CHAPTER 8
“กูไม่บอก!”
“…”
“เชี้ย!”
ได้ทีพอพูดเสร็จก็ลุกเต็มความสูงกะว่าจะเดินออกมาทันทีโดยการทิ้งประโยคไว้เป็นนัยๆ แบบนั้นรู้เลยว่าพวกมันต้องสานต่อเป็นแน่อีกทั้งยังได้ยินไอ้พวกนั้นสบถกันดังเป็นแถวๆ ใครสนวะแต่ทว่า
“ขอโทษค่ะมาเสียค่าทำลายข้าวของร้านจากเหตุการณ์เมื่อตะกี้”
“…”
ร่างกายของผมเหมือนโดนแรงดึงดูดอย่างแปลกๆ จนทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวเดินต้องหยุดชะงักกับเป็นว่าต้องหันตัวมานั่งลงที่เดิม ผู้หญิงที่จัดการกับผู้ชายด้วยท่าเทควันโดเดินเข้ามายืนประจันหน้ากับพวกเราทั้งห้าคนรู้ว่าเธอมันไม่ธรรมดาหมูๆ หรอก
สายตาของเธอมองมาทั่วโดยมีการหยุดมามองที่ผมเป็นคนสุดท้าย นี่คงเป็นการอ่อยเหยื่อของเธอสินะช่างน่าประทับใจอย่างยิ่งแต่ขอทีที่คนอย่างผมฉลาดและรู้ทัน
“ไม่เกี่ยวกับกูวะ!”
พรึบ!
ตุบ!
เฮ้ย!
“เกี่ยวกับพี่ด้วย”
“…”
ฉันรู้ว่าการรุกหนักแบบนี้อาจทำให้ถูกมองว่าใจง่ายแต่นี่มันเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะได้เข้ามาทำความรู้จักกับพี่รูธโดยการก่อเรื่องขึ้นที่คลับของเพื่อนเขาจากนั้นก็ทำเป็นเข้ามาคุยเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องได้ชดใช้ที่จริงสามารถคุยกับผู้จัดการร้านได้อย่างสบายแต่ขอปฏิเสธก็แล้วกัน
การกระทำแบบนี้ยิ่งเรียกเสียงจากเพื่อนๆ ของพี่รูธที่นั่งโต๊ะเดียวกันพร้อมกับสายตาที่แวววาวก่อนหน้านี่ฉันเห็นว่าพี่รูธกำลังจะชิ่งหนีกลับแต่ทว่าในนาทีสุดท้ายตัวเองก็รวบรวมความกล้าบวกกับความหน้าด้านผลักพี่รูธนั่งกับโซฟาก่อนที่จะนั่งลงบนตักแกร่งจากนั้นก็ใช้สองแขนเล็กๆ ดันไว้กับโซฟาทั้งสองข้าง ทีนี่พี่รูธก็สามารถอยู่ตรงกลางอ้อมแขนของตัวเองได้อย่างง่ายดาย
“ฉากเด็ดวะ!”
“เออวะไอ้เทลเกิดมาแม่ง! พึ่งเคยเห็น”
เหมือนว่าผู้ชายที่ค่อนข้างเยือกเย็นดั่งหิมะพูดตาม
ถึงอย่างไรฉันก็ไม่สนใจเท่านั้นที่เอาแต่จ้องมองใบหน้าของตัวเองด้วยความไม่พอใจสายตาสีทองแดงเสมือนมีเปลวไฟรุกออกมาอย่างทั่วท้น
น่ากลัว?
แทบนับคำได้ที่ถูกเปล่งออกจากปากเขา
“ลุก”
“…”
เป็นคำเดียวที่ออกมาจากริมฝีปากได้รูป น้ำเสียงที่มีพลังสะกดให้พลังความใจกล้าของตัวฉันมันลดน้อยลงมากจากก่อนหน้านี้จากร้อยกลายเป็นศูนย์ภายในพริบตารวมถึงความมั่นที่ถูกสร้างมาด้วยเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์หลายแก้วเข้าด้วยกันที่ถูกจรดลงลำคอของตัวเองถึงฉันจะเป็นคนแรงๆ แต่ถ้าทำแบบนี้จะต้องมีแรงจูงใจแล้วนี่ก็คือครั้งแรกที่ทำ!
“ใบ้หรอวะ ลุก!”
“ไม่ค่ะ! หนุ หนุ หนูรักพี่รูธคะ”
ประโยคที่ถูกกลั้นกรองออกมาจากความรู้สึกที่ตื่นเต้นและกดดันถูกปล่อยออกจากริมฝีปากเมื่อสักครู่ไปแล้วทำให้ความโล่งใจมาเยือนฉันแต่ทว่าสายตาของพี่รูธตอนนี้มันยิ่งเข้มไปกว่าเดิมอย่างคาดการไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร
“เหอะ”
เสียงถอนหายใจอย่างน่าเบื่อหน่ายถูกปลดปล่อยออกมาแต่สายตาพี่เขาก็ยังจับจองมาที่ใบหน้าของฉันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า นี่คือปฏิกิริยาของคนที่พึ่งจะถูกสารภาพรักหรอ ทำไมถึงได้เย็นชาแบบนี้ เย็นชาจนน่าหวั่นใจจนฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
“…”
ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมราวกับเมฆคำของฝนที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างแปลป่วนโดยสภาพอากาศมันไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ถึงที่นั่งตรงนี้จะถูกเครื่องปรับอากาศตกลงทำให้เย็นกายมากแค่ไหนแต่แล้วทำไมร่างกาย ใบหน้าของฉันมันเริ่มที่จะมีเหงื่อซึมออกมาแล้ว
“ลุก!”
“นี่พี่ไม่ได้ยินใช่ไหม หนูกำลังสา....”
“น่าเบื่อ”
นี่เป็นครั้งแรกที่รวบรวมความกล้าเข้าไปสารภาพรักและก็เป็นครั้งแรกที่ถูกปฏิเสธแบบนี้ หน้าแตกหมอไม่รับเย็บจริงๆ ยัยเรเนส
“…”
มันก็เป็นเพียงแค่เด็กใจแตก! ที่เข้ามาสารภาพรักกับผมก็แค่นั้น..ไม่เห็นสำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำถ้าผมตกลงคบด้วยป่านนี้เมียเต็มบ้านเลยมั้งชีวิตที่รักสนุกแต่ไม่ผูกพันมันยังอยู่ในหัวของไอ้รูธคนนี้
“เก็ทนะ?”
สายตาเป็นเชิงคำถามถูกส่งมาด้วยแววตาน่ากลัวผสมกับความเบื่อหน่ายที่สุด ใช่สิพี่รูธทั้งหล่อรวยอยู่กลุ่มฮอตขนาดนี้ก็ต้องมีสาวๆ เรียงคิวมาสารภาพรักไม่เว้นอยู่แล้วทำไมถึงไม่คิดข้อนี้วะยัยเรเนส
“แล้วถ้าไม่เก็ทล่ะคะ?”
ปากจอมหาเรื่องเข้าใส่ตัวพูดไปด้วยความไม่คิด มันเหมือนกับเป็นการปั่นประสาทพี่เขาเลยนะแบบนั้นแบบนี้จะโดยฆ่าหรือเปล่าแต่ที่เหนือว่านั้นบอกได้เลยว่ามันคือการที่ฉันรักเขามาก รักมากตั้งแต่แรกเจอ... ไม่ว่าเขาจะเลวกับฉันยังไงก็ตาม ยังไงเขาก็ต้องเป็นของฉันคนเดียว! หน้าด้านเข้ามาก็ต้องได้อะไรบ้างกลับไปจะได้ไม่เสียเวลา
“มันเสียเวลาเปล่าครับน้องเพื่อนพี่คนนี้มันไม่สนผู้หญิงอกเล็กๆ”
“มันชอบอกใหญ่ถึงไซส์ตัวจะเล็กก็ไม่ว่าใช่เปล่าไอ้แวน?”
“ที่สุดวะไอ้เชี้ยคิวพี”
“…”
ผู้ชายสองคนนั้นดูดีไม่น้อยที่อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมา เขาน่าจะชื่อแวนกับคิวพีอะไรประมาณนี้ประโยคพวกนี่มันเหมือนเป็นการตบหน้าฉันจังๆ เลยสินะ เพราะอะไรนะหรอ สิ่งที่พี่เขาพูดมันตรงฉันอยู่ข้อเดียวนั่นก็คือตัวเล็กแต่อกนี่มันเล็กเท่าไม้กระดาน
“ความชอบมันเปลี่ยนได้นิคะ?”
“ลุกยังจะได้เลิกฝันกลางวันสักที มันไม่เป็นเธอแน่นอน ยัย...”
นี่เป็นประโยคแรกที่เขาพูดขึ้นอย่างรวดยาวเป็นหางว่าวและแล้วสายตาสีทองแดงก็ลากมายังหน้าอกของฉันที่อยู่ตรงระยะแนวหน้าของเขาก่อนที่จะริมฝีปากได้รูปจะยกขึ้นเหมือนยิ้มเยาะ
“...”
“ยัยไม้กระดาน!”
“…”
ความรู้สึกตอนนี้มันโคตรจี๊ดเจ็บที่ใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนไปไม่เป็นหัวสมองถูกปิดชะงักด้วยการปิดทำการเลยแหละเมื่อได้ยินประโยคที่ถูกต่อท้ายหลังจากค้างไว้ในตอนแรกแล้วในตอนนี้ก็มีความรู้สึกโกรธเข้ามาแทน ใช่ยอมรับความโกรธผู้ชายปากร้ายที่อยู่ตรงหน้าอีกทั่งสายตาของเขายังมองมายังฉันด้วยความสมเพช
เกิดมาไม่เคยที่จะโดนดูถูกขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตทั้งที่มันพึ่งเกิดขึ้นต่อหน้าเพื่อนของพี่รูธทั้งสี่คน ใบหน้าของฉันมันคงจะแดงกร่ำไปแล้ว ไม่ใช่การเขินขายแต่เป็นการโกรธ โกรธที่ต้องเอาคืนแน่ๆ
Rr…
พรึบ!
“ค่ะม๊า”
และแล้วความซวยก็เริ่มมาเยือนฉันอีกครั้งเมื่อโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นในขณะที่กำลังจะพูดกับพี่รูธตัวอักษรหน้าจรที่ปรากฏทำให้ตัวเองต้องลุกขึ้นยืนตรงอย่างอัตโนมัติสายนี้เลี่ยงไม่ได้แน่ๆ เพราะคือแม่ไง ทุกครั้งที่เราคุยกันต้องได้เห็นหน้าอีกไม่ตายวันนี้จะตายวันไหนยัยเรเนส
[เรเนสอยู่ไหนลูกรับช้า ม๊าขอเห็นหน้าหน่อย]
“เอ่อ.......”
[เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายใช่ไหม?]
“เนสสบายดีม๊า คิดถึงม๊าที่สุดเลยคะคิดถึง คิดถึง คิดถึง”
การเลี่ยงแบบนี่บอกเลยใช้ไม่ได้นานกับผู้เป็นแม่ที่สามารถรู้ทันคนอย่างเรเนสได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ยังไงก็เถอะ
[ไม่ต้องเลย ม๊าได้ยินเสียงเพลง เที่ยวหรอ กับใครเพื่อนหรือว่า....แฟน?]
นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ
และแล้วความคิดบางอย่างก็เริ่มเข้ามาในสมองอันน้องนิดที่มีไว้ประดับรูปร่างของตัวฉันเองถึงแม้มันจะไม่ดีแต่ก็ต้องเสี่ยง!
พรึบ!
“ถ้าเนสบอกแฟนม๊าเชื่อไหมคะ?”
ในขนาดที่ยัยนั่นพูดโทรศัพท์อยู่ผมที่ได้โอกาสกำลังจะลุกขึ้นเพื่อกลับเธอก็กับนั่นลงที่เดิมอีกครั้งนั่นก็คือตักของผม มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูส่วนอีกข้างนั่นนะหรอ..
คล้องคอผมอยู่ไงครับ
“ม๊า...นี่ไงคะแฟนเนส หล่อไหม?”
ยัยบ้านั่นทำอะไรอยู่ผมอยากจะตบศีรษะเธอจริงๆ แต่คงทำไม่ได้เมื่อมีผู้หญิงอายุราวห้าสิบกว่ามองอย่างตะลึงทางโทรศัพท์ที่ถูก Video Call เห็นหน้าชัดแจ๋วอีกทั้งยัยบ้าคนนี้ก็ยังเอาหัวของตัวเองมาซบลงไหล่เสมือนว่าเป็นคู่รักที่รักกันมากอย่างไงอย่างงั้น
“…”
[ม๊าจะรีบกลับเพื่อจัดงานแต่งให้อย่างเร็วที่สุดนั่งตักแบบนี้คง..ไม่ใช่แค่แฟนแล้ว]
“…”
“…”
ตู้ดๆ
ถ้อยคำจากปากม๊ามันยิ่งกว่าทำให้ตกตะลึงแต่มันถึงกับช็อคได้เลยนะกว่าจะรู้ตัวอีกทีสายก็ถูกตัดไปแล้ว ฉันแทบเดาอารมณ์แม่ของตัวเองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงพูดการแต่งงานขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อพี่รูธด้วยซ้ำ แบบนี้เหมือนเป็นการมัดมือชกเลยนี่หว่า
ตุบ!
“ผู้หญิงหน้าด้าน!”