ธีร์...
"หมอว่ายังไงบ้างเกอร์"
"รอผลตรวจร่างกายน่ะ เฮียกับละออรีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวเกอร์เฝ้ามันเอง"
"มีอะไรก็โทรไปนะเกอร์ เดี๋ยวเราจะส่งงานให้นายแล้วก็จะเลคเชอร์มาเผื่อ
"
เสียงผู้ชายสองคนคุยกันผมไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของใคร แต่เสียงใส ๆ อีกหนึ่งเสียงผมจำได้ว่าเป็นเสียงของละออ ทั้ง ๆ ที่อยากจะลืมตาขึ้นมาแต่ตอนนี้กลับทำไม่ได้ อยากจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างแต่เหมือนจะไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
"งั้นเดี๋ยวกูแวะเอารายงานไปส่งให้มันแล้วก็จะลาอาจารย์ที่ภาคให้มันด้วยแล้วกัน เลิกเรียนเดี๋ยวกูจะแวะไปขอเลคเชอร์จากคนที่เรียนรุ่นเดียวกันกับมันมาให้"
เสียงทุ้มของใครบางคนพูดขึ้น
"ขอบคุณมากเฮีย เดี๋ยวเกอร์ดูแลทางนี้ส่วนเฮียก็จัดการเรื่องที่มหาลัยแล้วกัน ส่วนเรื่องของพวกเหี้ยนั่นเดี๋ยวรอผลตรวจไอ้ธีร์ออกแล้วเราค่อยตามไปสมทบกับพวกเฮียทัพอีกที"
หลังจากเสียงพูดคุยเงียบไปแล้ว ทั้งห้องก็มีเพียงเสียงลมหายใจของผมดังสลับกับเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้น กลิ่นโรงพยาบาลที่ผมไม่ชอบมันนักแม้ว่าตัวเองจะเรียนแพทย์ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
อยากออกไปจากที่นี่เร็ว ๆ จัง...
"ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ"
ผมพึมพำกับตัวเองขณะพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องที่มีเพียงโซฟากับทีวีและกระเช้าผลไม้วางอยู่บนโต๊ะ
ถ้าให้เดาละออที่มาเยี่ยมผมคงออกไปเรียนกับพี่ธามแล้วเพราะได้ยินเสียงคุยกัน ส่วนคนที่ยังเฝ้าผมอยู่แต่ว่าไม่ได้อยู่ในห้องกับผมตอนนี้คงเป็นคนที่เคยบอกว่าผมเป็นตัวซวย คุณไทเกอร์...
นอกจากจะทำความเดือดร้อนให้คนอื่นถูกปองร้ายไปด้วยแล้ว ผมยังทำลายชื่อเสียงของเขาอีก แถมตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกขยะแขยงกับร่างกายตัวเองที่ถูกคนพวกนั้นรุมกระทำ ถึงจะมีชีวิตรอดแล้วยังไงล่ะ? ในเมื่อไปมหาลัยผมก็ต้องอายคนอื่นเพราะข่าวลือและคลิปนั่นอยู่ดี ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไงในเมื่อคนที่ทำร้ายผมเป็นคนที่ผมเอาเรื่องเขาไม่ได้ ถึงจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมแต่คนพวกนั้นก็คงหัวเราะเยาะผมอยู่ และคงลอยหน้าลอยตาอยู่โดยที่ไม่ได้ถูกลงโทษอะไร
ปั่ก!
สายน้ำเกลือถูกผมดึงออกจากแขนก่อนจะรีบลากเก้าอี้ข้างเตียงให้เข้ามาใกล้กับราวผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนโรงพยาบาลถูกผมรื้อออกมาอย่างเร่งรีบเพื่อผูกมัดกับราวผ้าม่านให้แน่นขึ้น
ผมเชื่อเสมอว่าคนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้แต่ไม่ใช่ทุกคน ผมเชื่อเสมอว่าคนทุกคนรักตัวเองมากพอ ไม่ว่าคนคนนั้นตัดสินใจทจะใช้ชีวิตอยู่ต่อหรือจากไป สำหรับผมแล้วคนทุกคนน่ะล้วนรักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งนั้นแหละ แต่โลกใบนี้มันไม่ได้น่าอยู่สำหรับทุกคนเท่านั้นเอง...
โครม!
"อึก!"
"ไอ้ธีร์!"
เพียงเสี่ยววินาทีเท่านั้นที่รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจหลังจากเตะเก้าอี้ล้มลง แล้วปล่อยให้ร่างลอยแกว่งเท้าไปมาอยู่กลางอากาศโดยมีผ้าปูที่นอนรัดรอบคอเอาไว้แน่น เสี้ยวเดียวเท่านั้นที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้นที่รู้ตัวว่าคิดผิดแต่ก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วเพราะสายเกินไป...
"ไอ้ธีร์! มึงทำเหี้ยอะไรของมึง!"
วินาทีที่รู้ตัวว่าคิดผิดและอยากมีชีวิตต่อแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว วินาทีที่รู้ว่าสิ้นหวังทุกอย่างกลับมีใครสักคนอุ้มร่างที่แกว่งเท้าไปมากลางอากาศของผมเอาไว้ ลมหายใจที่ขาดหายไปชั่วขณะทำให้ผมมีโอกาสสูดมันเข้าปอดอีกครั้งราวกับว่าจะไม่ได้หายใจอีก
"อึก ฮือ ๆ ผมไม่อยากตาย ฮือ ๆ แต่ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ขยะแขยงตัวเองแบบนี้"
ผมปล่อยโฮออกมาขณะที่ร่างของผมทรุดลงกับพื้น ร่างสูงใหญ่ของคนที่ถอนหายใจออกมาแรง ๆ นั่งลงตรงหน้าผมก่อนจะดึงผมไปกอดเอาไว้แน่นราวกับว่ากำลังปลอบผมอยู่
"ถ้ามึงไม่อยากตาย มึงก็แค่หายใจต่อไปแค่นั้นเองธีร์"
คนที่ดึงผมไปกอดเอาไว้พูดขึ้น
"ไม่ว่าคนพวกนั้นมันจะทำอะไรมึงก็แล้วแต่ มึงก็แค่ใช้ชีวิตอยู่ต่อไป มึงต้องมีชีวิตที่ดีเพื่อให้คนพวกนั้นรู้สึกละอายกับสิ่งที่พวกมันทำกับมึง"
".........."
"ถ้าคนที่ถูกกระทำคิดเหมือนมึงเมื่อกี้แล้วพากันเลือกที่จะตายกันหมด สังคมจะเป็นยังไงวะ คนดี ๆ ตายหนีกันไปหมดเหลือทิ้งไว้แต่คนชั่ว ๆ พวกนั้นน่ะเหรอ"
".........."
"คนที่ต้องรู้สึกอยากตายในเวลานี้ต้องไม่ใช่มึงแต่เป็นพวกมันต่างหาก คนที่ต้องมีชีวิตอยู่โดยที่ถูกสังคมประณามและมีชีวิตอยู่แบบอับอายต้องเป็นพวกมันไม่ใช่มึง คนที่ต้องถูกสังคมมองด้วยสายตารังเกียจต้องเป็นคนพวกนั้นแต่ไม่ใช่มึงเข้าใจมั้ยธีร์"
".........."
"พวกที่ทำความชั่วน่ะ ถึงต่อหน้าเรามันจะเหมือนไม่รู้สึกผิดอะไร ใช้ชีวิตเหมือนมีความสุขมากมาย แต่มึงเชื่อเถอะว่าในใจลึก ๆ ของพวกมันไม่มีความสุขหรอก เพราะฉะนั้นมึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป มึงต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขเพื่อให้พวกมันทุกข์ร้อนที่เห็นมึงยังยิ้มได้ มึงต้องทำให้มันรู้ว่าแค่เรื่องเลว ๆ ที่พวกมันเอามาแปดเปื้อนมึงไม่ได้มีผลต่อการใช้ชีวิตของมึง"
".........."
"คนที่จะอับอายต้องไม่ใช่คนที่ถูกกระทำแต่เป็นคนที่กระทำคนอื่น คนที่ไม่มีที่ยืนในสังคมต้องเป็นคนพวกนั้นแต่ไม่ใช่มึง จำไว้ธีร์..."
คนที่ผละออกจากกอดมองหน้าผมด้วยแววตาที่ทำให้ผมรู้สึกดีและมีกำลังใจที่จะอยากใช้ชีวิตต่อ สายตาของคนตรงหน้าที่เคยจงเกลียดจงชังผมเพราะเป็นตัวซวยของเขาตอนนี้กำลังให้กำลังใจผมอยู่
"อย่าลดค่าของตัวเองลงเพียงเพราะตัวเองถูกข่มขืน"
".........."
"แล้วก็ผลตรวจมึงออกมาแล้วนะ มึงน่ะถูกทำร้ายกายเฉย ๆ ไม่ได้ถูกทำอย่างอื่นแบบที่มึงคิด ตอนนี้ก็รักษาแผลภายนอกแล้วก็รักษาอาการพกช้ำภายในแล้วรอหมอบอกให้กลับบ้าน"
คนตรงหน้าพูดต่อ ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังเตียงนอนคนไข้แล้วกดกริ่งเรียกพยาบาล ร่างสูงใหญ่เดินไปนั่งลงตรงโซฟาแล้วกดโทรศัพท์ต่อโดยไม่สนใจผมอีกราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้น
ผมพยุงร่างบอบช้ำของตัวเองตรงไปยังเตียงคนไข้แล้วนอนลงตามเดิม ความรู้สึกตอนนี้โล่งอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรนอกจากรอยแผลพกช้ำตามร่างกายที่เกิดจากชกต่อย และเริ่มรู้สึกดีขึ้นกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของคนที่เรียกผมว่าตัวซวยเมื่อกี้ด้วย
"ขอบคุณนะครับที่มาเฝ้าผมวันนี้"
ผมหันไปมองคนที่นั่งเขี่ยโทรศัพท์มือถืออยู่ตรงโซฟา ก่อนจะหันไปมองประตูเพื่อดูว่าคุณหมอหรือคุณพยาบาลมาหรือยัง เพราะเลือดตรงแขนที่เคยมีเข็มแทงอยู่เริ่มออกเยอะแล้ว ไม่น่าดึงสายน้ำเกลือออกเลย หาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้ว...
"ไม่ได้อยากมาเฝ้าหรอก วันนี้ขี้เกียจเรียน อีกอย่างกูกำลังจีบเพื่อนมึงอยู่ก็ต้องทำคะแนนหน่อย"
คนที่นั่งอยู่เงยหน้ามาตอบก่อนจะก้มหน้าไปสนใจโทรศัพท์มือถือในมือต่อ จีบละออน่ะเหรอ? แต่ละออชอบพี่ธามนี่? แล้วพี่ธามกับคุณไทเกอร์ก็เป็น...
"พอออกจากโรงพยาบาลแล้วมึงย้ายไปอยู่กับเฮียธามนะ ข้าวของที่หอมึงกูให้คนไปขนมาหมดแล้ว"
คนที่เก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงพูดขึ้นก่อนจะเดินตรงมาหาผมที่นั่งงงอยู่
"ให้ผมไปอยู่กับพี่ธาม?"
ผมขมวดคิ้วถามอย่างงง ๆ
"ก็เออดิ หรือมึงจะกลับไปอยู่หอให้พวกนั้นกระทืบมึงเล่นอีก"
"แต่ว่าผมกับพี่ธามไม่ได้สนิทกันนะ แค่คุยก็ยังไม่เคยเลย"
"ถ้ามึงไม่ไปกูจะกระทืบมึงตรงนี้เดี๋ยวนี้"
เสียงทุ้มเน้นคำชัด ๆ กับผมขณะที่ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ผมจนลมหายใจเราเป่ารดกัน กลิ่นน้ำหอมผู้ชายแบบที่ผมไม่มีปัญญาซื้อมาใช้แตะจมูกผมเต็ม ๆ จนคิดว่าจากนี้ไปคงจำกลิ่นนี้ได้ขึ้นใจเลยแหละ
"ตัวมึงหอมดีนะ"
หืม?
"ครับ อะไรนะ?"
"เปล่าไม่มีอะไร"
".........."