03
‘น้อยใจ’
“สวัสดิการไปไหนหมด น้องลีดฯเรายังไม่ได้น้ำเลยนะคะ!”เสียงเบลดังมาแต่ไกลฉันที่กำลังจะตักข้าวคำแรกของมื้อเข้าปากก็ต้องชะงักแล้วหันมามองตามเสียง
“เราให้น้องปีสามยกไปไว้ตั้งนานแล้วค่ะ”ฉันวางช้อนที่ยังมีข้าวเหลืออยู่เท่าเดิมบอกก่อนจะลุกจากวงล้อมทานข้าวเดินมาคุยกับเบล เธอชำเลืองตามองน้องๆทีมสวัสดิการที่เพิ่งจะได้นั่งพักทานข้าวเที่ยงในเวลาเกือบห้าโมงเย็นพลางแสดงสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ออกมายิ่งกว่าเก่า
“เราไม่เห็นค่ะ”ตอบแค่นั้นก็ตวัดสายตากลับมามองหน้าฉัน “สวัสดิการนี่ยังไงกัน ทีมอื่นยังไม่ทันได้พักเลยทีมนี้มีเวลาพักทานข้าวเย็นเเล้วเหรอคะ?”
“น้องเราเพิ่งได้พักค่ะ”ฉันบอก “ถ้ายังหาถังน้ำไม่เจอเราจะเดินออกไปดูให้ค่ะ”ฉันยอมอ่อนข้อแล้วพูดเสียงเรียบเมื่อเห็นน้องอาร์มตั้งท่าจะวางช้อนแล้วลุกจากวงล้อม
ขืนยังปล่อยให้ยัยเบลยืนพูดจาไม่น่าฟังอยู่ตรงนี้คงได้มีปัญหาใหญ่ตามมาแน่
“ค่ะ ขอบคุณ”พูดแค่นั้นเธอก็สะบัดบ็อบเดินกลับเข้าไปในหอประชุมอีกครั้ง
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมพี่มิรา”น้องอาร์มถามขึ้นมาเมื่อฉันถอนหายใจอย่างระบายอารมณ์
“ให้อาร์มมันแบกถังน้ำไปเพิ่มเลยก็ดีนะคะพี่มิรา เค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับมาโวยอีก”น้องอายเสนอ ฉันจึงพยักหน้ารับ
น้องในทีมฉันต่างก็รู้ดีว่าพวกลีดฯมักมีปัญหากับทีมสวัสดิการเสมอ ไม่สิ มักมีปัญหากับฉัน จะด้วยเหตุผลอะไรก็ย่อมรู้ดีส่วนน้องๆฉันเองก็ไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะรู้เหตุผลไหมแต่ก็คงจะพอเดาออกนั่นแหละ
“บอกแล้วใช่ไหม! ว่าถ้าพวกคุณทำได้ไม่ดี! ก็ไม่ต้องทำครับ!!”เมื่อฉันกับน้องอาร์มก้าวขาเข้ามาด้านในบริเวณหอประชุมใหญ่ เสียงพี่ระเบียบเชียร์หรือพี่ว้ากก็ดังจ้าระหวั่นไปทั่วทั้งหอประชุมโดยมีน้องๆอยู่ในชุดระเบียบเชียร์ซึ่งเป็นชุดนักศึกษายืนจัดแถวเรียงรายอยู่
การเข้าประชุมเชียร์หรือเชียร์กลางเป็นขนบธรรมเนียมของสภากิจกรรมของมหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นทุกปี จุดประสงค์ของการจัดเชียร์กลางก็เพื่อเป็นการละลายพฤติกรรมให้กับน้องๆปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นการรวมนักศึกษาทุกคณะในมหาวิทยาลัย จะบอกว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนต่างคณะ การเอาตัวรอด ความสามัคคี ความกล้า หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับฉันมันเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อในตอนแรกแต่พอได้ทำจริงๆกลับรู้สึกสนุกดี
หรือเป็นเพราะหลังจบกิจกรรมฉันได้เพื่อนต่างคณะเยอะและได้เจอกับเหนือเลยมองว่ากิจกรรมพวกนี้ก็มีประโยชน์เหมือนกันมั้งไม่แน่ใจ แต่พอได้มาเป็นพี่สตาร์ฟตามพี่รหัสบ้าง การทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยฯจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของฉันไปแล้ว
ซึ่งบางคนอาจจะมองว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องมีแต่ฉันกลับคิดว่าถ้ามีกิจกรรมแบบนี้ก็สนุกดีหรือไม่มีก็ไม่เป็นไรเพราะยังมีอีกหลายกิจกรรมที่สร้างสรรค์กว่าก็ได้
มันแล้วแต่คนจะมองเห็นข้อเสียและมองหาข้อดีแตกต่างกันไปนั่นแหละ
“โอ๊ะ”
ปึก!
ครืดดดดด~
“กรี๊ดดดดด!”ฉันร้องเสียงหลงเพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนไม่ทันสังเกตเห็นน้ำใสๆนองอยู่บนพื้นเลยทำให้เท้าลื่นสไลด์ก้นจ้ำเบ้ากองแผ่หราอยู่อย่างน่าเวทนา “อูยยยย~”ความเจ็บปวดแล่นจี๊ดขึ้นสมองจึงเผลอครางออกมาแล้วลูบตูดป้อยๆก่อนจะถูกใครสักคนจะพยุงให้ลุกขึ้น
กึก
แต่พอมองไปรอบๆบริเวณ จังหวะการหายใจของฉันก็พลันสะดุดเมื่อสายตาหลายพันคู่จ้องมาที่ฉันเป็นตาเดียว ความรู้สึกระบมเพราะก้นกระแทกเมื่อกี้หายวับไปกับตาเนื่องจากตอนนี้อายจนหน้าม้านไปหมดแล้ว ส่วนน้องอาร์มที่ถือถังน้ำยืนอยู่ข้างฉันมากลืนน้ำลายเสียงดังอึกลงคอ
“ฮ่าๆๆๆๆๆพี่เค้าล้ม ฮ่าๆๆๆๆๆๆ “
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “
เกิดเดดแอร์ราวนาทีเสียงของใครสักคนก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงหัวเราะของคนหลายร้อยคนกระทบเข้ากับโสตประสาท
“…”ตอนนี้ฉันทำอะไรแทบไม่ถูกเมื่อแดนรองเฮดว้ากมองฉันเขม็งและเกิดความรู้สึกแย่ขึ้นมาที่อยู่ๆก็กลายเป็นตัวตลกของใครหลายคน
“…”
ขณะที่กลืนน้ำลายลงคอเพราะรู้สึกแสบร้อนบริเวณขอบตาขึ้นมา หางตาดันเหลือบไปเห็นรอยยิ้มแสยะของใครบางคนจนฉันต้องหรี่ตาเพ่งเล็งดีๆ
ให้ตายเถอะ! ยัยเบล!!
‘ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ‘เสียงหัวเราะเยาะยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ฉันสบตาเข้ากับหลายคนที่จ้องมองมาจนรู้สึกประหม่าและอึดอัดใจ ทั้งที่ปกติก็ทำงานร่วมกับคนจำนวนมากมาเยอะพอสมควรแต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้…
ความรู้สึกที่ทำให้ฉันอยากวิ่งออกไปจากตรงนี้เพราะกำลังตกเป็นเป้าสายตามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยสักครั้ง
“ไม่ต้องหัวเราะครับ!!”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจนฉันสะดุ้งโหยงจึงละสายตาเพื่อหันกลับมามองตามเสียงเเละพบว่าเป็นเหนือที่กำลังยืนมือไขว้หลังอยู่บนเวทีสูง
“…”ความเงียบเข้าปกคลุมในทันทีที่สิ้นสุดเสียงกร้าวของเฮดว้ากอย่างไอ้เหนือ
”พี่คุณลื่นล้มเพราะน้ำที่พวกคุณทำหกไว้!!!!”นัยน์ตาประกายที่จ้องมาทางฉันทำให้หัวใจของฉันดันแกว่งขึ้นมานิดๆ
“…”
“แต่พวกคุณกลับหัวเราะเยาะแบบนี้”เหนือละสายตาจากฉันหันกลับไปจ้องหน้าน้องที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าทีละคนเหมือนกับกำลังสะกด หากไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวฉันก็คงกลัวเหนือบ้างเหมือนกัน
“…”
“…พวกคุณใจร้ายมากเลยนะครับ!!!”
“…”ฉันรู้สึกได้ว่าสายตาแทบจะทุกคู่ละสายตาจากฉันแล้วหันกลับไปสนใจเหนือที่ยืนอยู่บนเวทีแทน
“ถ้าการที่พวกผมดูแลพวกคุณแต่พวกคุณกลับไม่เข้าใจในการกระทำของพวกผม! นั่นถือว่าเป็นความผิดของพวกผม!!”ในขณะที่พูดเสียงกร้าวดวงตาคมกริบของเหนือกลับจ้องเข้ามาในดวงตาของฉันอย่างแน่วแน่ แม้ก่อนหน้านี้จะมีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา ฉันกลับมองเห็นใบหน้าอีกคนได้อย่างชัดเจน
“…”
“ผมจะลงโทษพี่ของพวกคุณที่ดูแลคุณได้ไม่ดี!!!”ร่างสูงละสายตาไปจากฉันอีกครั้งก่อนจะจ้องหน้าน้องๆที่ยืนอยู่ด้านล่างราวกับกำลังข่มขวัญอยู่
“ฮือฮ่าฮือฮาๆๆๆ ฮือฮาาฮือฮาา”
“พี่ระเบียบเชียร์!!”
“ วิดพื้น!!!”
“สามร้อยครั้ง!!!!!”สิ้นเสียงกร้าวพี่ระเบียบเชียร์หรือพี่ว้ากที่ยืนอยู่ทั่วทุกสารทิศรวมถึงเหนือจึงนอนราบไปกับพื้นเพื่อตั้งท่าวิดพื้นตามคำสั่งของเฮด
“…”
“ฮือฮาๆๆๆ ฮือฮาาๆๆๆๆๆ”เสียงเซ็งแซ่ดังไปทั่วบริเวณจนฉันต้องดึงสายตากลับมาเมื่อลีดฯซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆหันมามองหน้าฉัน
“ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ”น้องอาร์มผู้ยืนแบกถังน้ำอยู่ข้างฉันเอ่ยเสียงเบา
“ปฏิบัติ!!!!!!!”
“วิดพื้นสามร้อยครั้ง!! ปฏิบัติ!!!!!!!”เสียงพี่ระเบียบเชียร์รับคำพร้อมกับตั้งท่าวิดพื้นจริงจังตามที่เฮดว้ากสั่ง
“…”ฉันกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอเมื่อสายตาของเหล่าสตาร์ฟจับจ้องมายังฉัน ตอนแรกมีแค่กลุ่มลีดฯที่จ้องจะเล่นงานแต่เหมือนตอนนี้พี่ว้ากจะเกลียดฉันไปอีกคนแล้ว
ชีวิตของยัยมิรามันช่าง!!!
“อายไปเอาผ้ามาเช็ดพื้นหน่อย พี่กลัวน้องใหม่จะลื่นซ้ำ”ฉันปรับอารมณ์สักพักจึงหันไปบอกน้องอายผู้วิ่งตามมาทีหลังด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบเมื่อเห็นว่ายังมีหลายจุดที่มีน้ำจมจ่อมอยู่
“ค่ะพี่มิรา”เธอรับคำแล้ววิ่งกลับออกไปอีกครั้ง
“เอาถังน้ำไปวางไว้ให้ลีดฯได้แล้วป่ะ”ฉันสะกิดบอกอาร์มก่อนจะเดินนำมาเพราะไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
“ผมไปเปลี่ยนถังแปปหนึ่ง พี่มิราไม่ต้องเข้ามาหรอก”อาร์มหันมาบอกเมื่อฉันยังลูบก้นป้อยๆตอนที่เดินเข้ามาด้านหลังหน้าห้องพักทีมลีดฯเพื่อเอาน้ำถังมาเปลี่ยน
“อืม ขอบใจมาก”ฉันบอกน้องแล้วยืนรอด้านนอกแทน
“ได้ซีนอีกแล้ว เธอนี่มันจริงๆเลยนะมิรา”หายใจหายคอโล่งได้ไม่นานเสียงเจ้าของร่างที่ผลุบเข้ามาใหม่ก็ทำให้ฉันต้องถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
จะหาเรื่องกันให้ได้เลยใช่ไหม
“ซีนแบบนั้นเธออยากได้เหรอ”ฉันเผลอกรอกตามองบนแล้วค่อยถามเจ้าของใบหน้าสวยที่แต่งแต้มสีสันสวยจัดจ้านตามสไตล์เชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัย
“ไปกันเถอะพี่มิรา”แต่ในขณะที่ยัยเบลกำลังจะอ้าปากต่อล้อต่อเถียงกับฉัน อาร์มก็ผลุบกลับออกมาจากด้านในพอดี ฉันจึงหันมาพยักหน้ารับแต่พลันต้องขมวดคิ้วงงเพราะน้องแบกถังน้ำกลับออกมาตามเดิม
“แบกกลับออกมาทำไม”
“ในนี้มีน้ำเปล่าสองถังแล้วครับ ถ้าเป็นงูก็คงโดนกัดตายกันหมด”บ่นแค่นั้นก็ชำเลืองตามองเบลซึ่งยืนลอยหน้าลอยตาอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร
“อืม”งั้นที่บอกว่าหาถังน้ำไม่เจอก็จงใจแกล้งกันชัดๆน่ะสิ
“โทษทีค่ะ น้องพี่คงมองไม่เห็นจริงๆ”
“ไปกันเถอะ”ฉันสะกิดอาร์มเมื่อเห็นว่าน้องเริ่มไม่สบอารมณ์กับการกระทำแบบเด็กๆของยัยเบลแล้ว “ไปๆ อย่าไปสนใจเลย”ฉันสัมทับแล้วดันหลังน้องเบาๆให้เดินผ่านหน้ายัยเบลไป
”จงใจแกล้งชัดๆเลยว่ะพี่มิรา”เสียงอาร์มบ่นอุบเมื่อเราสองคนเดินกลับออกมาจากหอประชุม “มีปัญหาอะไรกับพี่ขนาดนั้น ผมเห็นหาเรื่องตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วนะ”พอเห็นว่าฉันยังเดินเงียบๆอาร์มจึงหันมาถามย้ำ
“ไม่ชอบขี้หน้ามั้ง ตอนประชุมพี่คงด่าลีดฯไว้เยอะพอวันงานจริงๆเขาเลยเอาคืน”ฉันพูดทีเล่นทีจริง
“พี่เนี่ยนะด่าลีดฯ หน้าแบบนี้ด่าใครเขาเป็นด้วยหรอ”พูดไม่พอยังทำหน้าทำตาโคตรไม่อยากจะเชื่อใส่อีก
เด็กเวรนี่
“อือ จะลองไหมล่ะ”ฉันถามแล้วหยุดเดินยืนจังก้าเท้าเอว
“ผมล้อเล่น”ฉันแอบขำเมื่ออาร์มแกล้งทำตัวหดลงรีบก้าวขาหนีห่างนำฉันไป
“อ่าว ทำไมได้แบกถังน้ำกลับมา”พินที่กำลังทยอยเก็บของถามเมื่อเราสองคนเดินกลับเข้ามาในห้องพักสวัสดิการพร้อมถังน้ำที่ถือออกไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“ก็ตามนั้น ถังน้ำมันก็วางอยู่ในห้องนั่นแหละ”อาร์มตอบแทนเมื่อฉันส่งยิ้มแหยๆให้แทนคำตอบ
“อีกแล้วเหรอ”พินพูดด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ ฉันจึงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องแล้วพบว่าของถูกเก็บใกล้หมดแล้ว
“แยกย้ายกันไปเก็บถุงขยะแล้วเหรอ”ฉันถามเสียงสงสัย
“อือ เมื่อกี้อ่ะ ฉันสั่งเอง”
“เค”ฉันรับคำ ”งั้นใครเสร็จตรงนี้แล้วตามออกมาช่วยล้างแก้วด้วยนะ”ฉันบอกแล้วหมุนตัวเดินออกมาข้างนอกเพื่อมาล้างแก้วน้ำพลาสติกที่ยังคงกองระเนระนาดเต็มกะละมัง นึกถึงตอนที่ต้องเข้าประชุมเฮดสตาร์ฟหลังปล่อยน้องกลับแล้วฉันพลันต้องถอนหายใจออกมา คงโดนรุมสับเละแน่ฉัน
นี่เพิ่งจะวันที่สี่เองยังเหนื่อยอ่อนขนาดนี้ กว่าจะครบเจ็ดวันฉันจะไม่โดนแกล้งสารพัดเหลวเป็นโจ๊กเด็กเลยเหรอ
หลังจากที่ปล่อยน้องปีหนึ่งรวมถึงน้องๆของแต่ละทีมกลับจนหมดแล้ว เฮดสตาร์ฟและตัวแทนในทีมแต่ละฝ่ายต้องอยู่ประชุมเพื่อฟังผลลัพธ์รวมถึงพูดคุยในจุดที่ต้องปรับ ข้อบกพร่องและสิ่งที่ต้องเพิ่มต้องลดเพื่อรันงานวันถัดไปให้ดียิ่งกว่าเดิม ตอนนี้พวกเราจึงต้องมารวมกันที่ตึกกิจกรรมในเวลาเกือบเที่ยงคืน ซึ่งก็เป็นเวลาปกติโดยประมาณของทุกวัน
“วันนี้สวัสดิการบกพร่องหลายอย่างเลยนะคะ”เสียงพราวตำหนิกลางวงประชุมทำให้ฉันที่นั่งมองมือตัวเองอยู่เงยหน้าขึ้นมองเธอ “เห็นมีน้องมาบอกเราด้วยว่าทีมสวัสดิการได้ทานข้าวเย็นก่อนน้องใหม่ แบบนี้ใช้ไม่ได้นะคะ”
“คงเข้าใจผิดกันมั้งคะ”ฉันถอนหายใจระบายความรู้สึกครุกรุ่นก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เข้าใจผิดยังไงเหรอคะ ตอนที่เราเดินเข้าไปบอกให้สวัสดิการเอาน้ำมาให้ทีมลีดฯเราก็เห็นว่าล้อมวงทานข้าวกันอยู่จริงๆ”ฉันผินหน้าไปมองเบลที่สำทับขึ้นมาด้วยท่าทางมั่นใจ แต่สีหน้ากลับแตกต่างจากตอนนั้นลิบลับเพราะเหมือนเธอกำลังพยายามทำให้ฉันดูแย่ในสายตาของคนในนี้อยู่ยังไงยังงั้น
“เรื่องถังน้ำเปล่ามันเป็นเรื่องพื้นฐานที่สวัสดิการจะต้องจัดเตรียมไว้ให้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ยังต้องไปตามอยู่อีกเหรอ”ยัยลูกเกดเสริมอีกคน
“เบรคเย็นขนมน้องเราได้ไม่พอด้วยค่ะ”
“สวัสดิการอุบอิบเอาไปทานเองหรือเปล่าคะ ไร้ความรับผิดชอบจัง”ฉันที่ยังคงกัดริมฝีปากเงียบเพื่อทำอารมณ์ให้นิ่งมากที่สุด
“ไหนจะซีนนั้นอีก เด่นสมใจอยากเลยนะคะฮ่าๆๆๆๆ”
“พราวครับ”เสียงปรามของบอสดังแทรกจึงทำให้พราวยอมเงียบลง
“แต่ก็เด่นสมใจจริงๆนะคะฮ่าๆๆๆๆ ทีมตัวเองพลาดที่ไม่ออกมาดูแลความสะอาดเอง”แต่แล้วประโยคคำพูดของยัยลูกเกดก็ทำให้ความอดทนของฉันหมดลงดื้อๆ
“ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะคะว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด สวัสดิการไม่เคยทานข้าวก่อนน้องใหม่หรือทีมอื่น“
“…”
“แล้วที่เราไปเห็นมิรากับทีมทานข้าวกันอยู่มันหมายความว่าไงเหรอคะ ยังจะโกหกอีกเหรอว่าไม่ได้ทานข้าวกัน”ฉันตวัดสายตาไปมองเบลทันทีที่เธอยังดึงดันจะหาเรื่อง
“เรื่องทานข้าว เราและทีมทานจริง”
“ก็นั่นไง”
“แต่นั่นเป็นข้าวเที่ยงค่ะ เพราะต้องคอยดูแลน้องใหม่และสตาร์ฟทุกฝ่ายให้แล้วเสร็จเสียก่อน ฉะนั้นแล้วพวกเราจะทานข้าวพร้อมทีมอื่นไม่ได้ เลยต้องทานทีหลังพวกคุณเกือบสามสี่ชั่วโมงโดยปกติ”ฉันบอกเสียงแข็งแล้วจ้องหน้ายัยพราวและยัยเบลสลับกัน
“…”
“และวันนี้น้องในทีมเราทานข้าวเที่ยงตอนห้าโมงเย็นเพราะเนื่องจากสวัสดิการมาน้อยกว่าสามวันแรก แถมเบรคที่แจกจ่ายให้ทีมอื่นเรายังต้องหยิบของทีมเราให้แทนเพราะร้านทำไม่พอตามบรีพ”
“…”
“แบบนี้จะบอกว่าทีมเราไม่มีความรับผิดชอบได้หรอคะ”เพราะเสียงของฉันเริ่มสั่นเครือฉันจึงถอนหายใจเพื่อจับอารมณ์ตัวเอง
ขืนยังพูดเรื่อยๆแบบนี้ฉันจะไม่ปล่อยโฮกลางวงประชุมเหรอ
“สรุปก็เป็นตัวเองที่ทำงานพลาดอยู่ดี”เสียงแทรกของเบลทำให้ฉันตวัดสายตามองเธอ “ถ้ารู้ว่าร้านทำไม่พอตามบรีพทำไมไม่สั่งร้านอื่นเพิ่มละคะ จะมาทวงบุญคุณเพราะทีมตัวเองทำงานพลาดได้เหรอคะเฮดสวัสดิการ?”
“เราสั่งข้าวเป็นพันๆกล่องของเบรคเป็นพันๆชุดนะคะ ถ้าร้านโทรให้ไปรับของก่อนเริ่มงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงเราไม่สามารถสั่งร้านอื่นให้ทันได้หรอกค่ะ”
“อ๋อ แบบนี้ก็เท่ากับว่าทำงานบกพร่องจริงๆใช่ไหมคะ”พราวสัมทับ
“ถ้าตัดสินใจแบบนั้นไปแล้ว ก็ได้ค่ะ”ฉันยอมรับอย่างง่ายดายเพราะรู้สึกแสบร้อนบริเวณขอบตาขึ้นมา
“หึ”
“เรายอมรับได้ค่ะว่าวันนี้เราทำงานบกพร่องจริง”ฉันพูดแล้วเว้นวรรค”งั้นต่อไปเราขอรบกวนทีมลีดฯด้วยเช่นกันนะคะ ถ้ายังหาไม่ทั่วทั้งบริเวณห้องก็ไม่ควรไปโวยว่าน้องเราทำงานบกพร่อง”ฉันบอกแล้วจ้องหน้าเบลกลับอย่างไม่ยอม แต่แล้วประโยคของเบลก็ทำให้ฉันเผลอกรอกตามองบน
“เราขอโทษไปแล้วไงคะมิรา”เธอก้มหน้างุดทันทีก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ถ้าการที่เราไม่เห็นถังน้ำวางอยู่ในห้องแล้วไปขอให้ทีมสวัสดิการยกถังใหม่มาให้เพราะเป็นห่วงกลัวว่าน้องในทีมเราจะกระหายน้ำเราต้องขอโทษด้วยค่ะ เราไม่คิดว่าการที่เราไปขอให้ทีมสวัสดิการยกถังน้ำมาให้จะทำให้พวกน้องๆของเธอเหนื่อยขนาดนั้น”เธอนิ่งไปครู่ราวกับว่าสะเทือนใจมาก”เราขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเบล มันป็นหน้าที่ของทีมสวัสดิการอยู่แล้ว”ดีนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะปลอบเบลอย่างเห็นใจ
“หรือมิราโกรธที่เราเรียกมิราออกมาแล้วเกิดลื่นล้ม”ฉันขมวดคิ้วทันทีที่เธอโยงเข้ากับเรื่องนี้ “เราขอโทษมิราก็ได้นะ คงเป็นเพราะเราเองนั่นแหละที่ทำให้มิราลื่นน้ำจนเป็นตัวตลกในสายตาน้องๆนับพันคน เราขอโทษจริงๆนะมิรา ถ้าเราไม่เรียกให้ทีมสวัสดิการยกถังน้ำมาให้มันคงไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น”
“หึ”ฉันเผลอหัวเราะในลำคอก่อนจะกรอกตาเพื่อระงับอารมณ์ พอหันหน้ามองยัยเบลอีกรอบก็พบว่าใบหน้าของเธอขึ้นริ้วสีราวกับกำลังพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองร้องไห้เพราะสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉันอยู่
“เราขอโทษนะคะมิรา ฮึก”เบลก้มหน้างุดแล้วบอกฉันอีกครั้งก่อนจะมีน้ำใสๆไหลลงอาบแก้มเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา
การละคร
“พรุ่งนี้เราจะสั่งเบรคมาให้ครบนะคะ ส่วนเรื่องทานข้าวก่อนเราคงปรับไม่ได้เพราะไม่เคยทานก่อนสักครั้ง”ฉันเมินเสียงเบลแล้วหันไปสรุปกับเพื่อนคนอื่นแทน
“ครับ ขอบคุณที่ชี้แจงและขอโทษที่ทำให้ทีมสวัสดิการต้องเหนื่อยกว่าทีมอื่น”บอสยิ้มรับบางๆพลางมองหน้าฉันเหมือนกับกำลังปลอบว่าไม่เป็นไร ฉันทำดีมากแล้ว
“เพื่อนยอมรับผิดแล้วเมินแบบนี้ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอครับ”แต่หัวใจของฉันก็พลันกระตุกวูบเมื่อคนข้างๆเอ่ยเสียงตำหนิที่ฉันตั้งใจเบนหน้าหนีเบลไปมองบอสแทนการรับคำขอโทษจากเบล
“…”ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วเงียบ
“ถ้าเพื่อนขอโทษแล้ว ไม่รับคำขอโทษแบบนี้มันแย่เกินไปนะครับในเมื่อตัวเองก็มีความผิดพลาดเหมือนกัน”ฉันตวัดสายตากลับมามองหน้าเหนือที่นั่งอยู่ข้างๆ ยิ่งมองเห็นใบหน้าคมซึ่งกำลังส่งสายตาตำหนิมาให้ยิ่งรู้สึกแย่ไปกันใหญ่ จากที่คิดว่าแย่แล้วตอนนี้กลับแย่ยิ่งกว่า พลันจะอ้าปากพูดก็รู้สึกแสบร้อนขึ้นมาบริเวณขอบตาจนต้องแกล้งหันหน้าหนี
“ค่ะ”ฉันรับคำแค่นั้นเพราะรู้สึกจุก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเหนือ ถ้ามิราไม่อยากรับคำขอโทษเราไว้ก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจมิรา”เบลบอกเสียงสั่นเครือ
“ผิดก็ว่าไปตามผิด พลาดก็ว่าไปตามพลาดความผิดตัวเองก็ต้องรับผิดชอบให้ได้”ภายในห้องเกิดเดดแอร์ขึ้นมานานเกือบนาทีแต่สำหรับฉันมันนานเหมือนชั่วโมงเลยล่ะ
“ถ้าเคลียร์จบแล้วเราขอเข้าเรื่องอื่นต่อนะครับ”บอสซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามฉันแทรกขึ้นแล้วมองหน้าเหนือ “ตอนนี้เวลาค่อนข้างดึกพอสมควรต้องข้ามไปเรื่องใหม่แล้วครับ”
“เชิญครับ”ดีนพยักหน้าเห็นด้วยผายมือแล้วบอก
“วันพรุ่งนี้ทีมอธิการบดีจะเข้าร่วมกิจกรรม ให้ทีมไทม์รันเวลาและปิดจบที่ห้าทุ่มนะครับ”พอได้ยินหัวข้อเรื่องใหม่ทุกคนในวงประชุมก็แตกตื่น
“ได้ค่ะ เราจะรีบรันเวลาให้ภายในสองชั่วโมงนี้”ปริมรับคำทันทีอย่างมืออาชีพ
“ส่วนทีมว้าก พรุ่งนี้เบาได้ก็เบานะครับผมกลัวพวกคุณได้เข้าห้องเย็น”ดีนย้ำแล้วเงยหน้ามองเหนือ
“ครับ”
“มีใครจะเพิ่มเติมอะไรอีกไหมครับ”บอสหันไปถามฝ่ายอื่นบ้างแต่พอมองหน้าทุกคนจนครบแล้วกลับไม่มีใครตอบดีนจึงกล่าวสรุปอย่างทุกครั้ง
“ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนัก เจอกันพรุ่งนี้ครับ”เมื่อดีนกล่าวจบเพื่อนๆแต่ละฝ่ายก็ลุกออกจากเก้าอี้ทยอยเดินผลุบออกไปจากห้องทีละคนสองคนเพื่อกลับไปพักผ่อนหลังจากที่ล้ามาทั้งวันลากยาวจนถึงดึกดื่น
“กูอยากด่ามึงชิบหายเลยไอ้สัสเหนือ แม่งเล่นระบมทั้งตัวเลยไอ้ห่า”พอก้าวขาเดินออกจากห้องประชุมมาเสียงแดนก็ลอยเข้าโสตประสาท เมื่อมองหาต้นเสียงถึงเห็นว่าแดนยืนคุยอยู่กับเหนือข้างรถหรูที่จอดอยู่ลานด้านหน้าตึก
“ลงโทษน้องไม่ได้ก็ต้องลงโทษพวกมึงไหมวะ”เหนือพูดเสียงเรียบก่อนจะล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง สีหน้ามันดูไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเหมือนแดนกลับกันริมฝีปากสีชมพูยังยกยิ้มเหมือนอารมณ์ดีมากที่ได้ลงโทษเพื่อนในทีมรวมถึงตัวเองด้วย
“ครับ พ่อประธานว้ากดีเด่นแห่งปี จะช่วย- โอ้ย!”พอสายตาคู่สวยมองมาเห็นฉันที่ยืนอยู่จึงยกเท้าเตะหน้าขาเเดนอย่างจังเหมือนกลัวว่าเพื่อนจะหลุดพูดอะไรออกมา ฉันจึงแกล้งเบนหน้ามองไปทางอื่นแทน
“กลับไปพักเถอะมึงอ่ะ เมียจุดธูปหาละมั้ง”เสียงทุ้มบอกเพื่อนก่อนจะก้าวขาฉับๆทิ้งแดนเดินเข้ามาหาฉันที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“ไอ้เวร!”เสียงแดนดังตามหลังเหนือมาติดๆพอมองผ่านหลังเหนือไปก็เห็นว่ารถของแดนเคลื่อนออกไปแล้ว
“ไปกินข้าวกัน หิว”ร่างสูงหยุดอยู่ตรงหน้าฉันก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติราวกับว่าก่อนหน้านี้ระหว่างมันกับฉันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“…”แต่ฉันก็เลือกที่จะเมิน เพราะยังรู้สึกโกรธที่มันเอาแต่เข้าข้างยัยเบลอยู่
ผู้หญิงของตัวเองแกล้งฉันแท้ๆยังมีหน้าเข้าข้าง เห้อะ!
“พูดด้วยไม่ได้ยินเหรอ”ได้ยิน แต่ไม่อยากจะเสวนาไง!
“ไม่ไป ไม่หิว”ตอบแค่นั้นฉันก็ยกแขนกอดอกเเล้วชะเง้อมองดูลานจอดรถ ว่ายังเหลือรถใครที่ฉันพอจะขอติดไปด้วยได้บ้าง
ขืนโทรให้ยัยนัดตี้มารับเวลานี้ฉันคงโดนมันด่าเละแน่
“ไม่หิวได้ไง ทั้งวันยังไม่ได้กินข้าวเลยไม่ใช่เหรอ”คนตรงหน้าพูดเสียงเขียวเมื่อฉันยังคงเมินอยู่
“อือ แต่ตอนนี้ไม่หิว”ฉันตอบอย่างไม่ใส่ใจ แม้จะทำให้มันหงุดหงิดจนขับรถหนีออกไปฉันก็ไม่สนหรอก เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกแย่มากๆไงล่ะ
“หิวก็บอกหิว แกไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวันจะไม่หิวได้ไงวะ”น้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิดของเหนือทำให้ฉันรู้สึกน้อยใจขึ้นมา ตอนแรกคิดว่าแค่โกรธที่มันเข้าข้างผู้หญิงตัวเองมากกว่า แต่ตอนนี้มันกลับเป็นความน้อยใจที่เข้ามาแทน
เป็นฉันทุกครั้งที่มันเอาแต่ดุด่า เป็นฉันทุกครั้งที่มันชอบใช้น้ำเสียงเหมือนกับกำลังว้ากน้องใส่ เป็นฉันทุกครั้งเลย
“ไปขึ้นรถ”
“ไม่ไป”
“มิรา อย่าให้ต้องพูดซ้ำ”
“จะพูดซ้ำอีกกี่ครั้งฉันก็ไม่ไปกับแก”คนตัวสูงชะงักเท้าไปครู่หนึ่งจึงหันกลับมามองฉันด้วยความหงุดหงิด
“โกรธอะไรวะ ถ้าโกรธ…”
“อ้าว มิรายังไม่กลับเหรอ”เหนือซึ่งเมื่อกี้ชะงักไปนิดหนึ่งปรับอารมณ์ก่อนจะยืนกอดอกมองผ่านหลังฉันไปมองเจ้าของเสียง
“ยัง บอสกำลังจะกลับเหรอ เราขอกลับด้วยดิ”ฉันหันหลังกลับมามองบอสที่ล็อคประตูห้องเสร็จพอดี เขามองหน้าฉันสลับกับเหนือเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ
“ได้ เดี๋ยวเราไปส่ง”
“ไปกินข้าวก่อน แล้วจะไปส่ง”เจ้าของใบหน้าบึ้งตึงที่ยืนอยู่ตรงหน้าขัดเสียงเรียบแต่ตากลับจ้องบอสเขม็งทำให้ฉันประหม่านิดๆ
“มิรายังไม่ได้ทานข้าวเหรอ”บอสถามเมื่อเดินมาหยุดอยู่ข้างๆฉัน
“อือ ก็เกือบจะได้ทานแล้วแหละ”ฉันตอบแล้วยิ้มแหยๆส่งให้พลางปรายตามองเหนือที่ยืนมองฉันอยู่
“งั้นไปทานข้าวหน้ามอก่อนไหม เราเองก็หิวอยู่เหมือนกัน”บอสเสนอเมื่อเห็นว่าอีกคนลูบท้องป้อยๆฉันจึงตกปากรับคำโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่ามีไอ้เพื่อนอย่างเหนือยืนอยู่ด้วย
“เอางั้นก็ได้”บอสผงะไปเล็กน้อยเหมือนประหลาดใจที่ฉันเมินเหนือ
“ไปทานด้วยกันไหมเหนือ ร้านข้าวขาหมูที่เรากับมิราไปชิมวันก่อนรสชาติถูกปากมาก”บอสหันไปชวนเหนือ
“ไปกินกันเลย เราไม่หิวแล้วว่ะ”แม้ปากจะพูดกับบอสแต่สายตาคมกลับจับจ้องมาที่ฉัน บอสพยักหน้ารับแค่นั้นฉันจึงเดินนำออกมาก่อน แต่แล้วสิ่งที่ได้ยินตามหลังก็ทำเอาหัวใจรู้สึกเจ็บขึ้นมา
“เบลเหรอ ถึงหอหรือยังครับ”ทั้งๆที่ฉันแสดงออกชัดว่าฉันโกรธมันเพราะยัยเบลแต่มันยัง…”ครับ เดี๋ยวเหนือไปหา อือ”
“เป็นไรหรือเปล่า เงียบเชียว”เสียงบอสทำให้ฉันได้สติหลังจากที่นั่งรถมาถึงหน้ามอแล้ว “เหนื่อยเหรอ?”พยักหน้ารับอีกคนทันทีถึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
ตอนนี้ความรู้สึกอยากอาหารแทบไม่มีเลย ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอาการเหนื่อยล้าและไม่ได้ทานข้าวทั้งวันหรือเพราะการกระทำของไอ้เหนือวันนี้กันแน่ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ
“เราอยากพักแล้วอ่ะ กลับเลยได้ไหม”ฉันออกปากบอกบอส คนข้างกายหันมามองหน้าฉันอย่างฉงนใจแต่ก็ยอมรับคำ
“ครับ งั้นกลับกันเลยเนาะ”
“อื้อ”พอรับคำจากบอสฉันก็เงียบตลอดทางจนถึงหอ ฉันรู้ดีว่าการที่ทำแบบนี้มันไม่ค่อยน่ารักแต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อตอนนั้นฉันขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้นอกจากบอสคนเดียว
ฉันหวังว่าบอสจะเข้าใจและไม่ถือโทษโกรธฉันนะ