วางตัวนิ่งเฉยคล้ายไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นตั้งแต่ออกจากโรงเตี๊ยมบุรุษไร้ใจกระทั่งถึงยังคฤหาสน์คหบดีฮุ่ย ก่อนจะมาลุกลี้ลุกลนทันทีที่เข้ามาในเรือนของนาง ปากร้องสั่งให้พ่อบ้านหลี่ไปตามพ่อค้าจากแดนไกลผู้นั้นมาเข้าพบโดยไว ไม่สนใจจะตอบคำถามของผู้ใดทั้งสิ้นว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง
เหล่าข้ารับใช้ดูออกว่าต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับนายหญิง แต่เมื่อนางไม่ใคร่บอกก็ไม่บังอาจไปถาม แม้แต่พ่อบ้านหลี่ที่สนิทสนมกับนางมากกว่าผู้ใดก็ยังไม่กล้าเอ่ยปาก ได้แต่ทำตามคำสั่งของนางเท่านั้น
จ้าวเยว่ถิงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ชำระล้างคราบเหงื่อไคลและกลิ่นกายบุรุษของหยางซือโฉวออกอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังกระทำตามลำพัง ไม่อนุญาตให้หญิงรับใช้คนใดเข้ามาดูแล เมื่อเสร็จสิ้นถึงได้ออกไปพบกับพ่อค้าคนสนิท ทันทีที่เห็นใบหน้าท้วม สีหน้านิ่งเรียบของนางก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ก่อนจะเข้าไปทรุดตัวลงนั่งพูดคุยกับผู้อาวุโสกว่าทันใด
“ไยท่านไม่บอกข้าว่าว่านเสน่หามีผลกับสตรีเช่นกัน” ไม่รีรอสิ่งใด จ้าวเยว่ถิงพูดออกไปตามตรง
คนฟังไม่ได้โง่เขลา เมื่อได้ยินก็ตกใจยิ่ง
“คุณหนู...อย่าบอกข้านะว่าท่าน...”
“ข้าต้องพิษของมัน”
“ไอ้หยา...” พ่อค้าอุทานเสียงดัง ตั้งสติได้ก็ถามอีก “แล้วท่านได้ใช้กับคนชั่วช้าผู้นั้นหรือไม่”
“ใช้”
“แต่ไม่ได้พลาดพลั้งใดๆ กันใช่ไหม”
คราวนี้จ้าวเยว่ถิงเก็บอาการ ไม่ตอบคำถาม ทำเพียงปั้นหน้านิ่ง เท่านี้คนถามก็รับรู้ได้แล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เขาต่อว่าตนเองทันควัน
“ข้าไม่น่าให้ยาพิษนั้นกับคุณหนูไปเลย ข้าช่างโง่เขลายิ่งนัก!”
“จะมาโทษตัวท่านตอนนี้ก็เสียเปล่า ข้าเป็นผู้ร้องขอเองด้วย ขอท่านอย่าได้โทษตัวเองไป ตอนนี้ช่วยข้าก่อนเถิด”
“คุณหนูอยากให้ข้าช่วยอันใด” เขาถามอย่างกระตือรือร้น ความต้องการของสตรีตรงหน้าในตอนนี้สำคัญที่สุด ด้วยเขารู้ว่าพิษของว่านเสน่หาร้ายกาจเพียงใด ถึงจะเป็นยาพิษชนิดอ่อนแต่ก็หาได้หมายความว่าไม่อันตราย
“ข้าต้องการยาถอนพิษ”
ความจริง พ่อค้าวัยกลางคนก็น่าจะเดาได้ไม่ยากว่านางประสงค์สิ่งใด หากแต่เมื่อเขาได้ฟังแล้ว ใบหน้าอวบอูมก็ซีดเผือดลงทันตาเห็น
“ว่านชนิดนี้เป็นยาพิษที่หาได้ใช้กันแพร่หลาย อีกทั้งถิ่นกำเนิดก็หาได้อยู่ในแคว้นอิ้ง จำต้องเดินทางไปซื้อหาถึงแดนไกล หากคุณหนูต้องการ จำต้องรออีกหนึ่งฤดู ข้ากับกองคาราวานถึงจะเดินทางไปรับสินค้า”
ได้ยินเช่นนั้นก็เป็นคราวที่จ้าวเยว่ถิงหน้าซีดบ้าง
ฤดูหน้า...หมายถึงฤดูเหมันต์เช่นนั้นหรือ? นานเพียงนั้น นางรอไม่ได้หรอก!
“แล้วมีสิ่งใดที่ช่วยทำให้ข้าบรรเทาจากพิษว่านชนิดนี้บ้างหรือไม่”
คนถูกถามส่ายศีรษะช้าๆ จ้าวเยว่ถิงรู้สึกประหนึ่งถูกสวรรค์ทิ้งขว้างฉับพลัน
“ไม่มีหนทางเยียวยารักษาเลยหรือ?”
“จำต้องใช้ยาถอนพิษของมันอย่างเดียวเท่านั้น”
จ้าวเยว่ถิงระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นางต้องการจะเอาคืนหยางซือโฉวแท้ๆ ไยกลายเป็นนางที่โดนเล่นงานเองเสียล่ะ?
ความทุกข์ใจฉาบพรายบนดวงหน้างามชัดเจนจนคนมองอดเห็นใจไม่ได้ ที่นางทำไปล้วนแล้วต้องการสั่งสอนคนพาลที่บังอาจมารังแกนางก่อนก็เท่านั้น ก่อนที่เขาจะจำใจยื่นสิ่งหนึ่งที่เตรียมมาด้วยคาดเดาจุดประสงค์ของหญิงสาวที่เรียกเขามาพบออกไปตรงหน้า
“ถึงจะรักษาไม่ได้ สิ่งนี้อาจจะช่วยคุณหนูบรรเทาได้”
“สิ่งนี้คือ?” จ้าวเยว่ถิงปรายตามองกล่องไม้สลักเป็นรูปบุปผาพันเกี่ยวเถาวัลย์สวยงามอย่างสงสัย
หากแต่ไม่ได้รับคำตอบ นอกเสียจากคำเตือนเท่านั้น
“เอาไว้เปิดดูตอนที่ข้ากลับไปแล้วจะดีกว่า แล้วจำไว้ให้ดีคุณหนู อาการพิษของท่านจะเกิดขึ้นทุกๆ ค่ำคืน หากเป็นไปได้ ท่านควรอยู่ให้ห่างจากบุรุษเพศเอาไว้ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอันตราย จนกว่าข้าจะได้ยาถอนพิษมา จงรักษาตัวให้ดี”
นางพยักหน้ารับ คงไม่มีหนทางใดที่นางจะทำได้อีกแล้ว การเชื่อฟังผู้อาวุโสและรอบรู้กว่าเป็นการอันสมควร
“ขอบคุณท่านอีกครา หากไม่ได้ท่าน เยว่ถิงผู้นี้คงตามืดบอด”
“หามิได้ คุณหนูก็เป็นเสมือนลูกเสมือนหลานของข้า ข้าจะละเลยได้เช่นไร หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน พักผ่อนให้มากนะคุณหนู”
จ้าวเยว่ถิงรับคำ สั่งให้พ่อบ้านหลี่ซึ่งรออยู่ทางด้านนอกไปส่งแขก จากนั้นนางก็ขังตัวอยู่ในห้องตามลำพัง นั่งมองกล่องไม้ที่พ่อค้านำมาให้นิ่งๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดฝา
ทันทีที่ฝาไม้สลักหลุดออกไป พวงแก้มนวลก็แดงเรื่อ อีกทั้งยังอุ่นร้อนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าด้านในนั้นเป็นแท่งไม้ขนาดพอเหมาะมือที่ถูกเหลาจนเรียบลื่น ที่สำคัญยังดูคล้ายกับ...
จ้าวเยว่ถิงปิดฝากล่องกลับไปดังเดิมอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นปิดใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวดุจต้องเปลวเพลิงเป็นพัลวัน ในใจนึกโทษหยางซือโฉวผู้นั้นอย่างกรุ่นโกรธ หากไม่เป็นเพราะเขารังแกนาง นางคงไม่หาทางชำระแค้นแล้วลงท้ายเช่นนี้
หยางซือโฉว...คนชั่วช้า! หากข้าไม่หายจากอาการนี้ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านเลย!