หายโกรธ

1941 คำ
08 ‘หายโกรธ…’ และในที่สุดก็เป็นฉันเองที่ทนไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายโทรหามันหลังจากเลิกคลาสวิชาสุดท้ายของวัน! แต่พอโทรหาสักสี่ห้าสายแล้วอีกคนไม่ยอมรับจึงเดินลัดเลาะมาตึกวิศวะเพื่อมาดักรอ แม้ในใจยังคงย้อนแย้งแต่พอตกตะกอนความคิดได้แล้วฉันจึงเข้าใจว่าที่มันโกรธขนาดนั้นคงเพราะเป็นห่วงนั่นแหละ เป็นฉันก็คงโกรธเหมือนกันถ้าเพื่อนเอาแต่เมินและทำตัวงี่เง่าแบบนี้ หัวใจฉันมันอ่อนด๋อยฉันรู้ดี แต่ให้ทำยังไงได้ในเมื่อ… “ไจ๋”ฉันเรียกชื่ออย่างคุ้นเคยเมื่อเดินเข้ามาใต้ตึกวิศวะแล้วเห็นแก็งค์เพื่อนสนิทเหนือนั่งจับกลุ่มกันอยู่พอดี ไจ๋’เป็นหน่ึงในเพื่อนสนิทของเหนือ และเป็นดีกรีรองเดือนปีเดียวกันนั่นแหละ ด้วยความที่เขามีส่วนสูงมากกว่าร้อยแปดสิบเซนฯหน้าตี๋ตาเฉี่ยวคม ผิวขาวจัดตามแบบฉบับลูกคนจีน จึงเป็นที่หมายปองของผู้หญิงหลายคน “อ้าว! หวัดดีมิรา”เจ้าตัวและคนอื่นๆหันมองตามเสียงเรียกของฉันก่อนจะเอ่ยและพยักหน้าทักทาย “มาหาไอ้เหนือเหรอ”ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไรไจ๋ก็ถามแทรกขึ้นก่อนอย่างรู้ทัน “อือ”ฉันตอบรับแค่นั้นพลางมองไปรอบๆบริเวณเพื่อสอดส่องสายตาหาไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ฉันถ่อมาถึงนี่ “ไปทำอะไรให้มันหงุดหงิดอีกล่ะถึงได้ตามมาหามันถึงถิ่นแบบนี้” แดน ‘ รองเฮดว้ากมหาลัยฯที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับฉันเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่ไอ้ใบหน้าตึงๆนั่นเหมือนจะหาเรื่องมากกว่าถาม “ทะเลาะกันเหรอ…” อาโป’ เจ้าของใบหน้าคม นัยน์ตาสวยเจ้าของฉายาอาตี๋ฮอตเนิร์ดขยับแว่นสายตาที่สวมอยู่ก่อนจะอ้าปากถามอีกคน “จะไปทะเลาะอะไรได้เล่าา”ฉันว่าเสียงสูงก่อนจะรุดนั่งบนโต๊ะยาวข้างๆอาโปซึ่งยังเหลือพื้นที่ว่างอยู่ “เหรอ?”แต่แดนกลับมีท่าทีเหมือนไม่อยากจะเชื่อ นี่ก็ขยันจับผิดซะเหลือเกิน หน้าอย่างฉันมีปัญญาทะเลาะกับเหนือหรือไง อย่างมากก็นอยด์เองแล้วก็หายเอง เหอะ! คิดแล้วก็สงสารตัวเอง “อือ…” “โน่นไง โผล่หัวมาโน่นล่ะ”ไจ๋พยักเพยิดไปทางด้านหลังของฉัน แต่ยังไม่ทันได้หันกลับไปมองตามกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆก็ลอยมาติดปลายจมูกจึงรู้ว่าเหนือคงเดินเข้ามาใกล้ทุกที “แม่มึงมาหา”ฉันแยกเขี้ยวใส่แดนอย่างที่ชอบทำเวลามันพูดกวนตีน “โทรหาทำไมไม่รับสาย”ฉันปรับอารมณ์ก่อนจะหันหน้ากลับมามองร่างสูงที่ยืนค้ำหัวฉันอยู่ แต่แล้วก็แทบอยากดูดกลืนคำพูดกลับมาตอนที่ใบหน้าบึ้งตึงเหลือบสายตามามองหน้าฉันเล็กน้อย “ไม่ว่าง”ถึงจะพูดกับฉันแต่สายตากลับมองไปทางอื่น นี่มันเอาคืนฉันที่เมินมันเหรอ?! เจ้าคิดเจ้าแค้นไปไหนเนี่ย! “ปากยื่นขนาดนี้ดูไม่ออกเลยมั้ง”ไจ๋พึมพำในลำคอก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอย่างไม่ได้สนใจเมื่อสายตาเรียวของเหนือตวัดไปมอง “ไปส่งหน่อยดิ ยัยนัดตี้มีเรียนวิชาสายอ่ะ”ฉันโกหกหน้าตาเฉยทั้งที่ความจริงฉันเป็นคนบอกให้ยัยนัดตี้กลับไปก่อนเอง “อืม เดี๋ยวไปส่ง”ใบหน้าใสหันมองฉันด้วยดวงตาวูบไหวเล็กน้อยแต่เพียงไม่กี่วิก็กลับมาเป็นปกติแล้วถึงอ้าปากรับคำ พอเห็นว่ามันยังดูเคืองฉันกับเรื่องเมื่อตอนกลางวันอยู่เลยอยากจะง้อสักหน่อยเพราะไม่ชอบบรรยากาศที่มันตึงใส่สักเท่าไหร่ “หายโกรธ…” “เหนือคะ!”แต่ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยคเสียงใสคุ้นหูก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน พอมองตามถึงเห็นว่ายัยเบลที่อยู่ในชุดนิสิตทรงเอรัดรูปอวดหุ่นสวยกำลังเดินตรงเข้ามา จังหวะดีซะเหลือเกิน “ครับ” “พอดีเมื่อวานหนือลืมเสื้อช็อปไว้ เบลเลย…”ร่างสวยกอดแขนเหนืออย่างแสดงความเป็นเจ้าของส่วนมืออีกข้างก็ถือช็อปอย่างที่เธอว่าจริงๆ… “เลยเอามาคืนค่ะ” “…”ฉันละสายตาจากสองคนนั้นก่อนจะหันกลับมามองขนมเยลลี่หมีขนมโปรดมันในมือตัวเอง อุตส่าห์กลับออกไปซื้อถึงเซเว่นหน้ามอแล้วกลับเข้ามาใหม่เพื่อขอโทษมันแท้ๆแต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรล่ะ อยากจะโยนทิ้งลงถังขยะไปเลยจริงๆ “ร้ายนะมึง” “ขอบคุณครับ”ฉันคว่ำปากลงเหมือนเด็กๆในทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานละมุนนั้นที่ฉันไม่เคยได้ฟังจากปากของเหนือเลยสักครั้ง เห้อะ “อุ้ย!มิรามาทำอะไรที่นี่เหรอ”ฉันตัวเล็กเหมือนฝุ่นไรหรือไงถึงเพิ่งมองเห็นอ่ะ “มาหาเหนือสินะ”จ้ะ “อือ”ฉันตอบยัยเบลแค่นั้นพลางยัดซองเยลลี่หมีลงบนมือหนาก่อนจะรุดขึ้นจากโต๊ะอย่างไม่ได้ใส่ใจ “เดี๋ยวแวะกลับตึกแปป”ฉันบอกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมยืมหนังสือที่จะต้องใช้พิมพ์ฟ้องมา แต่ความจริงฉันแค่อยากหนีออกไปจากตรงนี้ต่างหาก “ถ้าเสร็จก่อนก็มารอใต้ตึก ฉันมีประชุมคณะ” อืม” “…”พอเหลือบมองยัยเบลก็เห็นว่ายัยนั่นเบ้หน้าอย่างไม่พอใจอยู่ ฉันจึงกรอกตามองบนอย่างรำคาญ “งั้นเบลกลับก่อนนะคะเหนือ”เสียงหวานบอกด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแต่ก็ต้องหน้าถอดสีเมื่อคนที่เธออยากจะให้รั้งดันรับคำสั้นๆ “ครับ”พอเห็นว่าฉันมองเธออยู่ ยัยนั่นจึงรีบสะบัดตัวเดินหนีหายไป ฉันยอมรับนะว่าเรื่องเมื่อคืนทำให้ฉันแอบนอยด์และรู้สึกแย่มากเหมือนกัน แต่พอมาคิดๆดูแล้วตั้งแต่ฉันอยู่ข้างไอ้เหนือในฐานะเพื่อนมาตลอดสามปีมันไม่ใช่คนที่จะนินทาใครลับหลัง ยิ่งกับฉันที่สนิทกันมานานแล้วด้วยมันไม่มีทางพูดแบบนั้นแน่ อีกอย่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมามันยังทรีทและดูแลฉันดีเหมือนเพื่อนที่สนิทกันมานานโข พอคิดว่าถ้ามันโกรธจนจะเลิกเป็นเพื่อนกับฉันไปจริงๆ ฉันคงเสียใจมากกว่าการที่มันคบกับใครซะอีกเลยยอมเป็นฝ่ายมาขอโทษมันเอง “เอามายืม ยุงกัดขา”ฉันรีบแย่งเสื้อช็อปในมือไอ้เหนือมาอย่างไม่ได้รอคำอนุญาต “…” “เบลทำขวดน้ำหอมหลุดมือแตกแล้วยืมเสื้อแกไปเช็ดป้ะ เหม็น”ฉันว่าแล้วคว่ำปากเมื่อรับมาถือเองแล้วกลิ่นหอมจนฉุนลอยเตะจมูก เทสไม่ดีเอาซะเลย กลิ่นฉุนขนาดนี้ใครจะไปดม “ไหนบอกจะไปตึก”ฉันจิ๊ปากเมื่อเงยหน้ามองร่างสูงซึ่งยืนกอดอกมองฉันอยู่ก่อนอย่างเดาอารมณ์ไม่ออก “ไล่เชียว ทีเมื่อกี้นะ…” Rrrrrrr~ ‘ประธานชั้นปี’ แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน เมื่อเห็นว่าเป็นบอสเลยรีบกดรับ “ว่าไงบอส”ฉันละความสนใจจากเหนือแล้วเดินสับขาปลีกตัวออกมา “(มิรากลับยัง)” “ยังๆเรากำลังเดินไปคณะพอดี…ว๊ายยย!”ฉันร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆก็มีมือล่องหนคว้าแขนฉันไว้อย่างไม่ทันตั้งตัวจนทำให้ร่างเซถลาถอยหลัง “…”พอเห็นใบหน้าเจ้าของมือที่กระชากแขนฉันแน่ชัดก็ทำเอาเผลอขมวดคิ้ว มันเดินตามฉันออกมาทำไมเนี่ย? “(เป็นอะไรหรือเปล่า มิรา)” “เรา…ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย!”ฉันอ้าปากโวยไอ้เหนือในทันทีเมื่อมันถือวิสาสะแย่งโทรศัพท์ฉันไปกดตัดสายบอสทิ้งอย่างไม่ได้รับอนุญาต “…”อะไรของมันกัน “เอาคืนมา ฉันคุยธุระอยู่นะเว้ย”ฉันแบมือไปตรงหน้าเพื่อขอคืนเมื่อมันยังกำโทรศัพท์ฉันไว้แน่น “เล่นอะไรของแกวะเหนือ”พอเห็นไอ้เหนือยังยืนเฉยฉันจึงตั้งท่าจะแย่งคืนแต่เจ้าตัวก็ยกแขนขึ้นจนสุดเสียก่อน ”ไอ้เหนือ”ฉันเรียกมันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลังจากที่พยายามเขย่งเท้าแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะส่วนสูงมันกับฉันต่างกันเหลือเกิน ยืนเฉยๆมันยังสูงกว่าฉันไปเกือบยี่สิบเซนฯแล้ว