นานแล้วที่นางไม่ได้แต่งกายเต็มยศขนาดนี้ จ้าวเยว่ถิงให้สาวใช้ประทินโฉมจนงามปานเทพธิดาลงมาอุบัติยังเมืองมนุษย์ พ่อบ้านหลี่และบรรดาคนรับใช้ชายเห็นนายหญิงของตนห่มอาภรณ์ชั้นดีที่ถักทอจากเส้นไหมราคาแพง ก็ได้แต่พากันลอบถอนหายใจ นางทำประหนึ่งว่าตนเป็นแม่ทัพและกำลังจะไปออกรบอย่างไรอย่างนั้น อาภรณ์และเครื่องประดับสวยงามเหล่านั้นล้วนไม่ต่างจากชุดเกราะเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ความงามของนางคืออาวุธที่จะใช้เป็นเครื่องสังหารเจ้าคนปากพล่อยหยางซือโฉว ถึงจ้าวเยว่ถิงจะไม่ใช่หญิงงามปานล่มบ้านเมือง หากแต่กิริยามารยาทและท่วงท่าที่บ่งบอกว่าได้รับการอบรมดูแลมาเป็นอย่างดีนั้นก็ทำให้ผู้พบเห็นถูกสะกด ตรึงสายตาไว้ที่นางได้ไม่ยาก
ทว่าเท่านั้นยังไม่พอหรอกสำหรับการกำราบเจ้าของโรงเตี๊ยมบุรุษไร้ใจให้ศิโรราบ หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะไปเยี่ยมเยือนยังสถานที่แห่งนั้น นางก็ให้พ่อบ้านหลี่ไปเรียกพ่อค้าจากแดนไกลเข้ามาพบเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว นางต้องการอะไรบางอย่างที่จะใช้ทำให้หยางซือโฉวได้อับอาย สมกับที่เขาได้พยายามทำให้สกุลฮุ่ยถูกตราหน้า
พ่อค้าจากแดนไกลสนิทสนมกับนางดีด้วยเห็นนางมาตั้งแต่เยาว์วัย เสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องประดับ อาหารแห้ง หรือโอสถต่างๆ ก็ล้วนแล้วมาจากการนำเข้าของเขาทั้งนั้น ทว่าครั้งนี้นางไม่ได้ต้องการสิ่งของเหล่านั้น นางต้องการอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้หยางซือโฉวสำนึกในการกระทำอันชั่วช้าของตนเองได้
เมื่อบอกจุดประสงค์กับพ่อค้าไป ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมก็หยิบเอาห่อโอสถบางอย่างออกมาวางบนโต๊ะตรงหน้า ก่อนจะเลื่อนเข้าหาหญิงสาว
“สิ่งนี้เรียกว่าว่านเสน่หา”
คนฟังเลิกคิ้วสูงทันควัน “มันคือ...”
“ยาพิษชนิดหนึ่งที่ทำให้ร่างกายบุรุษร้อนรุ่มดั่งเปลวไฟ” เขาว่า กระนั้นจ้าวเยว่ถิงก็ยังไม่เข้าใจดีนัก
“ท่านช่วยอธิบายเพิ่มเติมอีกสักหน่อยได้หรือไม่”
เขาพยักหน้า ก่อนจะว่าออกมา “มันเป็นยาพิษชนิดอ่อน เมื่อผสมน้ำแล้วดื่มเข้าไป ธาตุในร่างกายจะแปรปรวน อุณหภูมิจะสูงขึ้นดุจต้องเปลวไฟ หากไม่ได้รับการบรรเทาก็จะมีอาการทุรนทุราย กระสับกระส่าย คล้ายกับเกิดกำหนัด”
“เกิดกำหนัด...” พูดมาถึงตรงนี้ จ้าวเยว่ถิงก็โพล่งขึ้น
ชายวัยกลางคนเผยอยิ้ม หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นว่าสตรีตรงหน้ามีสีหน้ากระดากอายเล็กน้อย
“ใช่ เกิดกำหนัด เมื่อดื่มกินเข้าไป มันจะไปกระตุ้นให้ความเป็นบุรุษชูชันขึ้นมา ต่อให้ได้รับการบรรเทาด้วยการปลดปล่อย มันก็จะไม่หายเป็นปกติ อาการนั้นจะเกิดวนเวียนไปจนกว่าจะได้รับยาถอนพิษ”
“แสดงว่าหากข้าให้คนผู้นั้นดื่มกินเข้าไป ตรงนั้นของเขาก็จะชูชันบ่อยครั้งเช่นนั้นหรือ?” ถามไปก็หน้าแดงเรื่อ
เห็นความตรงของหญิงสาวแล้ว คนฟังก็หัวเราะร่วน “ท่านเข้าใจถูกต้องแล้วคุณหนู ก่อนหน้านี้มันใช้เป็นโอสถผลิตทายาท แต่สรรพคุณของมันรุนแรงเกินไปสักหน่อยจึงเข้าข่ายว่าเป็นยาพิษชนิดอ่อน ข้ารับรองเลยว่าอาการโด่ไม่รู้ลืมนั่นต้องทำให้คนชั่วช้าอับอายจนไม่กล้าออกไปไหนเป็นแน่” เขารู้จุดประสงค์ของนางดี จึงพูดออกมาตามตรง อีกทั้งยังเรียกนางด้วยสรรพนามเดิมที่คุ้นปาก
จ้าวเยว่ถิงยกมุมปากขึ้น พอใจกับสรรพคุณมากล้นของว่านชนิดนี้ ก่อนจะตกลงปลงใจ
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอรับไว้ มีค่าเท่าไร ท่านก็บอกกับพ่อบ้านหลี่ได้เลย”
“หามิได้ ข้าไม่กล้าคิดเงินกับคุณหนูหรอก สกุลฮุ่ยและคุณหนูมีบุญคุณกับข้ามากมาย ข้ากับท่านเองก็เป็นคู่ค้ากันมานาน ถือว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ตอบแทนคุณหนูที่เมตตาข้าก็แล้วกัน”
“ขอบคุณท่านมาก น้ำใจของท่านมากมายยิ่ง บุญคุณครั้งนี้ ข้ามิอาจลืมเลือน” จ้าวเยว่ถิงตอบรับอย่างนอบน้อม ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับต้องโบกมือเป็นพัลวัน
“หามิได้ๆ ข้าถือว่าบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ กลั่นแกล้งคุณหนู ว่าร้ายสกุลฮุ่ย ก็เท่ากับจงใจหาเรื่องข้าด้วย ข้ายินดีๆ”
ดวงหน้าของจ้าวเยว่ถิงประดับยิ้มพราย ถึงนางจะถูกว่าร้ายบ่อยครั้ง แต่รอบตัวนางก็ยังมีมิตรสหายที่รักใคร่เอ็นดูและพร้อมให้ความช่วยเหลือ และจริงอย่างที่พ่อค้าว่า มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ กับหยางซือโฉวผู้นั้น หากไม่สำนึกในการกระทำ ก็จงอับอายชาวบ้านไปชั่วชีวิตเถิด!