สัมพันธ์สวาท...เร่าร้อน...เนิ่นนาน...
ยุติลงเมื่อใกล้รุ่งสาง ร่างกายเปล่าเปลือยของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีกอดก่ายกันบนพื้นห้อง ครั้นกายเล็กขยับก็พลันปวดร้าวไปทั่วทุกอณูกล้ามเนื้อ จ้าวเยว่ถิงขมวดคิ้วมุ่นเมื่อบั้นเอวของตัวเองร้าวรานเสียแทบแตกออกเป็นเสี่ยง นางปรือตาขึ้น ก่อนจะต้องตกใจเสียจนแทบหลุดร้องลั่นเมื่อเห็นว่าใบหน้าคร้ามครันของชายชั่วหยางซือโฉวปรากฏอยู่ตรงหน้าเพียงคืบ
นางหุนหันลุกขึ้นพลันตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นสภาพตัวเอง มือคว้าอาภรณ์ที่อยู่ใกล้ๆ มาปกปิดเรือนร่างแทบไม่ทัน ในหัวคิดครุ่นว่าเกิดอะไรขึ้นกับก่อน ไม่นานนักก็นึกขึ้นได้ว่าตนต้องพิษของว่านเสน่หาที่หมายจะใช้เล่นงานบุรุษที่หลับใหลอยู่ตรงนั้น นึกเจ็บใจที่พลาดท่าเสียทีถึงเพียงนี้ ยิ่งเห็นร่างกายไร้อาภรณ์ ก็ยิ่ง...
มือเล็กกำแน่นจนปลายเล็บจิกลงไปบนอุ้งมือ นอกจากความแค้นแล้ว จ้าวเยว่ถิงไม่เคยรู้สึกอับอายเช่นนี้มาก่อน ถึงนางจะตบแต่งเป็นอนุของฮุ่ยเหอ ทว่านางกลับยังเป็นสาวพรหมจรรย์ เนื้อกายไม่เคยถูกบุรุษใดล่วงล้ำ หากแต่ต้องมาเสียทีให้กับคนชั่วช้าเช่นนี้เพราะยาพิษของนางเช่นนั้นหรือ?
ช่างเป็นสตรีที่โง่เขลายิ่งนัก!
จ้าวเยว่ถิงไม่อาจสรรหาถ้อยคำใดมาบริภาษความด้อยปัญญาของตนได้เลย ร้ายไปกว่านั้น ไยพ่อค้าผู้นั้นถึงไม่บอกนางกันล่ะว่าว่านเสน่หาไม่ได้มีผลเฉพาะกับบุรุษ แต่สามารถทำให้สตรีเกิดกำหนัดได้ด้วย!?
ใจอยากจะรู้ทุกสรรพคุณของว่านพิษชนิดนี้ จึงคิดขึ้นมาได้ว่านางไม่สามารถอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว จำต้องรีบไปก่อนที่หยางซือโฉวจะรู้สึกตัว จากนั้นนางมีเรื่องให้ต้องสะสางต่ออีกมากมาย
หากแต่เมื่อนางขยับอีกระลอก อดีตจอมยุทธ์พเนจรที่ค่ำคืนหาได้เคยหลับสนิทก็รู้สึกตัวตื่น ครั้นลืมตาเห็นว่าสตรีที่ร่วมหลับนอนด้วยเมื่อคืนแต่งกายอย่างรีบร้อนก็อดถามไม่ได้
“เจ้าจะไปแล้วหรือ?”
นางไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า ปักปิ่นประดับเรือนผม ปล่อยให้ร่างกำยำนอนทอดกายอยู่บนพื้นเช่นเดิม
“เจ้าไม่คิดจะพูดอันใดหน่อยหรือ?”
ถามอีกครั้งก็ได้แต่ความเงียบงันเป็นคำตอบ หยางซือโฉวยกแขนขึ้นเท้าศีรษะหนักอึ้งพลางเรียกอีกครา
“ฮูหยินฮุ่ย...”
จ้าวเยว่ถิงชำเลืองมอง ว่าสั้นๆ “ท่านอยากให้ข้าพูดสิ่งใด”
“เรียกร้องหาความรับผิดชอบจากข้า หรือสิ่งใดก็ได้ที่สตรีพึงพูด”
ที่เอ่ยเช่นนี้เพราะเขาคิดว่าเรื่องเมื่อคืนนั้นเป็นความพลาดพลั้งอย่างใหญ่หลวง เขาไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมดดำเนินไปเพราะการชักนำของนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น แต่ก็ยังใคร่จะแสดงความรับผิดชอบ ด้วยบรรดาสตรีที่เคยร่วมหลับนอนกับเขามาก่อนหน้านั้นล้วนแล้วมากมารยา ครั้นตื่นมาก็ร้องห่มร่ำไห้เรียกร้องขอความเป็นธรรมเป็นเครื่องประดับชิ้นงามบ้าง เงินทองบ้าง ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องปกติสำหรับหยางซือโฉว นั่นถือเป็นเรื่องเล็กน้อยด้วยซ้ำ เขาเคยเจอหนักกว่านี้มาโข บางครั้งก็เจอสตรีหัวหมอที่หมายจะจับเขาไปแตบแต่งเป็นสามี หวังเป็นฮูหยินกินนอนบนกองสมบัติอะไรอย่างนั้น
หากแต่หาใช่เรื่องปกติสำหรับจ้าวเยว่ถิง นางไม่ใคร่ปรารถนาของมีค่าใดๆ ทรัพย์สมบัติของตระกูลฮุ่ยมากมายล้นฟ้า ใช้ชาตินี้ก็ไม่มีทางหมด เมื่อนางได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้นก็ขมวดเรียวคิ้วสวยเข้าหากัน
คิดจะให้นางคร่ำครวญร่ำไห้เพื่อให้เขามาดูแลนางเช่นนั้นหรือ? ฝันกลางวันไปเถิดเจ้าคนต่ำช้า คนอย่างนางไม่มีวันจะเอ่ยคำนั้นออกมาหรอก
หญิงสาวเงียบไป สาละวนกับการปักปิ่นประดับผมอีกครั้ง ทำให้คนมองรู้สึกแย่ขึ้นมา
“ฮูหยินฮุ่ย เรียกร้องสิ่งใดจากข้าสักอย่างเถิด”
หาใช่รู้สึกแย่เพราะนางไม่เรียกร้องใดๆ แต่รู้สึกแย่ที่เขาทำไม่ดีกับนางมาตั้งหลายครา ซ้ำร้ายยังจะมาเชยชมเรือนร่างของนางประหนึ่งดั่งบุรุษมากตัณหาอีก การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำของชายชั่วเห็นแก่ตัวมิใช่หรือ? เขาไม่อยากถูกตราหน้าเป็นเช่นนั้น แค่นี้เขาก็ชั่วช้าไม่ต่างอะไรจากอสรพิษอยู่แล้ว หรือไม่...อสรพิษยังร้ายกาจน้อยกว่าเขาเสียอีก
จ้าวเยว่ถิงเหลือบมอง ไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย
“สามีข้าตายแล้ว ไยข้าต้องใส่ใจกับการร่วมสุขสมชั่วข้ามคืนกับท่านกัน”
ไม่เพียงใจแข็ง ยังจะไม่รู้สึกรู้สาอีก หยางซือโฉวหน้าม้านฉับพลัน ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยพบเคยเจอสตรีเช่นนี้
“แต่ว่าเจ้ากับข้ามีสัมพันธ์สวาท ไม่คิดจะให้ข้าทำการใดเพื่อรับผิดชอบเจ้าหน่อยหรือ?”
ไม่อยากจะพูดถึงหรอกนะ แต่ในเมื่อนางเอาแต่ปัดป้องการเรียกร้องความรับผิดชอบใดๆ จากเขา เขาก็กระตุ้นให้นางตระหนักสักหน่อยว่าเรือนร่างของนางถูกเขาทำแปดเปื้อนไปแล้ว
ทว่าจ้าวเยว่ถิงกลับไม่สนใจใดๆ แสยะยิ้มพรายแล้วสวนกลับ
“แล้วอย่างไรล่ะ ข้าเป็นหญิงมากรัก คบชู้สู่ชายหลังสามีตายไปเรื่อยดังคำกล่าวของท่านอยู่แล้ว ท่านจะสนใจทำไม หากข้าเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากท่าน ข้าก็หาใช่หญิงมากรักแต่เป็นหญิงคณิกาน่ะสิ ข้าหาใช่หญิงคณิกาในโรงเตี๊ยมท่าน ท่านก็รู้”
พูดแล้วละมือออกจากศีรษะ ตะแคงซีกหน้ามองตนเองในคันฉ่องที่ตั่งอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกขึ้น ปรายตามองคนบนพื้นอย่างเดียดฉันท์
“ส่วนท่านก็ไม่ต่างอันใดจากชายอื่นที่ข้าร่วมรักนักหรอก หากท่านไม่สำนึกกับการกระทำของตน ก็จงอยู่เป็นชายบำเรอของข้าเช่นนี้ไปเถิด ยาถอนพิษก็อย่าหวังว่าจะได้”
สิ้นเสียง นางก็เดินออกจากห้องไป ไม่แลตามามองบุรุษที่เพิ่งร่วมรักไปเมื่อคืนอีกเลย ทิ้งให้หยางซือโฉวงุนงงกับการกระทำนั้น ก่อนจะเข้าใจได้ว่านางต้องการให้เขาสำนึกถึงสิ่งใด
การปล่อยข่าวลือเท็จ...เขารู้ สำนึกผิดแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยบอกนางไปก็เท่านั้น คราแรกก็ตั้งใจจะบอกเช่นกัน หากแต่พอนางขนานนามเขาว่า ‘ชายบำเรอ’ ความตั้งใจก็พลันมลายหาย ขบฟันกรอดอย่างขุ่นแค้น
สตรีผู้นั้นช่างเย่อหยิ่งนัก!
หวังจะญาติดีผูกมิตรด้วยเห็นใจว่านางตัวคนเดียว แต่คงไม่ต้องแล้วกระมัง จองหองโอหังถึงเพียงนี้ นางคงจะไม่ถือสาหาความใดๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหรอก
หยางซือโฉวเกือบจะไม่สนใจอยู่แล้วเชียว หากดวงตาเรียวดุจหมาป่าไม่เหลือบไปเห็นคราบโลหิตหยดเป็นดวงบนชายอาภรณ์ขาวสะอาดของเขา เขาจับชายผ้าขึ้นมาเพ่งพินิจ พลันสำรวจร่างกายตนว่ามีร่องรอยบาดแผลตรงไหนหรือไม่ เมื่อมั่นใจว่าผิวกายไร้ซึ่งบาดแผลและคราบเลือด เขาก็ครุ่นคิดไปครู่ ก่อนความตึงเครียดระคนฉงนสงสัยจะถาโถมเมื่อตระหนักได้ว่าเลือดนั้นเป็นของผู้ใด
“ฮูหยินฮุ่ย...”