ไม่ต้องลงทุนยกแขนให้เมื่อยหรอก! “เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”แค่จะเดินไปเป็นเพื่อนมันต้องทำตัวเสียมารยาทแบบนี้เลยหรือไง “ไม่ต้อง”ร่างสูงไม่ได้สนใจคำทัดทานแถมยังก้าวขาเดินนำฉันไปยังฝั่งตึกนิติฯโดยที่ไม่ได้หันกลับมาสนใจเลยว่าตอนนี้ฉันอยากจะฟาดงวงฟาดงาใส่มันแค่ไหน “ไหนบอกว่ามีประชุมคณะ?”ฉันถามเมื่อเดินเข้ามาใต้ตึกลานคันชั่ง “ไม่รีบ”พอเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเริ่มไม่สบอารมณ์ฉันจึงไม่เซ้าซี้อะไรต่อ เดี๋ยวไปกระตุกต่อมจนโมโหอีกฉันคงโดนมันงอนไปถึงปีหน้าแม้แต่ขนมเยลลี่หมีก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ”รอนี่ไม่ต้องตามมา”หันไปบอกคนข้างๆเมื่อเดินมาถึงทางแยกไปฝั่งห้องสมุด “อืม”มันรับคำอย่างว่าง่ายพลางเดินไปนั่งแหมะลงบนเก้าอี้ที่วางเรียงรายอยู่ใต้ลาน ด้วยความที่เหนือเป็นคนที่จัดว่าหน้าตาดีมากๆ ทั้งยังเคยเป็นเดือนมหาวิทยาลัยมาก่อน ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่จะดึงดูดสายตาของใครหลายคนได้แม้แต่ผู้ชายด้วยกัน ก็เกิดมามีองค์ประกอบเพอร์เฟคขนาดนั้น ส่วนสูงเกินกว่ามารตรฐาน ผิวขาวจัด กลุ่มผมดกดำ คิ้วหนา ปากหยักได้รูปรับกับสันจมูกโด่งสวยโกงกว่านั้นคือมีรอยลักยิ้มบุ๋มข้างแก้ม แถมยังเพิ่มความน่ามองมากขึ้นไปอีกกับสร้อยคอและกำไลข้อมือสีเงิน ไหนจะต่างหูห่วงเล็กๆทั้งสองข้าง ใครเห็นไม่มองก็ให้มันรู้ไปสิ ขนาดฉันที่เห็นหน้ามันแทบทุกวันยังอดชมไม่ได้เลย “แกเห็นพี่เหนือนั่งอยู่ลานคันชั่งไหม หล่อกระชากใจมาก”ฉันชะงักมือค้างเมื่อได้ยินเสียงน้องในคณะยืนอยู่ช่องชั้นหนังสือข้างหน้ากระซิบกระซาบพูดถึงไอ้เหนือ “หล่อจริงแก แต่ได้ยินคนลือๆกันว่ามีแฟนแล้วนิ ชื่อเบลมั้ยนะ” “ไม่ใช่ย่ะ พี่เหนือคบกับรุ่นพี่คณะเราเหอะ” “มั่วแล้วแก พี่มิราเป็นเพื่อนสนิทพี่เหนือ” “เหรอ แต่ทำไมพี่เหนือทรีทพี่เค้าดีจังเลยอ่ะ อิจฉา” “จริง มีเพื่อนแบบพี่เหนือนะคือที่สุดของความโชคดี” “ได้เห็นหน้าหล่อๆทุกวันคงฟินมากเลยอ่ะ” “นั่นสิ เฮ้อ~” “…” ไม่ยักรู้ว่านอกจากบอสก็ยังมีคนคิดว่าฉันกับเหนือคบกันอยู่ด้วย ไม่ปฏิเสธหรอกว่ารู้สึกดีที่ได้ยินแบบนั้น แต่ทำไมตอนนี้ฉันถึงรู้สึกว่าการได้เป็นเพื่อนกับมันมันดีกว่านะ เป็นเพื่อนแบบที่ไม่ต้องมานั่งหวงอยู่แบบนี้ …คงจะดีต่อหัวใจฉันมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่า?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม