‘เลิกชอบ’
Rrrrrrrrr~
Rrrrrrrrrr~
‘ว่าที่แฟน’
ฉันยกหน้าจากหนังสือขึ้นมาเหลือบมองจอโทรศัพท์ที่เปิดสั่นไว้ก่อนจะฟุบหน้าลงตามเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เหนือที่โทรมา
”ไม่รับอ่ะ สั่นมารอบที่สามสิบแล้วนะ”ยัยนัดตี้นั่งพิมพ์งานอยู่ตรงข้ามถามอย่างสงสัยฉันจึงเบะปากแล้วหลับตาลงเพื่อหนีสายตากำลังอยากรู้อยากเห็นของมัน
เรื่องเมื่อคืนยังกวนใจฉันอยู่เลย จะให้มาคุยกับมันตอนนี้คงทำตัวเลิ่กลั่กให้มันรู้แน่
“เฮ้อ~”
ทั้งเรื่องที่ได้ยินยัยเบลพูดทั้งเรื่องที่ฉันเริ่มได้กลิ่นตุๆว่าเหนืออาจจะลงเอยกับยัยนั่นมันทำให้ฉันนอยด์จนหนีมาจัดการความรู้สึกตัวเอง ทุกอย่างในหัวตอนนี้มันตีกันไปหมดเลยเนี่ย
“ทะเลาะอะไรกับเหนือมันอีกล่ะ”แม้ฉันจะไม่ได้พูดอะไรสักกะคำ แต่ยัยนัดตี้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉันดันรู้ทันไปซะหมด
“รู้ได้ไงว่าฉันทะเลาะอะไรกับเหนือมัน”ฉันถามเสียงอู้อี้
“ตั้งแต่คบกันมานอกจากไอ้เหนือแล้วแกเคยทำหน้าเหมือนจะเป็นจะตายเวลามีปัญหากับใครบ้างเหรอ”ก็จริง
“ฮรุก ”
“สรุปเป็นอะไร แกทำเหมือนกำลังหนีมันอยู่ยังไงยังงั้น”คนเป็นเพื่อนออกปากถาม ”หรือจะตัดใจจากมันแล้ว?”นี่ก็เชียร์จัง
“กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าควรตัดใจดีไหม ตั้งสามปีแล้วอ่ะ”ตั้งสามปีที่ฉันชอบมัน แถมยังชอบอยู่คนเดียว และชอบแบบที่ไม่มีความหวังไม่เห็นทางสว่างที่ฉันกับมันจะมาบรรจบกันได้เลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังดึงดันจะชอบ
“ถ้าคิดจะเลิกชอบก็รีบๆ ปีสี่แล้วจะไม่มีแฟนในมหาลัยฯสักคนเลยไม่ได้เปล่าวะ”
“พูดอย่างกับแกมี คนที่ชอบยังไม่มีเลยสักคน”ฉันสวนกลับเมื่อเพื่อนทำตัวเหมือนเป็นปรจารย์ด้านความรักมากมาย
“ฉันเดบิวต์มาเพื่อเป็นโค้ช ไม่ได้เป็นนักเล่นย่ะ”ยัยนัดตี้เถียง
Rrrrrrrrrr~
‘ว่าที่แฟน’
“รับหน่อยไหม เผื่อมันขับรถแหกโค้งแล้วโรงพยาบาลโทรมา”มันเหลือบสายตามองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะบอกเสียงเย้า แต่ฉันก็เลือกจะกดปิดสั่นแทน
ต่อให้มันจะรถแหกโค้งจริงๆพยาบาลก็คงจะโทรไปหาสายสำคัญสายแรกๆอย่างยัยเบลโน่นแหละ จะมาโทรหาฉันทำไม
นึกแล้วใจเจ็บ
“ไม่รับสายเขา แต่มานั่งซึมเศร้าเหมือนหมาโดนยาเบื่อเอง ปวดหัวกับแกจริงๆ”
ติ๊ง!
‘มิราว่างไหม เราอยากคุยเรื่องค่ายสัณจรหน่อย’:ประธานชั้นปี
ฉันคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ตอบบอสก่อนจะลุกจากโต๊ะม้าหินอ่อนเดินเข้ามาซื้อน้ำแตงโมปั่น
“รอนานไหม?”พอย่างกรายกลับมาทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะ เจ้าของใบหน้าตี๋ผู้เดินหอบหนังสือมานั่งแหมะลงข้างๆพอดี
“ไม่นานๆ”ฉันตอบพลางส่ายหน้า
“ฉันไปหาหนังสือในห้องสมุดแปป เดี๋ยวมา”ยัยนัดตี้ส่งยิ้มให้บอสก่อนจะรุดตัวแล้วเดินหนีเข้าฝั่งไปตึกคณะที่อยู่ตรงข้าม
เมื่อเห็นว่าเพื่อนมีท่าทีกุลีกจอจริงๆเลยเข้าใจว่ามันคงรีบไปหาหนังสืออย่างที่ปากว่า
“แล้วบอสมีอะไรจะคุยกับเราเหรอ”ฉันเป็นฝ่ายเอ่ยถามเมื่อดึงสายตากลับมามองคนตัวสูงนั่งอยู่ข้างๆแล้วพบว่าเพื่อนมองหน้าฉันอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะเอาหนังสือที่เราลิสต์ข้อมูลกฎหมายเบื้องต้นมาให้มิราอ่าน”ปากสวยได้รูปพูดเสียงเรียบแต่สายตาคู่นั้นกลับระยิบระยับแปลกๆ
“โหวว ขอบใจมากเลย สมกับเป็นประธานค่าย”ฉันแกล้งละสายตาก่อนจะรับหนังสือจากมือมาเปิดอ่านผ่านๆ
ไอ้สายตาแปลกๆนี่มันอะไรกันละเนี่ย
“เราให้มิราพิเศษกว่าคนอื่นนะ”ประโยคคำพูดของบอสทำเอาเผลอหันหน้ากลับมามอง”เราหมายถึง กรณีพิเศษเพราะปกติสมาชิกในค่ายต้องหาข้อมูลเองครับ”ใบหน้าตี๋รีบพูดต่อ
”อ่อ โอเค”ฉันรับคำแล้วก้มหน้าก้มตาดูหนังสือในมือแม้ในใจจริงๆจะรู้สึกตงิดกับสายตาและท่าทางของบอส
Rrrrrrrrrr~
‘ว่าที่แฟน’
Rrrrrrrrrr~
ฉันกดปิดสั่นอีกครั้งเมื่อมองโทรศัพท์ที่ปรากฏชื่อเบอร์คนโทรเข้าแล้วเป็นเหนือ
กึก
“…”แต่พอเหลือบสายตาขึ้นมองตรงหน้าซึ่งมีร่างสูงยืนอยู่ก็แทบหายใจไม่ออกเมื่อตอนเงยหน้าแล้วสบเข้ากับนัยน์ตาดุดันอย่างคาดโทษนั้น
แม้ใบหน้าจะยังคงนิ่งเฉยแต่แววตากลับฉายความโกรธชัดจนทำให้ฉันอึกอักถึงขั้นสมองประมวลผลเป็นคำพูดไม่ทัน
ให้ตายเถอะ มันมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ทำไมไม่รับสาย”น้ำเสียงเจือความเกรี้ยวกราดทำเอาฉันเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่แต่ก็ยังเลือกที่จะเมินมันอยู่ แม้รู้ดีว่าถ้าทำแบบนี้เหนือมันยิ่งจะโมโหแต่ฉันกลับไม่ได้นึกกลัวอะไร
จะโกรธก็โกรธไปเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก
“คุยธุระกับเพื่อนอยู่”ฉันว่าเสียงเย็นแล้วเหล่มองบอสนิดหน่อยก่อนจะก้มหน้าดูหนังสือต่ออย่างตั้งใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนยังคงนิ่ง
“ธุระของแกมันนานขนาดนั้นเลยเหรอ?”น้ำเสียงของไอ้เหนือมันไม่บ่งบอกเลยว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน แต่กลับกันสายตาที่ส่งมากลับเห็นได้ชัดว่ามันกำลังโมโหอยู่
”อือ แกก็เห็นแล้วนิ”ฉันรับคำสั้นๆแล้วจึงบอก
หมับ!
แต่เหมือนคนตรงหน้าจะไม่ได้สนใจคำตอบนั้นเลยสักนิดแถมยังเลือกที่จะก้าวขาเข้ามาคว้าแขนรั้งให้ฉันลุกจากเก้าอี้แล้วลากออกมาจากบริเวณโรงอาหารท่ามกลางสายตาคนอื่นๆนับสิบ
“อะไรของเเกเนี่ย! ผีเข้าอะไรอีกล่ะ”ฉันโวยทันทีเมื่อมันลากออกมาไกลพ้นรัศมีการได้ยินของคนอื่นพอสมควร
“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนถาม”ไอ้เหนือโวยกลับ ฉันจึงสะบัดแขนออกแล้วยกกอดอกเม้มปากเป็นเส้นตรงเบนหน้าหนีไปทางอื่น
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร เห็นไม่ใช่เหรอว่าคุยธุระเรื่องไปค่ายอยู่”ฉันปรับอารมณ์ก่อนจะพยักเพยิดไปตรงม้าหินอ่อนซึ่งมีบอสนั่งมองมาทางเราสองคน
“แล้วยังไง แกเลยเลือกที่จะเมินฉันเพราะคุยธุระกับมันอยู่น่ะเหรอ”
“ไม่ได้เมิน”ใครอยากจะเมินคนที่ตัวเองชอบกันล่ะ
“ที่ทำอยู่มันเรียกเมิน”พอเห็นว่าเหนือเริ่มหงุดหงิดเพิ่มเข้าไปทุกทีฉันจึงเลือกที่จะเงียบปากลง “ไหนจะเมื่อคืนแกหนีกลับกับมันทั้งที่ฉันบอกแล้วว่าจะไปส่ง”ข้อเท็จจริงจากปากคนตรงหน้าทำให้ฉันคิดข้อแก้ตัวไม่ออก
“…”
“แกคุยกับมันอยู่เหรอ เลิกชอบฉันแล้วหรือไงถึงได้ให้ความสำคัญมากกว่า”ฉันชะงักค้างเมื่อร่างสูงถามออกมาตรงๆ
“เปล่า”ฉันถอนหายใจแล้วตอบเพียงสั้นๆ ขืนให้พูดมากกว่านี้ฉันคงร้องไห้มันตรงนี้แน่
“คำตอบของคำถามไหนวะมิรา!”ฉันสะดุ้งฮวบแล้วเผลอเงยหน้ามองร่างสูงเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้เหนือถึงต้องโมโหขนาดนี้ด้วย
“…แกโกรธอะไรเนี่ย เราไม่ได้ทะเลาะกันอยู่นะเว้ย”ฉันว่าเมื่อดึงสติอยู่ครู่หนึ่ง”เออๆ ขอโทษก็ได้ที่ไม่รับสายแก ขอโทษที่หนีกลับก่อนแต่ฉันมีธุระไง”ฉันยอมอ่อนข้อแล้วเป็นฝ่ายขอโทษก่อนจะหมุนตัวเดินหนีออกมาอย่างไม่รั้งรอ
หมับ!
ทว่าร่างสูงกลับไม่ยอมให้ฉันเดินหนีไปได้เกินสองก้าวด้วยซ้ำ
“ยังเคลียร์ไม่จบ แกจะเดินหนีแบบนี้ไม่ได้”ร่างสูงกดเสียงหนักแล้วตรงเข้ามาคว้าแขนไว้จนฉันหันหน้ากลับมามองตามแรง
“อะไรของแก ก็ขอโทษไปแล้วไง”ฉันพูดอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้มาก่อนว่าการที่ฉันเมินสายโทรศัพท์จะทำให้มันมีอารมณ์จนเลือดขึ้นหน้าขนาดนี้
“ที่ฉันถาม แกยังไม่ตอบ”มันปล่อยแขนฉันแล้วยกมือเสยผมด้านหน้าขึ้นพลางถอนหายใจอย่างข่มอารมณ์
“…แกจะอยากรู้ไปทำไม”คิ้วหนาขมวดเข้าหากันในทันทีเมื่อฉันถามเสียงเบา
จะอยากรู้ไปทำไมว่าฉันเลิกชอบแกไปแล้วหรือยัง อยากรู้ทำไมเหรอเหนือ…
“แค่ตอบมิรา!”เมื่อคำถามนั้นไม่ได้คำตอบร่างสูงจึงเค้น “ได้ ถ้าไม่อยากตอบฉันจะเข้าใจเอาเองว่าแกเลิกชอบฉันไปแล้วและคุยอยู่กับมัน“พอเห็นว่าฉันยังคงไม่ยอมตอบมันจึงตัดบทก่อนจะสะบัดตัวหนีหายไป แม้จะไม่เข้าใจในพฤติกรรมของมันเท่าไหร่นักแต่ฉันก็เลือกที่จะเดินกลับมาที่โต๊ะม้าหินอ่อน
ในหัวตอนนี้มีแต่คำว่าไม่เข้าใจเต็มไปหมด ที่มันโมโหเหตุผลมาจากอะไรกันแน่ฉันยังไม่รู้เลย
“มีอะไรกันหรือเปล่า หน้าดูไม่ดีเลย”บอสถามเมื่อฉันหย่อนตูดนั่งลง
“ไม่มีอะไรหรอก”ฉันตอบพลางส่ายหน้า
แม้อยากจะส่งยิ้มกว้างให้เพื่อนที่แสดงอาการเป็นห่วงมากกว่านี้แต่ฉันกลับทำได้แค่ก้มหน้างุดเพื่อหนีสายตาเท่านั้น
หึ สมเพชตัวเองจัง
…แค่มันแสดงออกว่าโกรธฉันยังเจ็บหัวใจจนแทบยิ้มไม่ออก ถ้าวันหนึ่งมันตัดสินใจคบกับคนอื่นไปจริงๆฉันจะเป็นยังไง มองเห็นสภาพตัวเองลางๆเลย