บทที่ 8 ถลำลึก
“พี่ถามว่าทำไมมาอยู่กันตรงนี้” พี่ฌินณ์ถามย้ำก่อนจะเคลื่อนสายตาไปยังร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังฉัน ซึ่งเขาเอาแต่ยืนนิ่งไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไร
“แล้วพี่หายไปไหนมา ปล่อยให้น้องอยู่คนเดียว”
“ไปทำธุระ ไอ้เกียร์ทำไมมึงไม่ตอบ!” ตอบฉันจบพี่ฌินณ์ก็หันไปคาดคั้นเพื่อนเขาอีกครั้ง ถ้าพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าออกไปพี่ชายฉันต้องสงสัยแน่ๆ แล้วเมื่อกี้พี่เกียร์ก็เพิ่งจะ…ให้ตาย!!
“น้องไปนั่งที่บาร์มา แล้วเพื่อนพี่มาเจอเลยตามให้กลับห้อง” ฉันยอมบอกเรื่องนี้ดีกว่าให้พี่ฌินณ์สงสัยเรื่องอื่น พี่ฉันไม่ใช่คนที่ตามคนอื่นไม่ทัน ถ้าขืนทำอะไรให้เขาจับพิรุธได้รับรองว่าต้องซวยแน่!!
“น้องเนี่ยนะไปบาร์?”
“ใช่! ก็พี่หายไปไหนไม่รู้”
“ชิงชิง!”
“แต่ก็กลับมาแล้วนี่ไง น้องง่วงแล้ว ขอไปนอนก่อนนะ”
“น้อง!!!” ฉันหันหลังเดินเลี่ยงออกมาไม่สนเสียงเรียกของพี่ชายแต่อย่างใด วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจมาเถียงกับใครทั้งนั้น อยากกลับห้องไปนอนพักมากกว่า
ทว่าจังหวะที่ต้องเดินกลับห้องฉันดันต้องเดินสวนกับคนใจร้ายอีกไง จึงจำเป็นต้องก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียวไม่แม้แต่จะชายแลร่างสูงที่ยืนอยู่สักนิด
มหาลัยเอกชน
“ชิงชิง”
“….”
“ยัยชิงชิง!”
“หะ หืม?” เสียงเรียกของลูกพีชที่ดังเข้ามาในหูปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์ ก่อนจะเบนหน้ามามองเพื่อนสาวคนสนิทอย่างตกใจ
“เป็นอะไร เห็นเหม่อตั้งนาน”
“เปล่า แค่คิดอะไรเพลินๆ ” คำแก้ตัวของฉันไม่ได้ช่วยทำให้ลูกพีชหายสงสัยหรอก มันหรี่ตาเป็นเชิงจับผิดพร้อมกับว่าขึ้น
“ไม่จริงอ่ะ แกต้องเป็นอะไรแน่ๆ ปกติคนอย่างแกเคยเหม่อที่ไหนกัน”
“อะไรของแก อย่าเซ้าซี้น่า”
“นี่ไง แกมีพิรุธนะยะ!”
“ลูกพีช!”
“โอเค ฉันไม่จี้ก็ได้ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจบอกฉันได้ตลอดนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”
“ขอบใจนะ” ฉันส่งยิ้มบางๆ ให้เพื่อนรักอย่างขอบคุณ ซึ่งลูกพีชก็ยิ้มกลับมาเช่นกัน ใช่ว่าฉันอยากปิดบังลูกพีชซะเมื่อไหร่ แต่เรื่องแบบนี้บอกใครได้ที่ไหน
ตั้งแต่กลับมาจากภูเก็ตฉันก็เอาแต่คิดเรื่องของเขาคนนั้นมาตลอด ฉันคิดมากซะจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย ทั้งที่ปกติแล้วคนอย่างฉันไม่ค่อยเก็บเรื่องอะไรมาใส่ใจแท้ๆ แต่กับเรื่องนั้นฉันไม่สามารถปล่อยผ่านได้!
แย่ชะมัด ตั้งแต่พี่เกียร์เริ่มเข้ามายุ่งกับฉัน ดูเหมือนชีวิตฉันเริ่มจะวุ่นวายขึ้นมาเรื่อยๆ ....
18.00 PM
ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง หลายวันมานี้รู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงก็ไม่รู้ สายตาฉันเหลือบไปเห็นมือถือที่วางอยู่ข้างตัวพลันหัวสมองก็ดันไปนึกถึงตอนที่เขาขอเบอร์ซะอีก
“ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ” ฉันพึมพำกับตัวเองและพยายามสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไป จะนึกถึงทำไมกันชิงชิง
ก๊อก! ก๊อก!
ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำให้ฉันต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู
“อ่าว พี่”
“ไปอาบน้ำแต่งตัว สามทุ่มน้องต้องไปงานเลี้ยงกับพี่” พี่ฌินณ์ร่ายยาวทั้งที่ฉันยังไม่ทันได้รู้เรื่องอะไรเลย แล้วอะไรนะ จะพาฉันไปออกงานเหรอ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยชวนกลับมาชวนวันนี้
“พี่ก็ไปสิ น้องไม่อยากไป”
“แม่บอกให้ไป งานนี้เป็นงานสำคัญ ท่านบอกว่าอยากให้พี่พาน้องไปออกงานบ้าง”
“แล้วทำไมแม่ไม่ไปเอง”
“พรุ่งนี้ต้องบินไปดูงานที่ฮ่องกง น้องไปเตรียมตัวเถอะ ต้องไปก่อนงานเริ่มครึ่งชั่วโมง”
“แล้วมีใครไปบ้าง?” ที่ฉันถามเพราะไม่อยากเจอใครบางคนน่ะสิ ได้แต่ภาวนาขอให้คนที่ไม่อยากเจออย่าไปงานนี้ด้วยเลย
“ก็มีน้องกับพี่ไง”
“เพื่อนพี่ไม่ไปกันเหรอ”
“ถามถึงพวกมันทำไม”
“ก็น้องจะได้ไม่ไปไงถ้าพี่มีเพื่อนแล้ว” ฉันอ้าง แต่พี่ชายตัวดีกลับมองด้วยสีหน้าไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่ฉันพูดเท่าไหร่นัก
“ไปกันทุกคนแหละ น้องก็ต้องไปด้วย”
“แต่…”
“อย่าให้พี่ต้องบังคับ”
เหตุการณ์ดูคุ้นๆ นะว่ามั้ย เผด็จการเหมือนกับเขาเลย ตกลงในกลุ่มพี่ฌินณ์มีใครดีบ้างก็ไม่รู้ เอะอะๆ ก็ออกคำสั่ง ซึ่งฉันจะขัดก็ขัดไม่ได้ รวมถึงครั้งนี้ด้วย!!
“ทำหน้าดีๆ หน่อยสิ” คนที่นั่งข้างๆ หันมาพูดในขณะที่ฉันเพิ่งยัดตัวเองเข้ามาในรถและปิดประตูลงอย่างหน่ายๆ
“น้องทำหน้าไม่ดีตรงไหน”
“ทุกตรง!”
“พี่รีบไปเถอะ ก่อนที่น้องจะเปลี่ยนใจ”
“อืม แต่ว่าวันนี้น้องสาวพี่สวยจัง ถ้ามีหนุ่มๆ ในงานมาหลี่ต้องบอกพี่นะ!!”
ฉันถึงกับถอนหายใจยาวพร้อมกับมองบนทันทีที่ร่างสูงว่าจบ โรคหวงน้องจนขึ้นสมองนี่แก้ไม่หายจริงๆ สินะ
งานเลี้ยง
ใช้เวลาเพียงไม่นานพี่ฌินณ์ก็พามาถึงงานเลี้ยงในที่สุด เราสองพี่น้องเดินเข้าไปในงานพร้อมกัน มิหนำซ้ำพี่ชายฉันยังสั่งให้ฉันเดินตัวติดกับเขาไว้อีกต่างหาก เชื่อเขาเลย!
บรรยากาศภายในงานดูหรูหราสมกับเป็นงานเลี้ยงของคนมีระดับ ผู้คนมากหน้าหลายตาค่อยๆ หลั่งไหลกันเข้ามา ทั้งเครื่องดื่มและอาหารถูกจัดวางตามจุดต่างๆ อย่างสวยงาม ฉันกวาดตามองไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดเข้ากับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังยืนเคียงคู่อยู่กับร่างบาง
พวกเขาช่างดูเข้ากันดีมากๆ
“มากันไวจังวะ” พี่ฌินณ์พาฉันเดินเข้าไปในวงสนทนานั้นพร้อมกับเอ่ยทักพวกเพื่อนๆ ที่ยืนคุยกันอยู่ และเมื่อทุกคนหันมาเห็นฉันพวกเขาต่างก็มีสีหน้าที่แปลกใจไปตามๆ กัน
“นี่มึงพาน้องมาด้วยเหรอ?” พี่เหล็กถามขึ้นมาคนแรก ส่วนฉันก็ทำเพียงแค่ยิ้มแห้งกลบเกลื่อนอาการตื่นเต้น
“เออ แม่บอกให้พามา”
“หัดพามาบ้างก็ดี เหล้าหวานขึ้นเยอะเลยว่ะ”
“เชี่ยเหล็ก!”
“แต่งตัวอะไร ไม่โป๊ไปเหรอ?” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมากลางวงเรียกความสนใจจนทุกคนต้องเหลือบไปมอง และเจ้าของโยคเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ใครนอกจากพี่เกียร์!
“โป๊ตรงไหน?” ฉันถาม
“ดูน้องมึงบ้างนะไอ้ฌินณ์ อย่าปล่อยให้ไปเมากับใคร”
“พูดอะไรของมึง!” พี่ฌินณ์ถามด้วยสีหน้างงๆ แต่ฉันเนี่ยสิได้แต่จ้องหน้าหล่อนิ่งจนทุกคนต่างเงียบกันไปหมด
“เอ่อ เอยหิวแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีมั้ยคะ?” เสียงเล็กว่าขึ้นอย่างออดอ้อนบวกกับมือบางที่เลื่อนขึ้นมาเกาะที่แขนพี่เกียร์ราวกับคนที่สนิทสนมกันมากๆ ฉันมองภาพนั้นแล้วพยายมที่จะไม่สนใจ แต่ข้างในอกมันกลับตรงกันข้าม
แล้วจะหงุดหงิดทำไม!
“พาเขามาก็ดูแลเขาบ้างดิวะไอ้เกียร์ แล้วน้องหิวมั้ย?” พี่ฌินณ์ถามฉันหลังจากที่เพิ่งแซวเพื่อนไปหยกๆ ฉันจึงส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นการปฏิเสธ
“ไม่หิว เราไปนั่งกันเถอะ”
“เมื่อยเหรอ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปนั่งนะ”
“ค่ะ” พี่ฌินณ์จูงมือฉันออกมาจากกลุ่มเพื่อน ซึ่งฉันแอบรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนมองตามหลังมา ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“ดื่มๆ เบาสิ เดี๋ยวก็น็อคหรอก”
“น้องโตแล้ว ไม่น็อคง่ายๆ หรอก” ว่าจบก็จัดการกระดกของเหลวที่มีกลิ่นฉุนเข้าไปในคออย่างต่อเนื่อง
“ชิงชิงพอได้แล้ว!”
“อย่าห้ามน้อง”
“แต่น้องดื่มไปเยอะแล้วนะ!!”
“อยากเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมานะ”
“เดินไหวรึเปล่า”
“ไหว!”
“กูว่าไม่น่าไหว” พี่เหล็กว่าขึ้นแต่ฉันไม่ได้สนใจ
ฉันหยัดตัวขึ้นยืนได้ก็เดินตรงมายังห้องน้ำ เมื่อถึงที่หมายจึงเข้าไปจัดการธุระจนเสร็จสรรพ ตาที่ปรือเกือบไม่ขึ้นจ้องมองหน้าตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ ฉันเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย…
เมื่อยืนปรับอารมณ์กับตัวเองจนโอเคแล้ว เท้าน้อยๆ ก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางเซๆ ตามประสาคนเมาหัวมันหมุนติ้วๆ อย่างกับคนที่เพิ่งโดนค้อนหลักๆ ทุบมา ฉันก้าวต่อไปจนเผลอสะดุดขาตัวเองและเกือบหงายหลังตึง
พรึ่บ!
“เมาแล้ว?” เสียงทุ้มเอ่ยถามมาที่ข้างหูจนขนฉันลุกซู่ไปทั้งตัว เสียงนี้?
“พี่เกียร์!” ฉันขมวดคิ้วยุ่งทันทีเมื่อพบว่าคนที่เข้ามารับร่างตอนที่ฉันเกือบเซล้มไว้คือเขา!!!
“ยังจำได้ แปลว่าเมาไม่มาก”
“ปล่อย!”
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหน?” ฉันมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่งุนงง นัยน์ตาคมจ้องลึกเข้ามาในตาฉันอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ ฉันไม่เคยอ่านใจเขาออกเลยสักครั้ง ไม่เคยเลย
“ไปที่ที่มีแค่เรา”
“!!!”