บทที่ 1: เจ้าของโรงเตี๊ยมมิอาจร่วมเตียงเดียวกัน 2

1114 คำ
เตรียมการเสร็จสิ้น หญิงสาวก็ก้าวออกจากคฤหาสน์ในยามอิ่ว[1] จ้าวเยว่ถิงสั่งให้บ่าวรับใช้ชายอยู่เฝ้าคฤหาสน์และร้านรวงโรงเตี๊ยมตามปกติ ส่วนนางจะมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมบุรุษไร้ใจกับสาวใช้เพียงคนเดียวเท่านั้น แม้จะถูกขัดด้วยพ่อบ้านหลี่เพราะเขาเกรงว่านางจะไม่ปลอดภัย ทว่าจ้าวเยว่ถิงก็ออกคำสั่งเด็ดขาดว่าห้ามผู้ใดติดตามมา หากจับได้ว่าลอบตามมา นางจะไล่ออกจากสกุลฮุ่ยอย่างไม่รีรอ ถึงจะเป็นห่วงเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง จ้าวเยว่ถิงเดินไปตามถนนหนทาง ความสะคราญโฉมดุจเทพเซียนลงมาเดินดินทำให้สายตาของคนรอบข้างจ้องมองนางเป็นตาเดียว มีเพียงหญิงรับใช้เท่านั้นที่ประดักประเดิดกับการเป็นจุดสนใจ จ้าวเยว่ถิงไม่สะทกสะท้านใดๆ แม้แต่น้อย ไม่แปลกหากใครต่อใครพากันจ้องมองนางแล้วกระซิบกระซาบ เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบปีก็ว่าได้ที่ได้เห็นฮูหยินสกุลฮุ่ยก้าวย่างออกจากคฤหาสน์หลังจากที่เถ้าแก่ฮุ่ยเสียชีวิต หรือถ้าหากจะพูดได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีก็ไม่ต่างกันนัก เพราะตอนฮุ่ยเหอและฮูหยินฮุ่ยคนก่อนยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็ไม่เคยปล่อยให้นางมาเดินคลุกคลีกับชาวบ้านเช่นนี้ คราแรกมองด้วยความตะลึงงัน ต่อมากลายเป็นติฉินนินทาเมื่อรู้ว่านางคือผู้ใด จ้าวเยว่ถิงได้ยินคำว่า ‘หญิงหม้ายมากชู้’ นับครั้งไม่ถ้วน ขณะเดียวกันก็ได้ยินการกล่าวเอ่ยชมในความงดงามของนางไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่ว่า ‘หลายปีก่อนนั้นยังเห็นเป็นเพียงดรุณีน้อย ผ่านมาไม่นาน นางเป็นสาวสะพรั่ง ไม่แปลกใจหากบุรุษใต้หล้าหลงใหลนางจนถึงขั้นไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ร่วมหลับนอนกับสตรีมักมากเช่นนี้’ หญิงรับใช้เกรงว่านายหญิงจะรู้สึกแย่ มิหนำซ้ำยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนจนต้องเอ่ยปากเรียกร่างระหงที่เดินนำหน้า โดยหารู้ไม่ว่าจ้าวเยว่ถิงแสร้งหูหนวกตาบอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การที่นางออกมาข้างนอก ก็เท่ากับว่านางยอมรับคำติฉินนินทา เมื่อเห็นหญิงรับใช้คนสนิทหยุดเดิน นางก็หันมาเหลือบมอง “ตามข้ามาสิมี่เอ๋อร์” “แต่นายหญิงเจ้าคะ คนพวกนั้น...” “ตามข้ามา” กำลังจะบอกว่ากลุ่มคนเมื่อครู่พูดตำหนิอย่างไร จ้าวเยว่ถิงก็แทรกขึ้นเสียแล้ว ทำเอาหญิงรับใช้ไม่อาจพูดต่อ ก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังผู้เป็นนาย ไม่นานนักก็ถึงยังที่หมาย โรงเตี๊ยมไร้บุรุษคึกครื้นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดเสียอีก ภายในเต็มไปด้วยบุรุษฉกรรจ์คลาคล่ำที่นั่งชมนารีเคล้าสุรา เสี่ยวเอ้อหลายสิบชีวิตเดินขวักไขว่วุ่นวายไปหมด จ้าวเยว่ถิงไม่คิดว่าโรงเตี๊ยมเปิดใหม่แห่งนี้จะได้รับความนิยมมากกว่าที่คะเนไว้ ขณะเดียวกัน