EPISODE01 เด็กมันอ้อน
“ว่ายังไงนาฬิ ปีนี้หนูอายุเท่าไหร่แล้วลูก” คนเป็นพ่อกำลังถาม ไม่ใช่ว่าจำอายุลูกสาวคนโตไม่ได้ แต่พ่อกำลังพยายามต้อนให้ฉันจนมุม
“27 ค่ะพ่อนอสขา”
“แต่งงานได้แล้วเนอะ น้องไข่มีครอบครัวไปแล้ว หนูแต่งานนะลูก พ่ออยากเลี้ยงหลานตัวน้อย ๆ แล้ว จะให้คล็อคแต่งคล็อคก็ยังไม่โต” 19 จะ 20 ปีไม่โต แบบไหนเรียกโตคะพ่อ อยากเถียงพ่อจัง แต่ไว้หน้าสักหน่อยแล้วกัน
“พ่อนอสขาก็เลี้ยงปักหมุดปักใจไปก่อนสิคะ ฬิไม่แต่งหรอกค่ะ ไม่ชอบคลุมถุงชนด้วยนะ อย่าหาทำเชียว”
“นาฬิลูก ปักหมุดปักใจโตแล้ว”
“แต่เมื่อกี้พ่อบอกคล็อคยังไม่โตนะคะ สรุปพ่อจะเอายังไงคะ คล็อคเป็นพี่ชายของปักหมุดปักใจนะคะ”
“นาฬิลูก…”
“พ่อคะ ฬิไม่แต่งค่ะ ฬิไม่ชอบ ฬิไม่เอา ฬิมีเงิน ฬิมีความสุขกับชีวิตแบบนี้แล้วทำไมฬิต้องแต่งด้วย ฬิไม่ชอบใช้ชีวิตกับคนแปลกหน้า”
“แต่นาฬิลูก…”
“วันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องค่ะพ่อ ฬิว่าฬิกลับก่อนดีกว่า สวัสดีค่า” ไหว้ย่อสวย ๆ แล้วรีบเดินออกมาขณะที่พ่อกำลังงงงวย
การที่พี่น้องมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาไม่ใช่เรื่องดีเอาซะเลย พ่อนะพ่ออยากได้หลานไปอีก โนเถอะค่ะฬิไม่ชอบเลี้ยงเด็กแบเบาะ แต่ถ้าเด็กที่ชอบนอนบนเตียงอันนั้นคุยกันได้ ฬิชอบ
Rrrr Rrrrr
“ดีค่า”
(ทานข้าวเย็นหรือยังครับ พอดีดริฟทำอาหารไว้ให้พี่ฬิชิม พี่ฬิว่างมาหาดริฟไหมครับ)
“ว่างสิคะ เดี๋ยวพี่แวะเข้าไปนะ” เวลาที่ได้แทนตัวว่าพี่มันเป็นอะไรที่มีความสุขแบบอธิบายไม่ถูกเลย
(ครับ ดริฟรอครับ ขับรถดี ๆ นะครับพี่ฬิ)
“ค่ะ” ยิ่งมีน้อง ๆ คอยห่วงใย ใจมันฟูไปหมด
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงฉันเลี้ยวรถเข้าจอดที่คอนโดย่านกลางเมือง คอนโดนี้เป็นของฉันเอง แต่ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะ ที่นี่ฉันยกให้น้องดริฟอยู่ระหว่างที่เรามีสัญญาร่วมกัน
ปิ๊งป่อง…
ฉันมีคีย์การ์ดมีทุกอย่าง แต่ที่เลือกกดออดเพราะอยากให้น้องรู้สึกว่าที่นี่เป็นพื้นที่ของน้อง
“คิดถึงที่สุดเลยครับ” เด็กหนุ่มร่างบางน่าทะนุถนอมเปิดประตูต้อนรับ ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มสดใส ใจหม่น ๆ ของพี่ฬิถูกน้องดริฟบำบัดเรียบร้อย
“คิดถึงเหมือนกันครับคนเก่ง” ฉันยกมือขึ้นลูบที่แก้มน้องดริฟคนน่ารัก “วันนี้มีเมนูอะไรให้พี่ชิมครับ”
“ดริฟทำสเต็กเนื้อโคขุนไว้ให้พี่ฬิครับ ไม่รู้ว่าจะถูกใจไหม” น้ำเสียงน้องดริฟไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก
“ถูกใจหมดค่ะ อะไรที่น้องดริฟทำให้พี่ทาน พี่ชอบทั้งนั้น” ไม่ได้พูดเพราะอยากเอาใจ แต่พูดเพราะของเขาดีจริง ทั้งยังเป็นการให้พลังใจ น้องจะได้มุ่งมั่นทำตามฝันได้สำเร็จ เห็นน้องไปถึงฝันเราคนส่งเสียก็จะมีความสุข
