวานขึ้นเยอะเลยว่ะ” “เชี่ยเหล็ก!” “แต่งตัวอะไร ไม่โป๊ไปเหรอ?” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมากลางวงเรียกความสนใจจนทุกคนต้องเหลือบไปมอง และเจ้าของโยคเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ใครนอกจากพี่เกียร์! “โป๊ตรงไหน?” ฉันถาม “ดูน้องมึงบ้างนะไอ้ฌินณ์ อย่าปล่อยให้ไปเมากับใคร” “พูดอะไรของมึง!” พี่ฌินณ์ถามด้วยสีหน้างงๆ แต่ฉันเนี่ยสิได้แต่จ้องหน้าหล่อนิ่งจนทุกคนต่างเงียบกันไปหมด “เอ่อ เอยหิวแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีมั้ยคะ?” เสียงเล็กว่าขึ้นอย่างออดอ้อนบวกกับมือบางที่เลื่อนขึ้นมาเกาะที่แขนพี่เกียร์ราวกับคนที่สนิทสนมกันมากๆ ฉันมองภาพนั้นแล้วพยายมที่จะไม่สนใจ แต่ข้างในอกมันกลับตรงกันข้าม แล้วจะหงุดหงิดทำไม! “พาเขามาก็ดูแลเขาบ้างดิวะไอ้เกียร์ แล้วน้องหิวมั้ย?” พี่ฌินณ์ถามฉันหลังจากที่เพิ่งแซวเพื่อนไปหยกๆ ฉันจึงส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นการปฏิเสธ “ไม่หิว เราไปนั่งกันเถอะ” “เมื่อยเหรอ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปนั่งนะ” “ค่ะ” พี่ฌินณ์จูงมือฉันออกมาจากกลุ่มเพื่อน ซึ่งฉันแอบรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนมองตามหลังมา ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า… ครึ่งชั่วโมงต่อมา “ดื่มๆ เบาสิ เดี๋ยวก็น็อคหรอก” “น้องโตแล้ว ไม่น็อคง่ายๆ หรอก” ว่าจบก็จัดการกระดกของเหลวที่มีกลิ่นฉุนเข้าไปในคออย่างต่อเนื่อง “ชิงชิงพอได้แล้ว!” “อย่าห้ามน้อง” “แต่น้องดื่มไปเยอะแล้วนะ!!” “อยากเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมานะ” “เดินไหวรึเปล่า” “ไหว!” “กูว่าไม่น่าไหว” พี่เหล็กว่าขึ้นแต่ฉันไม่ได้สนใจ ฉันหยัดตัวขึ้นยืนได้ก็เดินตรงมายังห้องน้ำ เมื่อถึงที่หมายจึงเข้าไปจัดการธุระจนเสร็จสรรพ ตาที่ปรือเกือบไม่ขึ้นจ้องมองหน้าตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ ฉันเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย… เมื่อยืนปรับอารมณ์กับตัวเองจนโอเคแล้ว เท้าน้อยๆ ก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางเซๆ ตามประสาคนเมาหัวมันหมุนติ้วๆ อย่างกับคนที่เพิ่งโดนค้อนหลักๆ ทุบมา ฉันก้าวต่อไปจนเผลอสะดุดขาตัวเองและเกือบหงายหลังตึง พรึ่บ! “เมาแล้ว?” เสียงทุ้มเอ่ยถามมาที่ข้างหูจนขนฉันลุกซู่ไปทั้งตัว เสียงนี้? “พี่เกียร์!” ฉันขมวดคิ้วยุ่งทันทีเมื่อพบว่าคนที่เข้ามารับร่างตอนที่ฉันเกือบเซล้มไว้คือเขา!!! “ยังจำได้ แปลว่าเมาไม่มาก” “ปล่อย!” “ไปกันเถอะ” “ไปไหน?” ฉันมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่งุนงง นัยน์ตาคมจ้องลึกเข้ามาในตาฉันอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ ฉันไม่เคยอ่านใจเขาออกเลยสักครั้ง ไม่เคยเลย “ไปที่ที่มีแค่เรา” “!!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม