“ ผมยินดีจะช่วยให้เราสอบเข้าคณะพยาบาลติดแต่ว่า…......
เราจะต้องแต่งงานกัน ”
“ อะไรนะคะ! ”
หวายตกใจเพราะไม่คิดว่าคนที่ดูน่าเชื่อถืออย่างเขาจะแอบเจ้าเล่ห์เหมือนกัน
“ สัญญาที่ว่าก็คือ เราสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันด้านพฤตินัย โดยเด็ดขาด พูดง่ายๆก็คือเราจะแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น
จะไม่มีการล่วงเกินใดๆจากผม ต่างฝ่ายต่างมีอิสระ ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของกันและกัน แบบนี้ดีมั้ย ”
ธาดายื่นข้อเสนอด้วยสีหน้าที่จริงจัง เขาคิดจะทำอย่างที่พูดจริงๆเพราะนอกจากเรื่องงานแล้วเรื่องความรัก เรื่องผู้หญิงไม่เคยอยู่ในหัวของเขาและถ้าไม่ใช่เพราะโดนปู่ของเขายื่นข้อเสนอเรื่องสร้างโรงพยาบาลเขาก็คงไม่คิดจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากแบบนี้
“ แล้วหนูจะเชื่อคุณได้ยังไงคะ ”
หวายถามด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ
ผู้ชายผู้หญิงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันอันตรายเกินไป
“ เพื่อให้เราสบายใจกันทั้งคู่ผมจะทำสัญญาขึ้นมาฉบับนึง อ่อ มีเรื่องนึงที่คุณต้องรู้ ผม….....
ไม่สนใจผู้หญิง ”
คำพูดของธาดาทำให้หวายคิดอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากคิดว่าธาดามีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน
ไม่น่าเชื่อว่าตาลุงนี่จะชอบเข้าประตูหลัง บึ๋ยยย!!
แต่ความจริงแล้วความหมายของธาดาคือ เขาไม่สนใจเรื่องผู้หญิง และเรื่องความรักเพราะในชีวิตของเขาทุ่มเทให้กับงานเพียงอย่างเดียว
“ ตกลงค่ะหนูจะแต่งงานกับคุณ ”
หวายตอบโดยที่ผ่านการคิดมาดีแล้ว เรื่องนี้จริงๆเธอมีแต่ได้กับได้ อีกอย่างความชอบทางเพศเป็นเรื่องส่วนตัวที่เธอเองก็พอจะรับได้
“ ตกลงตามนี้นะ ผมจะรีบร่างสัญญา เราอ่านดีๆก่อนค่อยเซ็นก็ได้ ”
" เอาตามนี้เลยค่ะ "
หลังจากที่ทั้งคู่ตกลงกันได้ก็กลับเข้ามาในห้อง
“ เป็นยังไง น้องว่ายังไง ”
ทิพย์ธาราเดินเข้าไปกระซิบถามลูกชาย
“ เรื่องแต่งงานผมฝากให้แม่จัดการให้ด้วยนะครับเพราะผมจะต้องเข้าไปเคลียร์งานให้เสร็จก่อน ”
“ ได้สิ ไม่มีปัญหา แม่จัดการเองแต่ว่าลูกกับหนูหวายต้องไปเลือกชุดแต่งงานเองนะ ”
ธาดาทำได้เพียงพยักหน้า
“ แล้วเอ็งล่ะหวาย ”
ยายของหวายถามขึ้น
“ แต่งก็ได้จ่ะยาย ”
ท่าทีของหวายทำให้หญิงชราแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะมัวแต่ดีอกดีใจ
“ เอ็งพูดจริงๆนะยายดีใจที่สุดเลยลูก แม่ธาร เธอช่วยไปบอกหมอด้วยนะว่าฉันอยากจะขอออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้เลย ”
หญิงชรากระปรี้กระเป่าขึ้นมาทันที
“ เดี๋ยวยาย ยายยังไม่แข็งแรงเลยนะจะกลับบ้านได้ไง ”
“ แค่เอ็งยอมแต่งงานหัวใจยายก็แข็งแรงขึ้นแล้วลูก ”
หญิงชราไม่พูดเปล่า ยังลุกขึ้นนั่งแถมยังทำท่าออกกำลังกายเบาๆโชว์หลานสาวอีกต่างหาก หวายได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเข้าไปกอดยายเอาไว้
ขอแค่ยายของเธอแข็งแรงและอยู่กับเธอไปนานๆ ขอแค่เธอได้มีโอกาสเรียนคณะพยาบาลอย่างที่ฝันไว้เพื่อจะได้ดูแลยายของเธอ เธอยอมได้ทุกอย่าง
หวายเหลือบไปมองธาดาในขณะที่ธาดาก็มองมาที่เธอพอดี สายตาของทั้งคู่สบประสานกันก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็รีบหันหน้าไปทางอื่นทันทีที่รู้ตัว
สามวันต่อมา
วันนี้หวายต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพราะทิพย์ธาราจะส่งคนมารับเธอไปกรุงเทพเพื่อจัดการเรื่องชุดแต่งงาน
“ ยายไม่ไปกับหวายจริงๆหรอจ๊ะ ”
หวายเข้าไปกอดอ้อนยายเพราะอยากให้ยายไปด้วย
“ ยายแก่แล้วอยู่บ้านรอเอ็งดีกว่า ”
“ แต่หวายไม่อยากให้ยายอยู่คนเดียวเลย ” หวายอดห่วงยายไม่ได้แม้ว่าจะฝากฝังยายไว้กับป้าบ้านข้างๆที่สนิทกันแล้วก็ตามไหนจะสุนัขคู่ใจอย่างเจ้าซูชิอีก
“ ไม่ต้องเป็นห่วงยายหรอกมีแม่สายใจอยู่เป็นเพื่อนแล้ว เอ็งไปทำธุระให้สบายใจเถอะ ยายอยู่ได้ ”
หญิงชราลูบผมหลานสาว เวลาที่ยายของเธอทำแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมาก
“ เอางั้นก็ได้ งั้นหวายจะรีบกลับมานะยายมีอะไรก็โทรหาหวายได้ตลอดเลยนะ ”
ยายหลานนั่งกอดกันไปกอดกันมา สักพักรถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดยังลานหน้าบ้าน ธาดาลงมาจากรถในชุดสูทเรียบร้อย
หวายยอมรับว่าธาดาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากแต่เสียดายที่ไม่ใช่สเป๊คของเธอ
“ ฝากหวายมันด้วยน่ะพ่อหลานเขย ”
หญิงชราเอ่ยขึ้นทันทีที่ธาดาเดินเข้ามาถึงตัว สายตาฝ้าฟางไล่มองธาดาไปจนทั่ว
ภาพเก่าๆหวนกลับเข้ามาอีกครั้ง เมื่อสามสิบปีก่อนที่ธาดายังเป็นเพียงทารกน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแต่วันนี้โตเป็นหนุ่มแล้วแถมยังดูดีอีกด้วย
ย้อนไปเมื่อสามสิบปีที่แล้ว
ณ บ้านทรงไทยหลังหนึ่ง จ.นครสวรรค์
เวลานี้ในบ้านเต็มไปด้วยความครึกครื้นหลังจากที่ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของบ้านพาภรรยามาอยู่ด้วยพร้อมกับลูกน้อยที่พึ่งเกิดมาได้ไม่ถึงสิบวัน ทุกคนต่างก็เห่อหลานชายคนนี้มากเพราะเป็นหลานคนแรกของตระกูล
เด็กคนนี้ก็คือธาดานั่นเอง
ธาดาเป็นเด็กที่งอแงมากแม้แต่ทิพย์ธาราที่เป็นแม่ของเขาก็ยังเอาไม่อยู่
“ หลานชายของปู่เป็นอะไรน้าาา ปวดอึ๊หรือเปล่า ไหนขอปู่ดูหน่อยซิ ”
ทรงพลหรือปู่ของธาดาเข้ามาอุ้มหลานชายตัวน้อยๆขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขน
“ คุณพ่อครับมีคนมาหา ”
ลูกชายของทรงพลซึ่งก็คือพ่อของธาดาเป็นคนที่เข้ามาบอก ทรงพลส่งหลานชายที่ยังคงส่งเสียงร้องไห้ระงมให้กับทิพย์ธาราแล้วลงมาพบแขกคนสำคัญ แน่นอนว่าเขารู้ดีอยู่แล้วว่าคนที่มาหาคือใคร
“ ฉันมาวันนี้เพื่อจะมาบอกคุณว่าฉันต้องไปแล้ว ”
หญิงสาวนุ่งผ้าซิ่นเรียบร้อย แม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้วแต่ก็ยังดูดีอยู่ ยิ่งสมัยสาวๆหน้าตาก็ยิ่งสละสลวย
เธอคนนี้คือยายของหวาย
“ แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย ”
ทรงพลเอ่ยถามด้วยความอาลัยอาวร
เมื่อหลายปีที่แล้วทั้งคู่บังเอิญเจอกันที่วัดแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนครสวรรค์ในงานบุญกฐินและเกิดชอบคอกันแต่เพราะความไม่เหมาะสมในทุกๆอย่างทำให้พิศมัยจำเป็นต้องตัดใจจากเขา แม้ว่าตอนนั้นทรงพลจะเลิกรากับภรรยาเก่าไปแล้วและสามีของพิศมัยจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม
ที่พิศมัยกลับมาวันนี้ก็เพราะอยากจะมาตัดสัมพันธ์ให้ขาด
“ เราสองคนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจอกันอีก วันนี้ฉันแค่จะเอาสิ่งนี้มาคืนให้คุณ ”
พิศมัยยื่นสร้อยเส้นหนึ่งให้ทรงพลเป็นสร้อยที่มีมูลค่ามาก เธอคิดว่าเธอเองไม่มีค่าพอจะเป็นเจ้าของ ทรงพลรับสร้อยเส้นนั้นคืนด้วยความจำใจ
ขณะนั้น...ลูกชายของทรงพลก็อุ้มธาดาลงมาจากบ้านเพราะไม่ว่าจะทำยังไงธาดาก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้ ทุกคนในบ้านสรรหาวิธีต่างๆนาๆมาใช้หมดแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล
“ หลานปู่เป็นอะไร ไหนบอกปู่ซิ โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคนเก่งของปู่ ”
ทรงพลเข้าไปอุ้มหลานชายแต่ธาดาก็ยังไม่ยอมหยุดร้อง
“ ให้ฉันลองดูหน่อย ”
พิศมัยขออุ้มธาดาด้วยความเอ็นดูและเมื่อธาดาอยู่ในอ้อมแขนของพิศมัยก็หยุดร้องไห้ทันทีแถมยังอารมณ์ดีอีกด้วยจนทุกคนต่างก็แปลกใจไปตามๆกัน
จากนั้นทรงพลกับพิศมัยเลยให้คำมั่นสัญญาก่อนที่จะเลิกติดต่อกันว่า ถ้าหากยังมีวาสนาต่อกันขอให้หลานที่จะเกิดจากลูกบุญธรรมของพิสมัยในอนาคตเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้หญิงจริงๆเขาจะให้ธาดาแต่งงานด้วย โดยตอนนั้นปู่ของธาดาได้มอบสิ่งของแทนคำมั่นสัญญาให้กับยายของหวายเก็บไว้
เป็นโลหะชิ้นหนึ่งที่มีขนาดประมาณสองนิ้ว ดูผิวเผินเหมือนโลหะบางๆธรรมดาแต่ที่จริงมันคือแผ่นทองแท้ที่ถูกสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษจากต่างประเทศ ข้างในสลักคำว่า "soulmate" เอาไว้
กลับมาที่ปัจจุบัน
“ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ”
ธาดาพูดกับยายของหวาย
“ ยายขอฝากสิ่งนี้ไปให้ปู่ของเราด้วยนะ บอกเขาว่ายายทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว ”
ยายของหวายยื่นซองกระดาษให้กับธาดา เป็นของสำคัญที่เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี
จากนั้นธาดากับหวายก็ขึ้นรถไปด้วยกันหลังจากที่หวายร่ำลายายกับสุนัขตัวน้อยอยู่อีกพักใหญ่ๆ
ระหว่างทางทั้งคู่ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง จนกระทั่งธาดาแวะปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ระหว่างที่พนักงานของปั๊มกำลังเติมน้ำมันรถ หวายก็ไปเข้าห้องน้ำ
ขณะที่หวายกำลังจะทำธุระส่วนตัวเธอก็สังเกตุเห็นเงาคนอยู่ตรงประตูและมีมือถือเครื่องหนึ่งสอดเข้ามา
“ ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วยมีโรคจิต!! ”
หวายตะโกนเสียงดัง พอเห็นว่าคนร้ายกำลังจะหนีเธอก็วิ่งตามออกไปเพราะเสียงที่หวายตะโกนทำให้ธาดาที่เข้าห้องน้ำอยู่ฝั่งผู้ชายได้ยินจึงรีบวิ่งมาดู เขายืนประจันหน้ากับคนร้าย
“ เขาเป็นโรคจิตค่ะ!! ”
หวายรีบบอกธาดาทำให้คนร้ายกลัวว่าจะถูกจับไปดำเนินคดีจึงได้เข้าไปล็อคตัวหวายเอาไว้ มือข้างหนึ่งถือมีดจ่อไปที่คอของเธอด้วยความเกรี้ยวกราด
“ อย่าเข้ามาไม่งั้นนังหนูนี่ไม่รอดแน่! ”
“ ใจเย็นๆนะครับมีอะไรค่อยๆคุยกันก็ได้ ” ธาดาพยายามเกลี้ยกล่อม
“ หลบไป! ”
คนร้ายบอกธาดา ธาดาจึงต้องหลีกทางให้เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของหวาย
แต่เขาก็คิดหาวิธีช่วยเอาไว้แล้ว
ระหว่างที่คนร้ายกำลังพยายามจะหลบหนีโดยมีหวายเป็นตัวประกันนั้นเด็กปั้มก็เข้ามา ทำให้คนร้ายเกิดความวิตกอีกครั้ง
“ อย่าเข้ามาเว้ย! ”
คนร้ายเตรียมจ่อมีดลงไปที่คอของหวาย
นาทีนั้นธาดาคิดว่าถ้าขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้หวายอาจจะเป็นอันตรายได้ เขาจึงออกอุบายให้คนร้ายตายใจ
“ โอเค พวกเราจะปล่อยคุณไป ”
“ ไม่ได้นะครับเราต้องแจ้งตำรวจ! ”
เด็กปั้มพูดขึ้น คราวนี้คนร้ายกรีดมีดลงไปที่คอของหวายแม้จะไม่ได้ลึกแต่ก็ทำให้มีเลือดออก ธาดาจึงคิดว่าแผนการที่จะหลอกให้คนร้ายตายใจคงจะไม่ได้ผลซะแล้วเขาจึงใช้วิธีสุดท้าย
ธาดาใช้จังหวะที่คนร้ายชะล่าใจถีบเข้าไปยังชายโครงเต็มๆ จนคนร้ายเสียหลักล้มลง หวายรีบลุกออกมา
“ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ”
ธาดาถามหวายพร้อมกับดูแผลที่คอของเธอด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่ทันที่หวายจะได้พูดอะไร คนร้ายก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าใส่ทั้งคู่
เพราะเหตุการณ์จวนตัวธาดาจึงตัดสินใจใช้ตัวเองบังตัวหวายเอาไว้ ทำให้เขาถูกมีดแทงเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย
ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาจับกุมคนร้ายได้ทัน ธาดาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หวายนั่งรอธาดาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินหลังจากมีพยาบาลทำแผลที่คอให้เธอแล้ว ผ่านไปกว่าชั่วโมง คุณหมอก็ออกมา
“ คนไหนคือญาติคนไข้ที่ชื่อธาดาครับ ”
“ หนูค่ะ เขาเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ ”
ตอนนี้หวายเป็นห่วงธาดามากเพราะธาดาเสี่ยงชีวิตช่วยเธอไว้
“ คนไข้ไม่ได้เป็นอะไรมากครับโชคดีที่จุดที่มีดแทงเข้าไปมีสิ่งนี้อยู่ไม่งั้นคงจะถูกจุดสำคัญไปแล้ว ”
คุณหมอยื่นซองสีขาวที่มีร่อยรอยขาดเป็นรูให้กับหวาย พอเปิดออกดูในนั้นมีโลหะชิ้นหนึ่งอยู่ เป็นสิ่งของที่ยายของเธอเอาให้กับธาดา
ตอนนั้นธาดาเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขา
หลังจากผ่านไปราวๆสามชั่วโมงธาดาก็ขอคุณหมอออกมาจากโรงพยาบาลเพราะอาการของเขาไม่ได้หนักหนามาก ธาดาเองก็รู้สึกขอบคุณของที่ยายหวายมอบให้
แม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่มันก็ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
“ ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับใครนะผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ”
ธาดาหันไปบอกหวายในขณะที่กำลังขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ
“ ค่ะ แล้วรีบออกมาแบบนี้แผลคุณจะไม่เป็นไรหรอคะ ”
แม้คุณหมอจะบอกว่าอาการของธาดาไม่ได้สาหัสแต่หวายก็อดเป็นห่วงธาดาไม่ได้อยู่ดี
“ แผลไม่ลึกไม่เป็นอะไรหรอกเดี๋ยวผมค่อยไปรักษาต่อที่นู่นก็ได้ ผมเคยเป็นหมอมาก่อน ไม่ต้องห่วงหรอก ”
เพราะธาดาสังเกตุว่าหวายยังดูกังวลอยู่เลยต้องอธิบายให้เข้าใจ
ในระหว่างนั้นเองมีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถทำให้ธาดาต้องเหยียบเบรคอย่างกระทันหัน
เอี๊ยดดด!!! ??
“ เป็นอะไรมั้ย ”
ธาดาถามทันทีที่เขาควบคุมรถได้โดยที่ไม่ได้ชนสุนัขตัวนั้น หวายค่อยๆลืมตาและเงยหน้าขึ้นจากแผงอกของธาดาที่ลืมตัวโผลเข้าไปซบด้วยความตกใจ
ทั้งคู่สบตากันนิ่ง หนึ่งคนหัวใจเต้นแรง