“งั้นทานกันครับ” คำตอบฉันเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าน่ารักนี้ได้สินะ
น้องดริฟเป็นเด็กคนหนึ่งที่ชอบทำอาหาร ทว่าทางบ้านน้องไม่สนับสนุนด้านนี้ นาฬิกาที่แสนจะสวยและใจดีก็เลยชวนน้องมาอยู่ด้วย ด้วยการซื้ออนาคตน้องจากครอบครัวที่ไม่ต้องการน้อง อะไรจะดีเท่ากันจริงไหม จากนั้นฉันให้ที่พัก ให้เงิน ให้น้องทำตามฝัน สัญญาของเราจะสิ้นสุดลงเร็ว ๆ นี้ เพราะว่าน้องดริฟได้ทุนไปเรียนทำอาหารที่ฝรั่งเศส
“พี่จัดการเรื่องที่พักไว้ให้น้องดริฟเรียบร้อยแล้วนะคะ” จบมื้ออาหารฉันเอ่ยถึงเรื่องจริงจัง
“ถ้าผมทำตามฝันสำเร็จพี่ฬิจะดีใจด้วยไหมครับ”
“ดีใจสิครับ น้องดริฟของพี่ฬิทำตามฝันสำเร็จทำไมพี่จะไม่ดีใจ”
“ถ้าผมไปอยู่ที่นู่น สัญญาของเราจบลง เราจะคุยกันได้ไหมครับ ผมขอติดต่อพี่ฬิได้ไหม”
“…” ไม่หรอก ไม่ได้ เด็กหลายคนถ้าหมดสัญญาแล้ว ก็เลิกแล้วต่อกัน เป็นคนแปลกหน้าที่เคยคุ้น ถ้าเจอก็อย่าทัก ตามกฎที่ฉันตั้งเอาไว้แต่แรก ที่ผ่านมาก็มีเด็กหลายคนเข้าใจ แต่บางคนก็ไม่เข้าใจ ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจเมื่อก่อนเข้าถึงตัวฉันบ่อย ๆ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีนะ สงสัยคนที่เหลือจะคุยง่าย
“ตอนนี้ผมรู้ดีว่าผมไม่คู่ควรกับพี่ฬิ แต่หนึ่งปีข้างหน้าเมื่อผมเรียนจบ พี่ฬิให้โอกาสผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่งได้ไหมครับ ผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่เด็กคนหนึ่งของพี่ฬิ” น้องดริฟก้มหน้าเวลาพูด เขาเป็นแบบนี้ ชอบไม่มั่นใจในตัวเอง
ฉันลุกจากเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เดินมานั่งตักของน้องดริฟ มือแตะปลายคางของน้องให้เงยขึ้น มืออีกข้างคล้องคอน้องดริฟไว้
“น้องดริฟครับ น้องดริฟน่ารักกับพี่ฬิมาก ๆ เลยนะ เอาเป็นว่าสองเดือนแรกที่น้องดริฟไปอยู่ต่างที่ พี่จะโทรถามไถ่บ่อย ๆ น้า นี่พี่ให้สิทธิพิเศษแบบนี้แค่น้องดริฟคนเดียวเลยนะครับ” พูดจบฉันยิ้มหวานก่อนจะโน้มใบหน้า กดริมฝีปากประกบกับริมฝีปากของน้องดริฟ
ปากนุ่มเป็นบ้าเลย
“ขอบคุณครับ” สีหน้าของน้องดริฟดีขึ้นมาหน่อย ทว่าฉันเดาได้ว่าน้องคงอยากพูดอะไรที่มันเกินกฎที่ฉันตั้งไว้ คำต้องห้ามที่ไม่ควรพูด
“ครับ งั้นพี่กลับนะเด็กดี”
“ผมอยากนอนกอดพี่ฬิครับ อยู่กับผมอีกสักนิดได้ไหม”
“อืม ได้สิครับ พี่เริ่มง่วงนิด ๆ แล้ว” ก็ชอบอ้อนแบบนี้ไง ฉันถึงใจอ่อนให้บ่อย ๆ ชอบทำหน้าน่ารัก หมดสัญญากันแล้วคงต้องหาคนที่ทำอาหารเก่ง ๆ คนใหม่มาคอยอ้อนคอยป้อนแล้วสิ
อืม ต่อไปใครดีนะ