9
‘หัวใจไม่รักดี’
“ไปเดินนัดมอหอในกันไหม”ร่างสูงเอ่ยถามด้วยใบหน้าติดเหนื่อยเมื่อฉันเดินหอบหนังสือพะรุงพะรังลงมาใต้ตึกพอดีหลังจากที่เลิกคลาสวิชาว่าความ
“เอาดิ ไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน”
“เค”มันรับคำแค่นั้นก็เดินมาแย่งหนังสือในมือฉันไปถือแล้วก้าวขายาวๆเดินนำออกไป
“พรุ่งนี้ฉันมีประชุมสโมกลับกับนัดตี้ได้เปล่า”อีกแล้ว มันลืมอีกแล้ว
“ฉันก็มีประชุม”ฉันว่าพลางคาดเบลท์เมื่อเราสองคนเข้ามาในรถหรู
“ประชุมอะไร”ไอ้สายตาที่พร้อมจะเหวี่ยงนั่นคืออะไรเอ่ย “ค่ายสัณจร?”
“กับสโมนี่แหละค่ะะะ”อยากรู้จริงๆว่ามีปัญหาอะไรกับการไปค่ายสัณจรของฉันนัก
“อ่อ ลืม”คิ้วที่ผูกเป็นปมเมื่อกี้คลายลงก่อนจะพยักหน้ารับพอดีกับตัวรถซึ่งเลี้ยวเข้ามาหอใน
อะไรของมัน
บรื๊นนนนน~
“คิดถึงบรรยากาศอ่ะ ไม่ได้เข้ามานานเลย”ฉันว่าพลางอ้าแขนรับลมที่พัดมาอ่อนๆเมื่อโดดลงจากรถ น่าจะเทอมหนึ่งได้เลยมั้งที่ฉันไม่ได้เข้ามาหอใน
‘ตลาดนัดหอใน’ที่เด็กมหาวิทยาลัยอุบลฯเรียกกันเป็นตลาดนัดเล็กๆ มีพ่อค้าแม่ขายเข้ามาตั้งแผงขายของหน้าโรงอาหารหอใน พวกข้าวของที่นำมาขายก็คล้ายกับตลาดนัดทั่วไปนั่นแหละแต่ราคาจะค่อนข้างถูกกว่าเพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยทั้งหมด ที่แห่งนี้จึงเป็นศูนย์รวมช่วงเวลาหัวค่ำของเด็กๆหอในกัน
“คิดถึงกลิ่นแบบนี้อ่ะ แกจำได้ป้ะตอนปีสองฉันชวนแกมากินข้าวหอในบ่อยๆ”พอได้กลิ่นบรรยากาศฉันก็เริ่มลำลึกความหลังขึ้นมา
“อืม ตอนปีสองฉันถ่อมาที่นี่ทุกวันเพราะแกล่อว่าขาหมูทอดโรงอาหารหอในอร่อย”ประโยคข้อเท็จจริงจากคนที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างกายทำเอาฉันเผลอหันกลับมามอง
”ก็มันอร่อยจริงๆ อีกอย่างถ้าไม่อร่อยแกจะมากินซ้ำๆทำไมทุกวัน”ใส่ร้ายสาววัยใสอย่างฉันได้ยังไง แกมันเห็นแก่กินเอง
“ก็จริง”เหนือยักไหล่ก่อนจะเดินนำฉันไปในตลาดที่ตอนนี้คนเริ่มพลุกพล่านแล้วเพราะเป็นเวลาช่วงหัวค่ำพอดี
“อยากกินลูกชิ้นยืน”ฉันพึมพำเมื่อเดินเข้ามาโซนของกินแล้วมีอาหารละลานตาไปหมด
“เอาดิ ร้านที่เราเคยกินน่าจะยังอยู่”เหนือที่เดินเบียดอยู่ข้างๆรับคำ
นึกถึงร้านแรกที่ฉันกับเหนือมากินด้วยกันแล้วใจก็เต้นไม่เป็นส่ำขึ้นมาเลย ครั้งแรกที่ฉันตกหลุมรักมันซ้ำๆและครั้งนับไม่ถ้วนยังตราตรึงอยู่ในใจไม่หาย
ลองนึกภาพตามว่าจะมีคนหล่อหน้าตาดีฐานะร่ำรวยไวบ์คุณหนูสักกี่คน กล้ามายืนจ้วงลูกชิ้นหน้าร้านรถเข็นด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยอย่างมัน แต่ไอ้เหนือมันกลับไม่อิดออดหรือเขินอายเลยสักนิดตอนฉันชวนมันมา นั่นจึงทำให้ฉันมั่นใจกว่าเดิมว่าชอบไม่ผิดคนแน่
“หวัดดีคับ”ทันทีที่แทรกตัวเข้ามาร้านประจำจนสำเร็จ เหนือก็ทักทายลุงอ้วนเจ้าของร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามประสา
“อ้าว ไม่เห็นหน้านานเลยลูก”ลุงอ้วนท่าทางใจดีผูกผ้าขาวบนหัวเอ่ยทักทายเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเห็นพวกฉันสองคน
ยังดีที่พอมีที่ให้ยืนอยู่บ้างฉันกับไอ้เหนือเลยไม่ต้องเบียดใครมาก
“ไม่ค่อยว่างเลยครับ งานเยอะมากเลยลุง”
“เรียนหนักเลยสิตาหนู แต่ว่าหล่อขึ้นนะเราเมื่อก่อนยังน่ารักอยู่เลย”
“แหะ ครับ”
ฉันปล่อยให้มันคุยกับลุงอ้วนเจ้าของร้านไปเพลินๆส่วนฉันเองเริ่มหยิบไม้ลูกชิ้นปลาทอดของโปรดจิ้มน้ำจิ้มที่อยู่ในโถเข้าปากเคี้ยว
”อร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะลุง”ฉันว่าก่อนจะหยิบอีกไม้
“ฝีมือลุงไม่เคยตก”ฉันหัวเราะร่าเมื่อลุงอ้วนพูดติดตลก
“ช้าๆ”ไอ้เหนือยกศอกขึ้นมาสะกิดก่อนจะหยิบลูกชิ้นหมูเข้าปากเคี้ยวบ้าง
“อันนี้อร่อยอ่ะ แกชิม”ฉันบอกเมื่อลองหยิบลูกชิ้นหน้าตาแปลกๆเข้าปากเคี้ยวหลังจากที่รูดกินไม้ที่สองหมด
งับ
ตึกตักๆๆๆๆๆๆๆ
“อือ อร่อย”มันยอมรับเมื่อก้มลงมางับลูกชิ้นที่อยู่ในมือฉันโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว
ตึกตักๆๆๆๆๆๆๆ
ที่บอกให้ชิมไม่ได้หมายถึงให้มากินไม้ที่อยู่ในมือโว้ยยย! ของมีตั้งเยอะตั้งเเยะหยิบใหม่ไม่เป็นหรือไง!
ละดูสิว่าคนอื่นที่เขาเห็นอึ้งแค่ไหน แกดู!
“เดี๋ยวมา”ประโยคคำพูดของเหนือดึงสติกลับเข้าหัวฉันจึงหันกลับมาสนใจลูกชิ้นตรงหน้าต่อ
“อือ”พอฉันรับคำมันก็เดินหายเข้าไปในกลุ่มผู้คนซึ่งกำลังสนุกกับการเลือกสรรของกิน
เวร! มันชอบเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยเลย!
พอแอบเหล่มองคนอื่นที่ยืนกินอยู่ก็พบว่ามีสายตาหลายคู่มองมายังฉันอย่างนึกสงสัยซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะฉันเจอแบบนี้บ่อยแต่แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง
ก็จะให้ชินได้ยังไงกันเล่า! ในเมื่อการกระทำของไอ้เหนือมันมีผลต่อหัวใจฉันอ่ะ!
ใครมันจะไปชิน…
“กินช้าๆ ไม่ต้องรีบ”ร่างสูงเดินกลับมาว่าพลางยื่นขวดน้ำเปล่าที่เปิดฝาแล้วให้ฉัน
“อยากกินแตงโมปั่น”ฉันบอกเมื่อรับขวดน้ำเปล่ายกขึ้นดื่มหลายอึกเพราะรู้สึกหนักคอ
“ค่อยเดินไปซื้อ”มันบอกปากขมุบขมิบแล้วจ้วงไม้ลูกชิ้นจิ้มน้ำจิ้มยัดเข้าปากอีกหลายไม้
“อยากกินยำ”เมื่อเหนือจัดการจ่ายเงินค่าลูกชิ้นเสร็จเราสองคนก็เดินแทรกตัวออกมา “อยากกินเกี๊ยวทอดอ่ะ”
“ร้านไหน”
“อยากกินไอติม”
“โน่นไง”
“แก ข้าวโพดอบเนยกลิ่นโชยมาก”ฉันสะกิดเมื่อเราเดินผ่านร้านของกินมากหน้าหลายตาจนฉันเลือกไม่ถูก
“แวะไหมล่ะ”
“อืมๆ”
“เอาแก้วกลางหนึ่งครับ”มันหันไปสั่งเมื่อเราก้าวขาเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านข้าวโพดอบเนย “ล่ะกินให้หมดด้วยนะ”มันว่าเมื่อเห็นฉันมองข้าวโพดอบในหม้อตาละห้อย
“หมดอยู่แล้ว”ทำมาเป็นพูด ต่อให้ฉันกินไม่หมดมันก็ช่วยกินอยู่ดี
“ได้แล้วจ้ะ”
“ขอบคุณครับ”
“อร่อยอ่ะ กลิ่นเนยหอมสุดๆไปเลย”ฉันบอกเมื่อรับแก้วข้าวโพดอบเนยแล้วตักเข้าปาก รสชาติที่ฉันคุ้นเคย “แกชิม”ฉันว่าก่อนจะตักข้าวโพดเพื่อกินอีกคำแล้วถึงจะยื่นแก้วให้มันตักชิมเอง
งับ! แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆก็เกิดอีกครั้ง!
“…”
“อือ อร่อย”ฉันชะงักค้างเมื่อร่างสูงก้มมางับช้อนที่ตักข้าวโพดจนพูดเข้าปากเคี้ยวอย่างหน้าตาเฉย
”ตักกินเองไม่เป็นหรือไง”ฉันบ่นอุบพลางก้าวฉับๆมายังร้านโตเกียว ไอ้นิสัยแบบนี้เมื่อไหร่มันจะเลิกทำสักที รู้นะว่าไม่ได้คิดอะไรแต่มันใจของฉันมันทำงานหนักไง!
“เอาไส้เค็มหนึ่งหวานหนึ่งครับ”ฉันผงะเมื่อกำลังจะอ้าปากสั่งแต่เสียงแทรกของเหนือก็ดังขึ้นก่อนพร้อมร่างที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของฉัน
“จ้า รอแปปหนึ่งนะจ้ะ”
“แค่นี้พอ เดี๋ยวกินอย่างอื่นไม่ได้”มันก้มลงมากระซิบข้างหูฉันเบาๆจนฉันสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากริมฝีปากของอีกคน หัวใจไม่รักดีก็แกว่งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ตายแล้วมิรา ที่บอกว่าจะตัดใจอ่ะแกจะทำได้จริงๆใช่ไหม?
“อะ อือ”ฉันตอบตะกุกตะกักแล้วยืนตัวแข็งทื่อ แม้จะพยายามเก็บอาการมากแค่ไหนมันก็คงยังไม่มากพออยู่ดี
เมื่อก่อนไม่เห็นรู้สึกใจแกว่งแบบนี้เลยอ่ะ ช่วงนี้มันอะไรกันเนี่ยทำไมหัวใจของฉันมันภูมิต้านทานต่ำขนาดนี้กัน?!