นางก็อดคิดไม่ได้เลยว่าภาพที่เห็นดูไม่เหมือนโรงเตี๊ยมสักเท่าไรนัก คล้ายกับว่าเป็นหอคณิกาเสียมากกว่า ด้วยบรรดาหญิงงามด้านในนั้นหาใช่ลูกค้าแต่อย่างใด หากแต่เป็นนางบริการที่ทำหน้าที่เอาอกเอาใจลูกค้าบุรุษเพศ โรงเตี๊ยมผู้ใดกันแน่ที่เป็นหอคณิกา จ้าวเยว่ถิงอดค่อนขอดในใจไม่ได้ ก่อนจะหันไปสั่งกับหญิงรับใช้ “มาส่งข้าแค่นี้ก็พอมี่เอ๋อร์ เจ้ากลับไปได้แล้ว” “ประเดี๋ยวก่อนสิเจ้าคะนายหญิง ไหนว่าจะให้ข้ามาเป็นเพื่อน” ถูกต้องแล้ว จ้าวเยว่ถิงให้นางมาเป็นเพื่อน แต่ไม่ได้บอกให้อยู่เป็นเพื่อน “หมดหน้าที่ของเจ้าแล้ว กลับไปได้ ประเดี๋ยวข้าเสร็จสิ้นธุระเมื่อไร ข้าจะกลับเอง” จ้าวเยว่ถิงไม่อธิบายให้มากความ สั่งสั้นๆ แล้วก็ย่างกรายผ่านธรณีประตูเข้าไป ปล่อยให้หญิงรับใช้ร้องเรียก จนสุดท้ายก็ยอมแพ้ ผละจากไปจากหน้าทางเข้าโรงเตี๊ยมจนได้ แม้ด้านในโรงเตี๊ยมบุรุษไร้ใจจะมีหญิงงามให้เลือกสรรมากมาย หากแต่การมาถึงจ้าวเยว่ถิงกลับทำให้บุรุษภายในนั้นหยุดทุกการกระทำเพื่อหันมามองนางเป็นตาเดียว อย่างที่นางรู้ นางไม่ได้มีรูปโฉมงดงามปานล่มบ้านเมือง หญิงสาวในที่แห่งนี้ที่มีดวงหน้างดงามกว่านางก็มีอยู่มาก หากแต่ท่วงท่าและกิริยาของนางนั้นต่างจากสตรีคนอื่นๆ นางดูสำรวม ขณะเดียวกันก็เย่อหยิ่งจองหอง ดวงหน้าอ่อนโยน ทว่าแววตาเต็มไปด้วยความดื้อรั้น อีกทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ที่นางสวมใส่ก็ดูเป็นข้าวของราคาแพง มองปราดเดียวก็รู้ว่านางหาใช่สตรีทั่วไป ต้องเป็นคุณหนูจากสกุลใหญ่สักสกุลเป็นแน่ เสี่ยวเอ้อที่ได้สติก่อนใครรีบกุลีกุจอเข้ามาหาโต๊ะให้นางแม้ว่าจะแปลกใจที่เห็นสตรีเข้ามาในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ครั้นร่างแน่งน้อยหย่อนตัวนั่ง เสี่ยวเอ้อก็ร้องถาม “คุณหนูต้องการสั่งสิ่งใดขอรับ” “ข้าต้องการพบหยางซือโฉว” ริมฝีปากสีแดงเรื่อที่ถูกแต่งแต้มขยับขึ้น ส่งเสียงเนิบนาบออกมา หัวคิ้วของคนฟังถึงกับย่นยู่ “คุณหนูหมายถึงนายท่านหรือขอรับ” ดวงตากลมตวัดมองหน้าเสี่ยวเอ้อผู้นั้น “แล้วนายท่านของเจ้ามีชื่อเสียงเรียงนามอันใดกันล่ะ ใช่หยางซือโฉวหรือไม่” คนถูกถามพยักหน้า เท่านั้นจ้าวเยว่ถิงก็พูดต่อ “เช่นนั้นก็แปลว่าข้ามาหาเขา” บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบคล้ายกับว่าต้องการฟังว่าหญิงสาวโผล่มาท่ามกลางบุรุษอย่างไม่เกรงกลัวเพื่อการใด คราแรกก็คิดว่านางเป็นเสมือนลูกแกะหลงเข้ามาในฝูงหมาป่าแล้ว เมื่อนางเอ่ยชื่อบุรุษนักรัก ก็ยิ่งอดคิดไม่ได้ว่านางคงเป็นลูกแกะถูกควักสมองที่หลงมาในฝูงหมาป่า การมาของนางสร้างความประหลาดใจมากพออยู่แล้ว ยิ่งถามหาหยางซือโฉวก็ยิ่งน่าฉงนมากขึ้นไปอีก ไม่เว้นแม้แต่ผู้ถูกถามหาที่เสี่ยวเอ้อวิ่งพรวดพราดขึ้นไปตามยังเรือนรับรองชั้นบนขณะที่เขากำลังต้อนรับแขก เมื่อลงมายังชั้นล่างและเห็นหญิงงาม เขาก็คิดครุ่นทันควัน หรือข้าจะเผลอไปทำรุ่มร่ามใส่บุตรีสกุลไหนเอาไว้? [1] เท่ากับเวลา 17.00 น. ถึง 18.59 น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม