สัมผัสร้าย 9 ออกอาการ (4)

2051 คำ
:: เทียน :: ผ่านมาหลายวันคำว่า ‘ขยะ’ ยังฝังแน่นอยู่ในหัว มันเหมือนยาพิษกัดกินหัวใจ คิดถึงทีไรเป็นต้องเครียดจนไมเกรนขึ้นสมองทุกที ระหว่างที่กำลังแหงนหน้ารับสายน้ำอุ่น หวังให้มันช่วยชะล้างความขุ่นมัวออกไปจากจิตใจประตูห้องน้ำก็ดันเปิดเข้ามา แกร็ก ฉันสะดุ้ง หันไปมองด้วยสายตาหวาดหวั่นแวบหนึ่งก่อนจะเห็นเรซยืนนิ่งอยู่หน้าประตูที่เชื่อมต่อกับห้องนอนของเขา ร่างท่อนบนเปลือยเปล่า ข้างล่างสวมผ้าขนหนูหลวมหมิ่นเหม่ ดวงตาคมมองมาที่ฉันอย่างแปลกใจ ฉันรู้สึกโมโหที่โดนจ้อง ถึงจะกระดากอายอยู่หน่อยๆ แต่ก็ไม่คิดจะหาอะไรมาปิดป้องร่างเปลือยเปล่าของตัวเองเพราะยังไงเขาก็เคยเห็นจนชินชาแล้ว “นี่ ฉันใช้ห้องน้ำอยู่ ไม่เห็นหรือไง ถ้าจะอาบก็รอก่อนสิ” ฉันตะโกนบอกอย่างฉุนเฉียว ประตูห้องน้ำล็อกจากข้างในก็จริง แต่บานที่เชื่อมกับห้องนอนเรซมันล็อกไม่ได้ แถมยังไม่มีกลอน ทำได้แค่หมุนลูกบิดปิด ปกติเราใช้ห้องน้ำคนละเวลา เลยไม่เคยชนกัน เรซชอบออกไปข้างนอกกว่าจะกลับก็หลังเที่ยงคืน หรือวันไหนที่เขาอยู่ก็จะอยู่จนดึกดื่นตีสองตีสาม ส่วนฉันจะอาบน้ำหลังจากที่เคลียร์งานบ้านเสร็จ ช่วงสองถึงสี่ทุ่มประมาณนี้ “ก็อาบไป” เรซเดินผ่านฉันไปอย่างไม่สะทกสะท้าน หมอนั่นเปิดน้ำใส่อ่าง ถลกผ้าเช็ดตัวออกแล้วลงไปนอนแช่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันมองร่างสูงนัยน์ตาขวาง นึกอยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ออก รีบปิดก๊อกน้ำเดินมาสวมเสื้อคลุมแล้วออกจากห้องน้ำทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถูตัว แค่สระผมอย่างเดียว ครีมนวดก็ยังไม่ได้ลง “เสร็จแล้วเหรอ” จังหวะที่จะเอื้อมมือไปจับลูกบิดเสียงราบเรียบของเรซก็ดังขึ้น ฉันชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องน้ำโดยไม่คิดจะพูดอะไรกับเขาสักคำ ไม่กี่วันต่อมา เสียงเอะอะมะเทิ่งผิดปกติด้านนอกทำให้ฉันวางไม้ถูพื้นในมือลง เดินออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แถวนี้ไม่มีบ้านคน เพราะงั้นเสียงที่ได้ยินจะต้องเกี่ยวกับเซฟเฮาส์นี่ไม่มากก็น้อย แถมตอนเดินผ่านห้องโถงก็ไม่เห็นเรซ เขาน่าจะอยู่ข้างนอกด้วย ฉันไม่ได้กังวล แค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่หน้าเพิงหลังคาตรงลานกว้าง ผู้ชายสองคนกำลังช่วยกันเข็นลังกระดาษใบใหญ่ลงมาอย่างทุลักทุเลโดยมีร่างสูงของเรซรอรับอยู่ข้างล่าง ฉันชะงักชั่วขณะ ลังเลว่าจะเข้าไปช่วยดีหรือเปล่า จนเรซหันมามองเหมือนรู้ว่ามีคนกำลังจ้องอยู่ เราสบสายตากันแวบสั้นๆ แล้วเขาก็หันกลับไปคุยกับคนส่งของ ฉันตัดสินใจสวมรองเท้าเดินเข้าไปหา พอดูใกล้ๆ ถึงรู้ว่าข้างในลังกระดาษนั่นคือเครื่องซักผ้า เครื่องซักผ้า? ฉันอึ้งไปชั่วอึดใจ ปกติที่นี่ไม่มีเครื่องซักผ้า ช่วงสองสามวันแรกที่มาอยู่ฉันเคยถามเรื่องซักเสื้อผ้า หมอนั่นบอกแค่มีร้านซักรีดเจ้าประจำ เครื่องซักผ้าสำหรับเขาไม่จำเป็น แล้วฉันก็หน้าด้านขอเอาเสื้อผ้าส่งซักด้วย คำตอบเป็นยังไงน่าจะเดาได้ ฉันต้องซักมือ ตอนนี้จากมือนุ่มๆ ก็เริ่มกร้านหมดแล้ว แถมที่ตากไม่มีต้องซื้อแบบราวมาประกอบเอง โดยมีแฮคเป็นคนช่วยซะส่วนใหญ่ คนส่งของที่หน้าเด็กพอๆ กับไอ้ธูป หันมาผงกหัวทักทายฉันที่โผล่ออกมากะทันหัน ฉันยิ้มตอบตามมารยาท แต่ฉันกลับถูกเรซมองด้วยสายตาดุๆ แทน อะไรของเขา “ถูบ้านเสร็จแล้วเหรอ” เสียงเข้มถามเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง ฉันขมวดคิ้ว ตอบกลับเสียงฉุนสั้นๆ ว่า “ยัง” จากนั้นเรซก็ส่งสายตาไล่ฉันให้กลับไปทำงานต่อ แต่ฉันแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ มองเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตาตื่นเต้น “นายสั่งเครื่องซักผ้าเหรอ” “อือ” “ให้เอาไว้ตรงไหนครับเฮีย” คนส่งของร้องถาม คนหนึ่งยกลังกระดาษออกเผยให้เห็นหน้าตาเครื่องซักผ้าที่ทั้งสวยและดูแพง ส่วนอีกคนกำลังด้อมๆ มองๆ หาทำเลที่เหมาะสม เรซไม่ได้ตอบทันทีแต่หันมาพูดกับฉัน “อยากไว้ตรงไหน” “อืม… ตรงนั้นก็ดีนะ” ฉันชี้ให้เขาดูก่อนเดินเข้ามาดูรอบๆ บริเวณ ตรงที่ฉันเล็งไว้พอเหมาะมาก แต่… “ตรงนั้นไม่มีปลั๊กครับ” เด็กส่งของท้วง “อืม” ฉันพยักหน้า นั่นแหละปัญหา ขบคิดแป๊บหนึ่งก็พูดออกมาอย่างไม่เรื่องมาก “งั้นก็เอาไว้ใกล้ปลั๊กเถอะ” “ปริ๊นซ์” “ครับเฮีย” “มีเครื่องมือหรือเปล่า” “เฮียหมายถึง?” “ย้ายปลั๊กไฟไปตรงนั้น” เรซพูดกับเด็กที่ชื่อปริ๊นซ์เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันมองเขาอย่างคาดไม่ถึง แม้แต่เด็กส่งของยังเลิกคิ้วคล้ายไม่แน่ใจ ยืนทำหน้างงจนเรซฉุน “หรือมึงจะให้กูทำเอง” “อ้อ ไม่ต้องเฮียพวกผมทำเอง แฮะๆ เชิญเฮียเข้าไปนั่งรอในบ้าน ตากแอร์เย็นๆ สบายๆ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมเรียก” “เออ ก็แค่เนี้ย ระวังอย่าให้ไฟรั่วนะมึง” “คร้าบเฮีย พาอาเจ้คนสวยเข้าไปพักผ่อนข้างในเถอะครับ ตรงนี้มันร้อน เดี๋ยวผิวขาวๆ ของอาเจ้จะไหม้อุ่ย…” อีกคนที่มากับปริ๊นซ์พูดแซวๆ แต่จำต้องหุบปากฉับเมื่อถูกสายตาคมกริบจ้อง รีบเอามือเกาหัวแกรกๆ แล้วหันไปพูดกับปริ๊นซ์อย่างไม่กล้าปากมากอีก พอได้ยินแบบนั้นฉันก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าทำไมตั้งแต่แรกที่ออกมาถึงถูกเรซทำตาดุใส่ เพราะฉันใส่เสื้อผ้าที่โชว์เนื้อหนังมังสานี่เอง เป็นสายเดี่ยวลายจุดสีขาวแดงกับกางเกงยีนขาสั้น แล้วก็มีผ้ากันเปื้อนรูปกระต่าย (แฮคซื้อให้) ผูกทับอีกที ความยาวของผ้ากันเปื้อนยาวกว่ากางเกงอีก สาบานได้ว่าฉันไม่ได้คิดจะยั่วยวนเด็กส่งของ ฉันมองเรซด้วยสายตาเอือมระอาทันทีที่เดาความคิดเขาออก ทำไมถึงได้ชอบมีปัญหากับการแต่งตัวของฉันนักนะ ให้ตายเถอะ “เด็กส่งของทำแบบนี้ก็ได้เหรอ” ฉันทักท้วงด้วยความสงสัย เรซที่กำลังจะเดินออกไปหันมามองทันที คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ไม่พอใจที่ฉันอ้อยอิ่งหาเรื่องคุยกับคนส่งของ สองคนนั่นเพิ่งจะค้นอุปกรณ์ซ่อมไฟออกจากรถมองสบตากันไปมา ก่อนที่ปริ๊นซ์จะเป็นคนตอบ “พวกเราเป็นเด็กที่อู่ครับ ไม่ใช่เด็กส่งของ” เด็กอู่… ฉันเลิกคิ้วก่อนจะนึกขึ้นได้ หมายถึงอู่รถทีมเรดซันสินะ งั้นสองคนนี้คือคนของเรซ ถึงว่าคำพูดคำจาสนิทสนมเกินพนักงานส่งของธรรมดา “อ่อ ถ้างั้นก็ตามสบายนะ เดี๋ยวพี่เอาน้ำกับขนมมาให้” “ขอบคุณครับอาเจ้...อุ่ย” เด็กนั่นหุบปากฉับอีกรอบเพราะถูกเรซจ้องเขม็ง รีบกลับลำอย่างไว “ไม่เป็นไรครับ พวกเรามีน้ำ อาเจ้รีบเข้าบ้านเถอะคร้าบ” พูดแล้วก็เอามือปาดเหงื่อหันไปคุยอะไรมุบมิบๆ กับปริ๊นซ์สองคน ฉันถอนหายใจก่อนตวัดสายตาขุ่นๆ ไปทางเรซ ไม่เข้าใจว่าจะอะไรนักหนา แค่ฉันคุยกับเด็กพวกนี้ไม่ได้แปลว่าฉันจะล่อพวกเขาขึ้นเตียงสักหน่อย แค่ฉันง่ายกับนายก็ไม่ได้แปลว่าจะง่ายกับคนอื่นด้วย อีกอย่างใช่ว่าฉันจะยินยอมพร้อมใจกับนายซะเดียว ถ้าสมองนายไม่ได้เลอะเลือนน่าจะจำได้ว่าทุกครั้งนายบังคับฉันก่อน ฉันเดินหน้าตึงเข้าบ้านโดยมีเรซตามหลังให้ความรู้สึกเหมือนผู้คุม แต่พอเข้ามาข้างในเขาก็เดินแยกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง ไม่ได้อะไรกับฉันสักนิด ทำเอาฉันหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ตกลงว่านายแค่ไม่พอใจที่ฉันคุยกับเด็กของนายเพราะกลัวฉันจะไปยั่วพวกนั้นใช่มั้ย ได้! งั้นฉันเปลี่ยนชุด เปลี่ยนจากสายเดี่ยวเป็นเสื้อยืดตัวยาว ส่วนกางเกงก็เปลี่ยนเป็นเลกกิ้งแนบเนื้อบางๆ แทน ไม่ได้แคร์เขานะ แค่ไม่อยากให้เขาเข้าใจฉันผิด “ทำอะไร” เรซกลับจากระเบียงเดินผ่านประตูห้องครัวแล้วเหลือบเห็นฉันพอดีจึงเดินเข้ามาส่อง กลิ่นบุหรี่อบอวลไปทั่ว ฉันทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่เขาทันที “ข้าวเที่ยงไง” “เพิ่งสิบโมง?” หมอนั่นเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ สายตาคมเข้มมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า “เปลี่ยนชุดเหรอ” “อือ นายไม่ชอบที่ฉันใส่สั้นๆ ไม่ใช่เหรอ” “…..” เรซไม่ตอบอะไร เขาแค่หรี่ตามองหน้าเวลาฉันพูดเท่านั้น “นายไปบอกน้องนายหน่อยสิว่าทำงานเสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับ รอกินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อน” ม่านตาเรซกระตุกอย่างไม่รู้สาเหตุ เขากวาดตามองของบนโต๊ะ สีหน้าไม่สบอารมณ์นัก “ไม่ต้อง พวกนั้นมีงานต่อต้องไปทำ ไม่มีเวลามานั่งให้เธออ่อย” หน้าฉันชาไปวูบหนึ่ง เหมือนโดนของมีคมกรีดที่หัวใจ “งั้นก็ห่อใส่กล่อง” ฉันไม่อยากจมกับคำพูดอคติของเรซ รีบหั่นหมูกับผักจนเสร็จ ตั้งใจว่าจะผัดข้าวง่ายๆ กำลังจะหันไปหยิบกระทะมาตั้งเตา ข้อมือก็ถูกจับเอาไว้ “ไม่ได้ยินหรือไง บอกว่าไม่ต้องทำ” “นี่! แค่ทำอาหารนายจะระแวงทำไม ฉันแค่อยากขอบคุณพวกเขาที่ทำงานให้” “พวกเขาทำงานให้ฉัน ไม่ใช่เธอ อีกอย่างฉันก็จ่ายเงินเดือนพวกนั้น ไม่ได้ให้มาทำฟรีๆ ถ้าเธออยากตอบแทนก็มาตอบแทนฉันนี่” แรงบีบที่ข้อมือเพิ่มขึ้นจนน่ากลัวว่ากระดูกจะหัก ฉันมองสบสายตาร้อนระอุของเรซนัยน์ตาแดงรื้น ทั้งเจ็บทั้งไม่เข้าใจว่าเขาโกรธฉันเรื่องอะไร “เจ็บ… เรซปล่อยนะ ฉัน… ฉันไม่ทำแล้ว” ฉันพึมพำบอกน้ำตาคลอ เรซถึงยอมคลายมือออก แต่ร่างสูงไม่ได้ถอยห่าง ตรงข้ามกลับไล่ต้อนฉันจนติดกับเคาน์เตอร์ด้านหลัง เรซยกขึ้นแขนยันกับเคาน์เตอร์ คร่อมร่างกักขังฉันเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี “เรซ…” ฉันรู้สึกแปลกๆ ผลักอกเขาออกห่าง แต่ร่างหนาไม่ขยับ ความร้อนที่เกิดจากการใกล้ชิดทำหัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ แหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ นี่เขาคงไม่คิดที่จะปล้ำฉันจริงๆ ใช่มั้ย? “เรซ ข้างนอกมีคนอยู่นายจะทำอะไรไม่กลัวคนเข้ามา…เรซ นาย… อื้อ…” เสียงฉันขาดห้วนเมื่อถูกอีกฝ่ายบีบก้น ขยำอย่างมีชั้นเชิงจนเกิดอารมณ์วาบหวาม แค่นั้นก็ทำฉันเข่าอ่อนแทบยืนไม่อยู่แล้ว “เรซ… นาย… นายทำแบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” ฉันพยายามแข็งใจ ยกศอกขึ้นขวางแผ่นอกแกร่งไม่ให้เบียดชิด เอียงตัวหลบอุ้งมือหนาที่กำลังลูบเน้นใต้หว่างขาอย่างมีนัยแฝง “แปลกยังไง” เสียงทุ้มแหบพร่าเหมือนคนกระหายน้ำกระซิบลงข้างใบหู ลมร้อนที่เป่าทับลงมาเล่นเอาเลือดลมในตัวฉันปั่นป่วน “นายบอกฉันเป็นขยะ…” ฉันบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาด้วยเสียงเบาโหวง เรซกำลังบีบเฟ้นเนื้อนุ่มใต้หว่างขาฉันอย่างได้ที่ชะงักกึก เขาแน่นิ่ง ค้างอยู่ท่านี้นานจนฉันคิดว่าเรซไม่หายใจไปแล้ว “ไม่ใช่…” เรซพูดบางสิ่งออกมาแต่ก็หยุดกะทันหัน แล้วนิ่งไปอีกอึดใจ “ไม่มีอะไร” เขาผละออกห่าง เดินออกไปทางระเบียง ทิ้งให้ฉันสับสนงุนงงในห้องครัวที่ว่างเปล่าคนเดียว เมื่อกี้เรซจะบอกอะไรฉันหรือเปล่า เหมือนเขาจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่พูด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม