บทที่4 ข้อตกลง<ต่อ>

2361 คำ
“ ผมยินดีจะช่วยให้เราสอบเข้าคณะพยาบาลติดแต่ว่า…...... เราจะต้องแต่งงานกัน ” “ อะไรนะคะ! ” หวายตกใจเพราะไม่คิดว่าคนที่ดูน่าเชื่อถืออย่างเขาจะแอบเจ้าเล่ห์เหมือนกัน “ สัญญาที่ว่าก็คือ เราสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันด้านพฤตินัย โดยเด็ดขาด พูดง่ายๆก็คือเราจะแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น จะไม่มีการล่วงเกินใดๆจากผม ต่างฝ่ายต่างมีอิสระ ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของกันและกัน แบบนี้ดีมั้ย ” ธาดายื่นข้อเสนอด้วยสีหน้าที่จริงจัง เขาคิดจะทำอย่างที่พูดจริงๆเพราะนอกจากเรื่องงานแล้วเรื่องความรัก เรื่องผู้หญิงไม่เคยอยู่ในหัวของเขาและถ้าไม่ใช่เพราะโดนปู่ของเขายื่นข้อเสนอเรื่องสร้างโรงพยาบาลเขาก็คงไม่คิดจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากแบบนี้ “ แล้วหนูจะเชื่อคุณได้ยังไงคะ ” หวายถามด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ ผู้ชายผู้หญิงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันอันตรายเกินไป “ เพื่อให้เราสบายใจกันทั้งคู่ผมจะทำสัญญาขึ้นมาฉบับนึง อ่อ มีเรื่องนึงที่คุณต้องรู้ ผม…..... ไม่สนใจผู้หญิง ” คำพูดของธาดาทำให้หวายคิดอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากคิดว่าธาดามีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่น่าเชื่อว่าตาลุงนี่จะชอบเข้าประตูหลัง บึ๋ยยย!! แต่ความจริงแล้วความหมายของธาดาคือ เขาไม่สนใจเรื่องผู้หญิง และเรื่องความรักเพราะในชีวิตของเขาทุ่มเทให้กับงานเพียงอย่างเดียว “ ตกลงค่ะหนูจะแต่งงานกับคุณ ” หวายตอบโดยที่ผ่านการคิดมาดีแล้ว เรื่องนี้จริงๆเธอมีแต่ได้กับได้ อีกอย่างความชอบทางเพศเป็นเรื่องส่วนตัวที่เธอเองก็พอจะรับได้ “ ตกลงตามนี้นะ ผมจะรีบร่างสัญญา เราอ่านดีๆก่อนค่อยเซ็นก็ได้ ” " เอาตามนี้เลยค่ะ " หลังจากที่ทั้งคู่ตกลงกันได้ก็กลับเข้ามาในห้อง “ เป็นยังไง น้องว่ายังไง ” ทิพย์ธาราเดินเข้าไปกระซิบถามลูกชาย “ เรื่องแต่งงานผมฝากให้แม่จัดการให้ด้วยนะครับเพราะผมจะต้องเข้าไปเคลียร์งานให้เสร็จก่อน ” “ ได้สิ ไม่มีปัญหา แม่จัดการเองแต่ว่าลูกกับหนูหวายต้องไปเลือกชุดแต่งงานเองนะ ” ธาดาทำได้เพียงพยักหน้า “ แล้วเอ็งล่ะหวาย ” ยายของหวายถามขึ้น “ แต่งก็ได้จ่ะยาย ” ท่าทีของหวายทำให้หญิงชราแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะมัวแต่ดีอกดีใจ “ เอ็งพูดจริงๆนะยายดีใจที่สุดเลยลูก แม่ธาร เธอช่วยไปบอกหมอด้วยนะว่าฉันอยากจะขอออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้เลย ” หญิงชรากระปรี้กระเป่าขึ้นมาทันที “ เดี๋ยวยาย ยายยังไม่แข็งแรงเลยนะจะกลับบ้านได้ไง ” “ แค่เอ็งยอมแต่งงานหัวใจยายก็แข็งแรงขึ้นแล้วลูก ” หญิงชราไม่พูดเปล่า ยังลุกขึ้นนั่งแถมยังทำท่าออกกำลังกายเบาๆโชว์หลานสาวอีกต่างหาก หวายได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเข้าไปกอดยายเอาไว้ ขอแค่ยายของเธอแข็งแรงและอยู่กับเธอไปนานๆ ขอแค่เธอได้มีโอกาสเรียนคณะพยาบาลอย่างที่ฝันไว้เพื่อจะได้ดูแลยายของเธอ เธอยอมได้ทุกอย่าง หวายเหลือบไปมองธาดาในขณะที่ธาดาก็มองมาที่เธอพอดี สายตาของทั้งคู่สบประสานกันก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็รีบหันหน้าไปทางอื่นทันทีที่รู้ตัว สามวันต่อมา วันนี้หวายต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพราะทิพย์ธาราจะส่งคนมารับเธอไปกรุงเทพเพื่อจัดการเรื่องชุดแต่งงาน “ ยายไม่ไปกับหวายจริงๆหรอจ๊ะ ” หวายเข้าไปกอดอ้อนยายเพราะอยากให้ยายไปด้วย “ ยายแก่แล้วอยู่บ้านรอเอ็งดีกว่า ” “ แต่หวายไม่อยากให้ยายอยู่คนเดียวเลย ” หวายอดห่วงยายไม่ได้แม้ว่าจะฝากฝังยายไว้กับป้าบ้านข้างๆที่สนิทกันแล้วก็ตามไหนจะสุนัขคู่ใจอย่างเจ้าซูชิอีก “ ไม่ต้องเป็นห่วงยายหรอกมีแม่สายใจอยู่เป็นเพื่อนแล้ว เอ็งไปทำธุระให้สบายใจเถอะ ยายอยู่ได้ ” หญิงชราลูบผมหลานสาว เวลาที่ยายของเธอทำแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมาก “ เอางั้นก็ได้ งั้นหวายจะรีบกลับมานะยายมีอะไรก็โทรหาหวายได้ตลอดเลยนะ ” ยายหลานนั่งกอดกันไปกอดกันมา สักพักรถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดยังลานหน้าบ้าน ธาดาลงมาจากรถในชุดสูทเรียบร้อย หวายยอมรับว่าธาดาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากแต่เสียดายที่ไม่ใช่สเป๊คของเธอ “ ฝากหวายมันด้วยน่ะพ่อหลานเขย ” หญิงชราเอ่ยขึ้นทันทีที่ธาดาเดินเข้ามาถึงตัว สายตาฝ้าฟางไล่มองธาดาไปจนทั่ว ภาพเก่าๆหวนกลับเข้ามาอีกครั้ง เมื่อสามสิบปีก่อนที่ธาดายังเป็นเพียงทารกน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแต่วันนี้โตเป็นหนุ่มแล้วแถมยังดูดีอีกด้วย ย้อนไปเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ณ บ้านทรงไทยหลังหนึ่ง จ.นครสวรรค์ เวลานี้ในบ้านเต็มไปด้วยความครึกครื้นหลังจากที่ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของบ้านพาภรรยามาอยู่ด้วยพร้อมกับลูกน้อยที่พึ่งเกิดมาได้ไม่ถึงสิบวัน ทุกคนต่างก็เห่อหลานชายคนนี้มากเพราะเป็นหลานคนแรกของตระกูล เด็กคนนี้ก็คือธาดานั่นเอง ธาดาเป็นเด็กที่งอแงมากแม้แต่ทิพย์ธาราที่เป็นแม่ของเขาก็ยังเอาไม่อยู่ “ หลานชายของปู่เป็นอะไรน้าาา ปวดอึ๊หรือเปล่า ไหนขอปู่ดูหน่อยซิ ” ทรงพลหรือปู่ของธาดาเข้ามาอุ้มหลานชายตัวน้อยๆขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขน “ คุณพ่อครับมีคนมาหา ” ลูกชายของทรงพลซึ่งก็คือพ่อของธาดาเป็นคนที่เข้ามาบอก ทรงพลส่งหลานชายที่ยังคงส่งเสียงร้องไห้ระงมให้กับทิพย์ธาราแล้วลงมาพบแขกคนสำคัญ แน่นอนว่าเขารู้ดีอยู่แล้วว่าคนที่มาหาคือใคร “ ฉันมาวันนี้เพื่อจะมาบอกคุณว่าฉันต้องไปแล้ว ” หญิงสาวนุ่งผ้าซิ่นเรียบร้อย แม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้วแต่ก็ยังดูดีอยู่ ยิ่งสมัยสาวๆหน้าตาก็ยิ่งสละสลวย เธอคนนี้คือยายของหวาย “ แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย ” ทรงพลเอ่ยถามด้วยความอาลัยอาวร เมื่อหลายปีที่แล้วทั้งคู่บังเอิญเจอกันที่วัดแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนครสวรรค์ในงานบุญกฐินและเกิดชอบคอกันแต่เพราะความไม่เหมาะสมในทุกๆอย่างทำให้พิศมัยจำเป็นต้องตัดใจจากเขา แม้ว่าตอนนั้นทรงพลจะเลิกรากับภรรยาเก่าไปแล้วและสามีของพิศมัยจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ที่พิศมัยกลับมาวันนี้ก็เพราะอยากจะมาตัดสัมพันธ์ให้ขาด “ เราสองคนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจอกันอีก วันนี้ฉันแค่จะเอาสิ่งนี้มาคืนให้คุณ ” พิศมัยยื่นสร้อยเส้นหนึ่งให้ทรงพลเป็นสร้อยที่มีมูลค่ามาก เธอคิดว่าเธอเองไม่มีค่าพอจะเป็นเจ้าของ ทรงพลรับสร้อยเส้นนั้นคืนด้วยความจำใจ ขณะนั้น...ลูกชายของทรงพลก็อุ้มธาดาลงมาจากบ้านเพราะไม่ว่าจะทำยังไงธาดาก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้ ทุกคนในบ้านสรรหาวิธีต่างๆนาๆมาใช้หมดแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล “ หลานปู่เป็นอะไร ไหนบอกปู่ซิ โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคนเก่งของปู่ ” ทรงพลเข้าไปอุ้มหลานชายแต่ธาดาก็ยังไม่ยอมหยุดร้อง “ ให้ฉันลองดูหน่อย ” พิศมัยขออุ้มธาดาด้วยความเอ็นดูและเมื่อธาดาอยู่ในอ้อมแขนของพิศมัยก็หยุดร้องไห้ทันทีแถมยังอารมณ์ดีอีกด้วยจนทุกคนต่างก็แปลกใจไปตามๆกัน จากนั้นทรงพลกับพิศมัยเลยให้คำมั่นสัญญาก่อนที่จะเลิกติดต่อกันว่า ถ้าหากยังมีวาสนาต่อกันขอให้หลานที่จะเกิดจากลูกบุญธรรมของพิสมัยในอนาคตเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้หญิงจริงๆเขาจะให้ธาดาแต่งงานด้วย โดยตอนนั้นปู่ของธาดาได้มอบสิ่งของแทนคำมั่นสัญญาให้กับยายของหวายเก็บไว้ เป็นโลหะชิ้นหนึ่งที่มีขนาดประมาณสองนิ้ว ดูผิวเผินเหมือนโลหะบางๆธรรมดาแต่ที่จริงมันคือแผ่นทองแท้ที่ถูกสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษจากต่างประเทศ ข้างในสลักคำว่า "soulmate" เอาไว้ กลับมาที่ปัจจุบัน “ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ” ธาดาพูดกับยายของหวาย “ ยายขอฝากสิ่งนี้ไปให้ปู่ของเราด้วยนะ บอกเขาว่ายายทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว ” ยายของหวายยื่นซองกระดาษให้กับธาดา เป็นของสำคัญที่เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี จากนั้นธาดากับหวายก็ขึ้นรถไปด้วยกันหลังจากที่หวายร่ำลายายกับสุนัขตัวน้อยอยู่อีกพักใหญ่ๆ ระหว่างทางทั้งคู่ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง จนกระทั่งธาดาแวะปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ระหว่างที่พนักงานของปั๊มกำลังเติมน้ำมันรถ หวายก็ไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่หวายกำลังจะทำธุระส่วนตัวเธอก็สังเกตุเห็นเงาคนอยู่ตรงประตูและมีมือถือเครื่องหนึ่งสอดเข้ามา “ ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วยมีโรคจิต!! ” หวายตะโกนเสียงดัง พอเห็นว่าคนร้ายกำลังจะหนีเธอก็วิ่งตามออกไปเพราะเสียงที่หวายตะโกนทำให้ธาดาที่เข้าห้องน้ำอยู่ฝั่งผู้ชายได้ยินจึงรีบวิ่งมาดู เขายืนประจันหน้ากับคนร้าย “ เขาเป็นโรคจิตค่ะ!! ” หวายรีบบอกธาดาทำให้คนร้ายกลัวว่าจะถูกจับไปดำเนินคดีจึงได้เข้าไปล็อคตัวหวายเอาไว้ มือข้างหนึ่งถือมีดจ่อไปที่คอของเธอด้วยความเกรี้ยวกราด “ อย่าเข้ามาไม่งั้นนังหนูนี่ไม่รอดแน่! ” “ ใจเย็นๆนะครับมีอะไรค่อยๆคุยกันก็ได้ ” ธาดาพยายามเกลี้ยกล่อม “ หลบไป! ” คนร้ายบอกธาดา ธาดาจึงต้องหลีกทางให้เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของหวาย แต่เขาก็คิดหาวิธีช่วยเอาไว้แล้ว ระหว่างที่คนร้ายกำลังพยายามจะหลบหนีโดยมีหวายเป็นตัวประกันนั้นเด็กปั้มก็เข้ามา ทำให้คนร้ายเกิดความวิตกอีกครั้ง “ อย่าเข้ามาเว้ย! ” คนร้ายเตรียมจ่อมีดลงไปที่คอของหวาย นาทีนั้นธาดาคิดว่าถ้าขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้หวายอาจจะเป็นอันตรายได้ เขาจึงออกอุบายให้คนร้ายตายใจ “ โอเค พวกเราจะปล่อยคุณไป ” “ ไม่ได้นะครับเราต้องแจ้งตำรวจ! ” เด็กปั้มพูดขึ้น คราวนี้คนร้ายกรีดมีดลงไปที่คอของหวายแม้จะไม่ได้ลึกแต่ก็ทำให้มีเลือดออก ธาดาจึงคิดว่าแผนการที่จะหลอกให้คนร้ายตายใจคงจะไม่ได้ผลซะแล้วเขาจึงใช้วิธีสุดท้าย ธาดาใช้จังหวะที่คนร้ายชะล่าใจถีบเข้าไปยังชายโครงเต็มๆ จนคนร้ายเสียหลักล้มลง หวายรีบลุกออกมา “ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ” ธาดาถามหวายพร้อมกับดูแผลที่คอของเธอด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่ทันที่หวายจะได้พูดอะไร คนร้ายก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าใส่ทั้งคู่ เพราะเหตุการณ์จวนตัวธาดาจึงตัดสินใจใช้ตัวเองบังตัวหวายเอาไว้ ทำให้เขาถูกมีดแทงเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาจับกุมคนร้ายได้ทัน ธาดาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หวายนั่งรอธาดาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินหลังจากมีพยาบาลทำแผลที่คอให้เธอแล้ว ผ่านไปกว่าชั่วโมง คุณหมอก็ออกมา “ คนไหนคือญาติคนไข้ที่ชื่อธาดาครับ ” “ หนูค่ะ เขาเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ ” ตอนนี้หวายเป็นห่วงธาดามากเพราะธาดาเสี่ยงชีวิตช่วยเธอไว้ “ คนไข้ไม่ได้เป็นอะไรมากครับโชคดีที่จุดที่มีดแทงเข้าไปมีสิ่งนี้อยู่ไม่งั้นคงจะถูกจุดสำคัญไปแล้ว ” คุณหมอยื่นซองสีขาวที่มีร่อยรอยขาดเป็นรูให้กับหวาย พอเปิดออกดูในนั้นมีโลหะชิ้นหนึ่งอยู่ เป็นสิ่งของที่ยายของเธอเอาให้กับธาดา ตอนนั้นธาดาเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขา หลังจากผ่านไปราวๆสามชั่วโมงธาดาก็ขอคุณหมอออกมาจากโรงพยาบาลเพราะอาการของเขาไม่ได้หนักหนามาก ธาดาเองก็รู้สึกขอบคุณของที่ยายหวายมอบให้ แม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่มันก็ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ “ ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับใครนะผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ” ธาดาหันไปบอกหวายในขณะที่กำลังขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ “ ค่ะ แล้วรีบออกมาแบบนี้แผลคุณจะไม่เป็นไรหรอคะ ” แม้คุณหมอจะบอกว่าอาการของธาดาไม่ได้สาหัสแต่หวายก็อดเป็นห่วงธาดาไม่ได้อยู่ดี “ แผลไม่ลึกไม่เป็นอะไรหรอกเดี๋ยวผมค่อยไปรักษาต่อที่นู่นก็ได้ ผมเคยเป็นหมอมาก่อน ไม่ต้องห่วงหรอก ” เพราะธาดาสังเกตุว่าหวายยังดูกังวลอยู่เลยต้องอธิบายให้เข้าใจ ในระหว่างนั้นเองมีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถทำให้ธาดาต้องเหยียบเบรคอย่างกระทันหัน เอี๊ยดดด!!! ?? “ เป็นอะไรมั้ย ” ธาดาถามทันทีที่เขาควบคุมรถได้โดยที่ไม่ได้ชนสุนัขตัวนั้น หวายค่อยๆลืมตาและเงยหน้าขึ้นจากแผงอกของธาดาที่ลืมตัวโผลเข้าไปซบด้วยความตกใจ ทั้งคู่สบตากันนิ่ง หนึ่งคนหัวใจเต้นแรง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม