ไทเกอร์...
ตกเย็นของวันต่อมาผมก็มานั่งรอเนื้อคู่ของผมที่ลานเกียร์อีกครั้ง แน่นอนว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะทำอะไรแบบนี้ ผมรอจนเริ่มมืดแล้วก็ยังไม่เห็นว่าเธอจะมาสักทีแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะปกติแล้วถ้าผมไม่ได้นัดใครหรือไปทำอะไรที่ไหนผมก็ต้องนั่งรอเฮียธามที่นี่เพราะต้องกลับห้องพร้อมกันอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าวันไหนที่เฮียธามแกเลิกดึกจริง ๆ ผมถึงจะไม่รอ ก็งี้แหละพี่ผมเรียนหมอมักจะเลิกไม่เหมือนคณะอื่นเขา
"ไอ้เกอร์เนื้อคู่มึงอะเขากำลังเดินมาทางนี้แล้ว"
เสียงเฮียธามที่เดินเข้ามาหาผมร้องบอกพลางบุ้ยปากไปทางด้านหลังที่เฮียแกเดินผ่านมา
"อ้าวทำไมวันนี้เขาเดินมาทางนั้นล่ะเฮีย"
ผมขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เพราะปกติเนื้อคู่ของผมเขาจะเดินออกมาจากทางออกตึกคณะของผมแล้วก็เดินผ่านตรงนี้ที่ผมนั่งอยู่ตรงไปยังทางที่เฮียธามเดินมา
"กูไม่รู้ แต่ตอนกูเดินออกมาเหมือนเขาไปหาใครสักคนที่ตึกคณะกูน่ะ แต่คงไม่เจอล่ะมั้งก็เลยเดินกลับมาเพราะกูเห็นเขาเดินวนไปวนมาหลายรอบเลย"
เฮียธามตอบก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ผมพลางเขี่ยโทรศัพท์เล่นไปมา
"แล้วเฮียรู้ได้ไงว่าเขาไปหาใครแถวนั้น"
"เห็นเพื่อนกูเขาบอกว่าเนื้อคู่ของมึงไปหารุ่นน้องที่คณะกูอะ ไปทุกวัน ช่วงพักเที่ยงก็ไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะกูแล้วช่วงเย็นก็จะเดินไปนั่งเล่นใต้ตึกคณะกูเหมือนรอใครเลย"
"หรือว่าจะไปหาไอ้หล่อน้อยนั่นวะ"
ผมพึมพำเบา ๆ เมื่อคิดถึงวันก่อนตอนที่เห็นเนื้อคู่ของผมเดินอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง แบบนี้ชักจะไม่ได้การซะแล้วไอ้เกอร์เอ้ย!
"เฮ้ยเฮียเขามาแล้ว เขามาแล้วเฮีย"
ผมหันไปบอกเฮียธามพลางเขย่าแขนเฮียแรง ๆ ด้วยความตื่นเต้น เพราะวันนี้จะเป็นวันชี้ชะตาเนื้อคู่ของผม
"ไอ้เกอร์มึงอย่าสะดีดสะดิ้งสิวะเดี๋ยวเขาก็สงสัยหรอก"
เฮียธามหันมาดุผมก่อนจะหันไปลุ้นว่าเนื้อคู่ของผมจะสะดุดลานเกียร์มั้ย ซึ่งผมก็ได้แต่ลุ้นตามทุกก้าวย่างของสองเท้าเล็ก ๆ ที่ย่ำลงกับพื้นอย่างใจจดใจจ่อ
"เฮียเอาไงดีเขาไม่สะดุดแน่เลย"
ผมหันไปกระซิบถามเฮียด้วยความร้อนใจเพราะอีกไม่กี่อึดใจเธอก็จะเดินผ่านตรงหน้าที่ผมนั่งอยู่
"ถอดเกียร์มึงมาดิ๊เกอร์"
เฮียหันมาบอกด้วยสีหน้าจริงจังพลางหันกลับไปมองเนื้อคู่ของผมที่กำลังเดินตรงมา
"เฮียจะเอาไปทำไม"
"เอามาเถอะมึง กูรับรองว่าแผนนี้เนื้อคู่ของมึงต้องล้มหัวทิ่มจนมึงได้วิ่งไปอุ้มเขากลางลานเกียร์แน่ ๆ "
เฮียธามบอกพลางหันมาเร่งให้ผมถอดสร้อยหนังสีดำออกจากคอ
"เฮียจะทำไงอะ"
ผมถามต่อพลางหันไปมองเนื้อคู่ของผมที่เริ่มเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว ก่อนจะยื่นเกียร์ให้เฮีย
"มึงดูให้ดีนะไอ้เกอร์"
พรึบ! สึบ!
มือใหญ่ ๆ ของเฮียธามคว้าเกียร์จากมือผมแล้วโยนลงกลางลานตรงหน้าจนไปเกี่ยวกับรากไม้เล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นจากดิน ถ้าเป็นแบบนี้ก็...
"ถ้ามีคนเดินมาแล้วเกียร์เกี่ยวเท้าก็ต้อง... สะดุดล้มดิเฮีย"
ผมหันไปถามเฮียธามด้วยสีหน้าดีใจสุด ๆ
"ใช่แล้วน้องรัก"
คนข้าง ๆ ตอบพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผม ถ้ารู้ว่าจะง่ายขนาดนี้ผมน่าจะทำตั้งนานแล้วนะทำไมคิดไม่ได้วะ
"เออเกอร์ แล้วถ้าเรื่องอาถรรพ์ลานเกียร์นั่นเป็นเรื่องจริงขึ้นมา มึงคิดว่าคนที่เราตั้งใจทำให้เขาสะดุดล้มมันจะได้ผลป่าววะ หรือมันต้องเป็นคนที่เขาล้มเองแบบไม่ได้ตั้งใจหรือมีคนจงใจให้ล้มปะถึงจะได้ผล"
เฮียธามหันมาขมวดคิ้วถาม คำถามของเฮียทำให้ผมลังเลนิดหน่อยแต่ว่า...
"ไม่ทันแล้วเฮียเนื้อคู่ของเกอร์เขาเดินมาแล้วอีกสองก้าว... อีกก้าวเดียวเท่านั้น อีกก้าว..."
"ละออ! รอด้วย!"
"เหี้ยแล้วไอ้เกอร์! / เฮ้ยมึงหยุดก่อน!"
แต่แล้วเสียงของใครคนหนึ่งที่วิ่งตรงปรี่เข้ามาราวกับสายฟ้าฟาด ก็ทำให้ผมกับเฮียธามต้องวิ่งออกจากม้าหินอ่อนไปพร้อมกันด้วยความตกใจ จุดหมายของเราสองคนก็คือต้องขวางไอ้หล่อน้อยนั่นไม่ให้มันล้มหัวทิ่ม
ตุบ!
"โอ้ย! อะไรวะเนี่ย! / ธีร์!"
เสียงร้องของคนที่วิ่งเข้ามาหาเนื้อคู่ของผมดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ล้มกระแทกพื้น ตามมาด้วยเสียงร้องตกใจของเนื้อคู่ผม
ตุบ!
"เหี้ย! / เฮียธาม!"
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะวิ่งไปถึงเกียร์ของตัวเองที่ตอนนี้สร้อยคงขาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสียงร้องของเฮียธามที่วิ่งตามหลังผมมาก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของเฮียที่ล้มลงกระแทกพื้นจัง ๆ ถ้าเป็นแบบนี้เฮียต้องได้เมียเรียนวิศวะแน่เลย!
"ธีร์เป็นอะไรมากมั้ยแกโอเคปะเนี่ย"
เสียงเนื้อคู่ของผมที่ดึงไอ้หน้าอ่อนนั่นลุกขึ้นจากพื้นถามมันด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ก่อนจะช่วยปัดเสื้อผ้ามันที่เลอะดินเลอะฝุ่นออกให้
"ไม่เป็นไรแค่เจ็บนิดหน่อยน่ะ"
คนที่พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนได้ตอบก่อนจะใช้มืดปัดฝุ่นปัดดินที่ติดตามเสื้อผ้าและขากางเกงออก แล้วพากันเดินไปโดยที่เราไม่ได้คุยอะไรกัน
"ไอ้เกอร์มึงมาดึงกูขึ้นดิ๊ แม่งเจ็บจะตายห่าอยู่แล้ว"
เสียงเฮียถามที่กองอยู่กับพื้นเรียกสติผมให้กลับไปสนใจเฮีย ก่อนจะดึงเฮียที่ตอนนี้น่าจะเจ็บเข่าให้ลุกขึ้นแล้วพยุงไปนั่งที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนตามเดิม
"แล้วเฮียวิ่งอีท่าไหนเนี่ยถึงล้มจนเข่าแตกแบบนี้"
ผมถามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าพลางมองไปที่หัวเข่าขาว ๆ ของเฮียที่ตอนนี้เฮียกำลังถกขากางเกงขึ้นเพื่อดูแผลตัวเอง ตอนนี้แผลที่เข่าของเฮียเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อแถมยังมีเลือดออกอีกนิดหน่อย ดูท่าแล้วน่าจะเจ็บมากอยู่
"กูก็จะวิ่งไปเอาเกียร์มึงไงไอ้บ้า ดูก็รู้ว่าไอ้ธีร์แม่งต้องวิ่งมาสะดุดแน่ ๆ มันวิ่งมาเร็วยังกะสายฟ้าฟาดขนาดนั้น"
เฮียธามบ่นอุบพลางปัดฝุ่นปัดดินออกจากเสื้อผ้าตัวเอง
ผมมองกลับไปยังที่เกิดเหตุตรงหน้าก็ไม่เจอสองคนนั้นแล้วก็เลยหันกลับมาสนใจเฮียต่อ
"เจ็บมั้ยเฮีย"
"ไม่เจ็บมั้งถลอกจนเลือดออกขนาดนี้"
คนถูกถามตอบแกมประชด
"ว่าแต่เฮียเถอะสะดุดลานเกียร์แบบนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นเมียวิศวะหรอก"
ผมแซวคนที่กำลังนั่งหน้ามุ่ยปัดเศษดินออกจากแผลตัวเอง
"เป็นเมียห่าอะไรกูชอบผู้หญิงโว้ย กูต้องเป็นผัวสิถึงจะถูก"
เฮียเงยหน้าขึ้นมาเถียงก่อนจะก้มหน้าก้มตาสนใจแผลตัวเองต่อ
"ถ้าเฮียไม่ได้เป็นเมียวิศวะงั้นเกอร์คิดว่าเฮียน่าจะได้เมียเป็นวิศวะนี่แหละเข่าแตกขนาดนี้"
ผมแซวต่อ
"มึงพอเลย ที่กูล้มนี่เรื่องบังเอิญโว้ย เพราะมึงแหละแม่งตามเนื้อคู่ห่าเหวอะไรก็ไม่รู้จะให้เขามาสะดุดลานเกียร์ให้ได้ไอ้ปัญญาอ่อน"
"เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะเฮีย"
"แต่ถึงจะเป็นเรื่องจริงแล้วไงวะ คณะมึงมีหญิงหรือไงแต่ถึงมีก็ไม่ใช่สเปกกูเลย"
เฮียเถียงต่อ
ผมยิ้มขำ ๆ ให้กับเฮียที่ทำท่าเป็นเดือดเป็นร้อนเหมือนกลัวว่าตัวเองจะมีเนื้อคู่เป็นสาววิศวะซะงั้น ก่อนจะหันไปมองซ้ายทีขวาทีเพราะตอนนี้ก็เริ่มมืดขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
"เฮียปั่นจักรยานไหวป่ะเนี่ยถ้าไม่ไหวเกอร์จะปั่นมารับจะได้กลับด้วยกัน"
"เออมึงปั่นนะกูจะซ้อน แต่พากูไปโรงพยาบาลก่อนเดี๋ยวเข่าอักเสบ"
"รับทราบครับคุณหมอ"
ผมพูดกับเฮียก่อนจะลุกจากม้าหินอ่อนเพื่อไปเอาจักรยานมารับเฮียกลับบ้านด้วยกัน แต่แล้วบางอย่างที่เฮียพูดขึ้นก็ทำให้ผมถึงกับตาเบิกโพลง หัวใจกระตุกวูบขึ้นมาทันที
"เกอร์แล้วเกียร์มึงล่ะอยู่ไหน"
ฉิบหาย...
"อย่าบอกนะว่าที่มึงวิ่งไปเมื่อกี้มึงไม่ได้เก็บเกียร์มึงกลับมา"
ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่หันไปมองหน้าเฮียอย่าอึ้ง ๆ เพราะทำตัวไม่ถูก
เกียร์ที่ผมอยากได้มันมาทั้งชีวิต... เกียร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของคณะผม... เกียร์ที่ผมบ้าเอาให้เฮียไปขว้างเล่น...
"ไม่ได้อยู่กับเกอร์อะเฮียแล้วที่พื้นก็ไม่มีแล้วด้วย..."
ผมบอกเฮียพลางหันไปมองจุดเกิดเหตุตรงหน้า ของสำคัญหายไปผมถึงกับหน่วงขึ้นมาทันทีนี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย
"ไอ้ธีร์กับเนื้อคู่มึงคงเก็บไปแล้วมั้งเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปถามมัน"
เฮียบอก
"เฮียรู้จักไอ้หน้าอ่อนนั่นเหรอ"
ผมรีบถามเพราะเพิ่งนึกได้ว่าผู้ชายที่สะดุดเกียร์ผมล้มเมื่อกี้เป็นคนคนเดียวที่เดินกับเนื้อคู่ของผมวันนั้น
"รู้จักดิ มันเรียนแพทย์ปีสองรุ่นเดียวกับมึงเลย"
"แล้วชื่อเสียงมันที่คณะเฮียเป็นไง"
"ก็... ไม่รู้สิกูรู้จักแค่ชื่อมันแต่ได้ข่าวว่ามันเป็นเบ๊ให้คนในคณะมึงนะ เหมือนโดนแกล้งบ่อยอะกูก็ไม่ได้เสือกเยอะเลยไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่"
เฮียตอบแบบไม่ใส่ใจ เบ๊งั้นเหรอ?
"อ่อนแอฉิบหาย"
ผมพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินไปเอาจักรยานที่ลานจอดข้างตึกต่อ ในใจก็คิดอะไรดี ๆ ออก หึหึ
"อ่อนแอแบบนั้นมึงไม่คู่ควรกับเนื้อคู่ของกูหรอกไอ้หน้าจืด เดี๋ยวกูจะทำให้มึงรู้ว่าเนื้อคู่แท้ ๆ เขาเป็นกันยังไง ไอ้เบ๊..."