ขณะที่ทุกคนบนโต๊ะอาหารนั่งกินข้าวคุยกันไปอย่างถูกคอแต่เอสกลับนิ่งเงียบแถมยังกินข้าวแค่นิดเดียวเพราะรู้สึกอึดอัดเมื่อผู้เป็นพ่อเอาแต่พูดเรื่องเขาให้แขกฟังเหมือนกำลังโปรโมตลูกชายตัวเอง ซึ่งบริ๊งก็ถามนั่นถามนี่พ่อของเขาอย่างสนใจ จนเอสได้แต่มองสร้อยข้อมือที่โมนาสวมให้ตลอดจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“พี่เอสอิ่มแล้วหรอคะ”
บริ๊งหันไปถามเอสทันทีเมื่อเห็นเขาวางช้อนแล้ว
“ครับ”
เอสตอบกลับสั้นๆ เสียงเรียบโดยไม่มองหน้าเธอ
“กินน้อยจัง ปกติพี่เอสไม่กินข้าวเย็นหรอคะ”
บริ๊งถามเอสต่อด้วยรอยยิ้ม
“ครับ”
เมื่อเห็นเอสตอบกลับเธอสั้นๆ ทำเอาบริ๊งถึงกับไปต่อไม่ถูกเพราะเธอไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรต่อ จนอิทธิได้แต่มองเอสอย่างไม่พอใจ
“เอส กินข้าวเสร็จพาน้องไปเดินเล่นที่สวนหน่อยนะ พ่อมีธุระต้องคุยกับเจ้าสัว”
อิทธิพูดขึ้นทันทีเพื่อให้เอสได้สานสัมพันธ์กับบริ๊ง จนบริ๊งได้แต่ส่งยิ้มให้เอสอย่างดีใจที่จะได้ไปเดินเล่นกับเขาสองต่อสอง แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของเอส
“ขอโทษนะครับ พอดีผมมีงานที่ต้องทำส่งอาจารย์ด่วนเลยจะขอกลับคอนโดก่อน ผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับเจ้าสัว”
เอสรีบพูดตัดบทผู้เป็นพ่อทันทีเพราะไม่อยากอยู่กับบริ๊งสองต่อสอง
“ไปเถอะ ดีจริงๆ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเรียน ไว้วันหลังค่อยเจอกันนะพ่อเอส”
บัญชาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ครับ”
พูดจบเอสก็ลุกเดินออกไปทันที
“เดี๋ยวผมไปส่งลูกสักครู่นะครับ ลืมว่ามีของจะให้เอาไปไว้คอนโด”
อิทธิแกล้งพูดกับเจ้าสัวบัญชาอย่างสุภาพ เมื่อเห็นแขกพยักหน้าตอบแล้วอิทธิก็เดินตามลูกชายไปทันที
“เอส”
เอสที่กำลังเดินออกจากบ้านก็ต้องหยุดชะงักเมื่อผู้เป็นพ่อเรียกไว้ จึงหันกลับไปหาท่านทันที
“ครับ”
“แกเป็นบ้าอะไร ทำแบบนี้ตั้งใจจะหักหน้าฉันหรอ”
อิทธิพูดใส่เอสด้วยความไม่พอใจ
“ผมทำอะไร พ่อให้มากินข้าวผมก็มาแล้วนิครับ ผมกินอิ่มแล้วผมก็จะรีบกลับไปทำงานของผมแค่นั้นเอง”
เอสตอบผู้เป็นพ่อเสียงเรียบ
“แกไปทำท่าทางเฉยชาใส่หนูบริ๊งแบบนั้นได้ยังไง รู้มั้ยว่าหนูบริ๊งดีใจแค่ไหนที่รู้ว่าแกจะมากินข้าวด้วย”
“แต่ผมไม่ได้ดีใจและผมก็ไม่รู้ว่าใครจะมากินข้าวด้วย อีกอย่างถ้าผมรู้ว่ามาแล้วจะมาโดนพ่อด่าแบบนี้ผมไม่มาดีกว่า”
เอสพูดขึ้นอย่างไม่ยอมทำเอาอิทธิถึงกับโกรธมากกว่าเดิม
“แกจะดีใจหรือไม่ดีใจก็ช่างแก แต่แกต้องทำให้หนูบริ๊งรักแกให้ได้ ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้แกหมั้นกับหนูบริ๊ง”
“ผมไม่หมั้น”
“ไอ้เอส”
อิทธิถึงกับเรียกเอสด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
“นี่แกกล้าขัดคำสั่งฉันหรอ”
อิทธิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พ่อจะบังคับให้ผมทำอะไรผมยอมทำตามพ่อทุกอย่าง แต่เรื่องคู่ชีวิตผมขอเลือกเอง ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่หมั้น ผมจะหมั้นและจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักเท่านั้น ขอตัวนะครับ”
พูดจบเอสก็เดินไปทันที ทำเอาอิทธิได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจเมื่อโดนลูกชายขัดคำสั่งครั้งแรกแต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์แล้วเดินไปกลับไปหาแขกด้วยรอยยิ้มเพราะไม่อยากให้คนนอกรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขาและลูกไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ ทางด้านเอสเมื่อขับรถออกจากบ้านมาแล้วก็รีบโทรหาโมนาทันทีรอสายไม่นานเธอก็กดรับสายเขา
(ฮัลโหลค่ะ กินข้าวเสร็จแล้วหรอคะ เป็นยังไงบ้างคะ ได้ทะเลาะกับพ่อมาอีกมั้ย)
เอสถึงกับยิ้มกว้างขึ้นเมื่อคนตัวเล็กถามร่ายยาวไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตอบเลยสักนิด
“พี่ต้องตอบคำถามไหนก่อนดีครับ ถามมาซะยาวเชียว”
(ชิ คนอุตส่าห์เป็นห่วงยังจะมาพูดกวนอีก รู้งี้ไม่ถามดีกว่า)
“โอ๋ๆ ไม่งอนนะครับ เดี๋ยวไม่สวยน๊า”
(ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนเลย ว่าแต่ไปกินข้าวที่บ้านเป็นยังไงบ้างครับ โอเครึเปล่า)
“ก็ไม่โอเคหรอกครับ รอบนี้ไม่โอเคมากๆ เลย พี่กินข้าวได้แค่นิดเดียวเพราะอึดอัด เฮ้ออ อยากกอดหนูจัง”
(ตอนแรกว่าจะเห็นใจพอได้ยินประโยคหลังแล้วอยากด่าเลยค่ะ ว่าแต่กินข้าวแค่นิดเดียวแล้วจะไม่หิวหรอคะ วันนั้นเห็นพี่กินข้าวไปตั้งเยอะ)
“หิวครับ พี่ว่าจะหาอะไรข้างทางกินก่อนกลับคอนโด”
(มากินที่บ้านหนูมั้ยคะ)
“ตอนนี้ทุ่มกว่าแล้วนะครับ คุณพ่อกับคุณแม่จะไม่ว่าอะไรหรอ พี่เกรงใจท่าน”
เอสพูดขึ้นด้วยความเกรงใจเพราะตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว
(พี่เอสถือสายรอแป๊บนะคะ)
เอสได้แต่เงียบรออย่างงงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของโมนา สักพักก็ได้ยินเสียงโมนาพูดขึ้นแต่ไม่ได้พูดกับเขา
(พ่อคะแม่คะ ถ้าหนูจะให้พี่เอสมากินข้าวที่บ้านเราตอนนี้ พ่อกับแม่อนุญาตมั้ยคะ ‘พ่อเอสจะมาหรอ งั้นแม่รีบไปเตรียมกับข้าวรอก่อนนะ’)
เอสยิ้มกว้างขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงแม่โมนาพูดขึ้นด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่าเขาจะไปบ้าน
(มาเลยพ่อเอส ไม่ต้องขออนุญาตลูก บ้านนี้ต้อนรับลูกเสมอ)
“ขอบคุณครับคุณพ่อ”
เอสพูดขอบคุณมนตรีด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของท่านทางปลายสาย
(ทีนี้สบายใจรึยังคะ อย่าลืมสิว่าตัวเองมาทำตัวเป็นลูกรักที่บ้านหนูแล้วนะ ยังจะกลัวพ่อกับแม่หนูไม่อนุญาตอีกหรอคะ)
“ลืมไปว่าได้ตำแหน่งลูกเขยมาแล้ว เหลือแต่ตำแหน่งผัวที่ยังไม่ได้”
(ตำแหน่งนั้นคาดว่าคงต้องรอสักสิบปียี่สิบปีค่ะ รอได้มั้ยล่ะคะ เลิกกวนแล้วตั้งใจขับรถมาได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะไปเตรียมของอร่อยๆ รอ หนูวางนะคะ)
“ค้าบ”
เมื่อคุยกันเสร็จโมนาก็วางสายไปทันที การได้คุยกับโมนาทำให้เอสนั้นรู้สึกดีไม่น้อย แถมครอบครัวเธอยังเป็นกันเองและดูใส่ใจเขาเหมือนกับเขาเป็นลูกอีกคนหนึ่งของบ้านแตกต่างจากพ่อแท้ๆ ของเขาที่ไม่เคยทำแบบนี้กับเขาเลยสักครั้ง ทางด้านโมนาเมื่อเอสบอกจะมาเธอและแม่ก็ช่วยกันทำอาหารรอเอส เพราะอาหารเย็นที่พวกเธอกินนั้นหมดแล้วเลยต้องทำใหม่จนผ่านไปเกือบสี่สิบนาทีเอสก็มาถึงและคนที่วิ่งออกไปเปิดบ้านให้ด้วยท่าทางดีใจก็คือมาร์เวลน้องชายของเธอนั่นเอง
“สวัสดีครับพี่เอส ดีใจจังที่พี่มากินข้าวที่บ้าน”
มาร์เวลพูดทักทายเอสด้วยความดีใจ
“ไงเรา ดีใจขนาดนั้นเชียวที่พี่มา”
เอสพูดแซวมาร์เวลด้วยรอยยิ้มแล้วกอดคอมาร์เวลเดินเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ใช่แค่ผมที่ดีใจนะครับ ดีใจกันทั้งบ้านเลย”
“มาๆ พ่อเอส อาหารเสร็จพอดีเลยลูก”
ขวัญใจพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มทำเอาเอสที่เดินเข้ามาในบ้านถึงกับตกใจเพราะตอนนี้ทั้งพ่อแม่ ทั้งโมนากำลังช่วยกันถือจานอาหารมาวางบนโต๊ะซึ่งมีอาหารถึงสามสี่อย่างแถมยังมีจานข้าววางครบทุกคน
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ เอ่อ ทุกคนยังไม่ได้กินข้าวกันหรอครับ”
เอสเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะเห็นโมนาตักข้าวใส่จานห้าจานตามจำนวนคนในครอบครัว
“พวกเรากินแล้วลูก แต่พวกเราจะกินเป็นเพื่อนพ่อเอสอีกไง พ่อเอสจะได้ไม่นั่งกินข้าวเหงาๆ คนเดียว”
มนตรีพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มทำเอาเอสถึงกับน้ำตาคลอรู้สึกดีไม่น้อยแต่ก็พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลเพราะไม่อยากให้ทุกคนกังวลจึงได้แต่ส่งยิ้มกว้างให้ด้วยความดีใจ แล้วหันไปมองโมนาก็เห็นเธอส่งยิ้มหวานให้เขาอยู่แล้วยักคิ้วใส่เขาอย่างกวนๆ ทำเอาเอสถึงกับกระตุกยิ้มชอบใจกับท่าทางของเธอ
“กินข้าวกันเถอะครับพี่เอส”
“อืม”
เอสพยักหน้าตอบมาร์เวลทันที จากนั้นทุกคนก็นั่งล้อมวงกันกินข้าวอย่างสนุกสนานเพราะต่างคนก็ต่างพูดแต่เรื่องตลกขบขันรวมทั้งเอสที่พูดนั่นพูดนี่ไม่หยุดอย่างเป็นกันเองแถมยังหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขแตกต่างจากตอนที่ไปกินข้าวที่บ้านตัวเองสิ้นเชิง
“นี่ก็จะสี่ทุ่มแล้วพ่อเอสนอนนี่ดีมั้ยลูก ขับรถกลับดึกๆ มันอันตราย”
ขวัญใจพูดขึ้นหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จแล้ว
“แล้วจะให้พี่เอสนอนห้องไหนล่ะแม่ ห้องผมไม่ได้นะเตียงเล็กมาก”
มาร์เวลพูดขึ้นพร้อมกับขยิบตาใส่ผู้เป็นแม่
“ห้องมาร์เวลก็เตียงเล็ก ห้องแม่ก็นอนกับพ่อ งั้นพ่อเอสนอนกับโมนาแล้วกันนะ”
“ห๊ะ!”
โมนาถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินคำพูดของแม่ตัวเอง ส่วนเอสก็ตกใจไม่ต่างจากโมนาเพราะไม่คิดว่าแม่ของโมนาจะกล้าให้นอนกับเธอ
“เดี๋ยวแม่ หนูกับพี่เอสไม่ได้เป็นอะไรกันจะให้หนูนอนกับพี่เค้าได้ยังไง”
โมนาพูดค้านขึ้นด้วยความตกใจ
“ปากบอกไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ก็ชวนพี่เค้ามาบ้านนิ อีกอย่างพ่อบอกแม่ว่าเราไปหอมแก้มพี่เค้าแล้วเพราะฉะนั้นเราต้องรับผิดชอบพี่เค้า”
ขวัญใจพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีทำเอาโมนาถึงกับยืนอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่ จนมนตรีและมาร์เวลถึงกับหัวเราะชอบใจที่เห็นโมนาทำหน้าอึ้งใส่แม่ตัวเอง เมื่อตั้งสติได้โมนาก็หันไปพูดกับเอสเพื่อให้เขาช่วยพูดอีกคน
“เราสองคนยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันจะให้นอนด้วยกันคงไม่เหมาะใช่มั้ยคะพี่เอส”
โมนาหันไปพูดกับเอสพร้อมกับมองเขาอย่างอ้อนวอน
“ใช่ครับ ว่าแต่...ห้องนอนน้องโมนาอยู่ตรงไหนครับ”
“พี่เอส!”