รถซีดานสีแดงรุ่นทดลองจอดอยู่ในช่องประจำของแฮค ชวนให้คิ้วหนาได้รูปของคนที่อยู่หลังพวงมาลัยยกสูง เรซเทียบรถเข้าจอดข้างๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นรถที่เพิ่งปรับแต่งเสร็จและวิ่งตรงออกมาจากอู่ เจ้าตัวคงอยากทดสอบสมรรถนะของรถจึงได้นำออกมาใช้ แต่ที่ทำให้คนเย็นชาอย่างเรซไม่สบอารมณ์คือรถดันมาจอดอยู่ที่นี่ต่างหาก
เป็นเวลาเกือบตีหนึ่ง ประตูบ้านที่พวกเขาเรียกมันว่าเซฟเฮาส์ก็ถูกเปิดจากด้านนอกอย่างเงียบเชียบ
สายลมเย็นพัดวูบเข้ามาในบ้านปะทะกับกลิ่นอายเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ไม่นานก็ถูกกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน ร่างสูงบนโซฟาไม่มีท่าทีตกใจ เขาแค่หันไปมองและเอ่ยทักคนที่เพิ่งมาถึงด้วยเสียงเป็นธรรมชาติแบบสุดๆ
“มาแล้วเหรอ”
แฮคนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มละมุน บนบ่ากว้างมีศีรษะมนได้รูปอิงแอบแนบชิดไม่เว้นระยะห่าง เปลือกตาบางปิดสนิท ดวงหน้าสวยไม่มีแววว่าจะรู้สึกตัวแม้แต่น้อย ลำตัวบางระหงในชุดนอนสายเดี่ยวสีชมพูกับกางเกงขาสั้นเข้าชุดคล้ายกำลังเชิญชวนอยู่กลายๆ ทิ่มตาทิ่มใจคนมองอย่างเรซเข้าจังๆ
หญิงชายนั่งซบไหล่กันบนโซฟา ฝ่ายหญิงกำลังหลับ ฝ่ายชายก็โอบเอวเธอเอาไว้อย่างทะนุถนอม ช่างเป็นภาพที่มองแล้วชวนอบอุ่นยิ่งนัก แต่เงาดำสายหนึ่งกลับคาดผ่านดวงตาคมกริบราวกับจะสับคนเป็นชิ้นๆ
เรซตระหนักถึงความจริงที่น่าระอาเกี่ยวกับเทียนมากขึ้น เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ระวังเนื้อระวังตัวเอาซะเลย
แฮครู้สึกได้ถึงสายตาทิ่มแทงดั่งเข็มแหลมคมของเพื่อน แต่แทนที่จะสะท้านสะเทือน ชายหนุ่มกลับยิ้มทะเล้นอย่างไม่รู้สึกรู้สา แววตาหยอกล้อมองกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มึงรีบกลับมาทำไมวะ กูกำลังได้ที่”
แฮคสบตาอีกฝ่ายก่อนจงใจหลุบลงที่หน้าตักตัวเอง เรซมองตาม เป้ากางเกงยีนแฮคขึ้นรอยนูนของตะเข็บตามปกติ หากแต่ความนัยที่แฝงอยู่ในแววตาแฮคมีเหรอที่เรซจะอ่านไม่ออก
ไอ้สารเลวแฮค… มันกำลังมีอารมณ์
“มึงจะทำอะไร”
เรซถามเสียงขุ่น ไม่ใช่ว่ากังวลหรือเป็นห่วงเทียนแค่รู้สึกไม่สบอารมณ์เฉยๆ ที่มีใครมาทำเรี่ยราดในบ้านช่วงที่เขาอยู่เวร
เซฟเฮาส์คือหนึ่งในทรัพย์สินร่วมของเรดซันพวกเขาห้าคนจะเปลี่ยนเวรกันอยู่เฝ้าที่นี่อย่างน้อยสองหรือสามเดือน และคราวนี้ก็เป็นคิวของเรซ
“กูไม่ทำอะไรเสียหายหรอกน่า อย่างมากก็แค่ช่วยตัวเองในห้องน้ำ” แฮคยักคิ้วให้เพื่อนที่ตอนนี้สีหน้าแม่งโคตรจะเย็นชา “แต่เทียนนี่ตัวหอมจริงๆ กลิ่นฟีโรโมนแรงขนาดนี้กูไม่แปลกใจเลย”
“หมายความว่ายังไง”
“หึ”
แฮคกระตุกยิ้มเบา ใบหน้าขี้เล่นเข้าถึงคนง่ายกับแววตาทะลึ่งทะเล้นเวลามองสรีระเพศตรงข้ามตอนนี้กลับหายไป เหมือนเปลือกปลอมที่สลัดทิ้งอย่างง่ายดาย
ไม่บ่อยนักที่แฮคจะแสดงท่าทีเยือกเย็นชนิดที่แม้แต่มดยังหยุดเดิน ยุงไม่กล้าบินผ่าน เรซหรี่นัยน์ตาลงสำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนเอ่ยออกมาเสียงเย็น
“มึงจริงจังเหรอ”
“ถ้ากูจริงจังแล้วมึงจะยอมเปิดทางหรือเปล่าล่ะ”
“ไอ้แฮค! มึงก็รู้ว่ายัยนี่ผ่านมือกูมาแล้ว แล้วยังจะ”
“แล้วยังไง” แฮคโพล่งสวนทันควัน เรซแววตาลุกวาว ขบฟันกรอดด้วยถูกอีกฝ่ายดักคอทั้งที่ยังพูดไม่จบ จับจ้องสายตาไม่สะท้านสะเทือนของแฮคแล้วระงับอารมณ์เดือดดาลไว้ไม่อยู่
“มึงจะบอกว่ารับได้ทุกอย่างงั้นสิ” เรซกดเสียงพูดลงเพื่อไม่ให้คนที่กำลังหลับรู้สึกตัว
“อืม”
“พ่องมึงสิ!”
เรซเลือดขึ้นหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดวงตาคมกริบฉายแววเกรี้ยวกราดกำลังจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อเพื่อนเขย่าแรงๆ เพื่อเตือนสติ
ปึ้ก!
แฮคยันโต๊ะกระจกตรงหน้าเสียงดังทำให้คนใกล้คลุ้มคลั่งอย่างเรซได้สติ แต่ไม่ส่งผลร้ายแรงต่อคนที่กำลังหลับสบายอยู่บนไหล่ของเขาแม้แต่น้อย
เป็นการเคลื่อนไหวที่ได้ผลชะงัด
เรซยืนนิ่งราวถูกสาป ทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไม เขาขัดเคืองใจต่อการประกาศกร้าวของแฮค หงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็เลือกเก็บงำแล้วจ้ำอ้าวออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง ไม่คิดกลับเข้ามาข้างในอีก
กลิ่นนิโคตินพลอยทำให้อารมณ์ปั่นป่วนสงบลง เรซจุดมวนที่สองหลังหมดมวนแรกทันที แม้แต่เด็กห้าขวบยังรู้ว่าบุหรี่ทำลายสุขภาพ แต่ผู้ใหญ่อย่างเขากลับทำเหมือนมันเป็นเพื่อนคู่คิด มีเรื่องเครียดนิดๆ หน่อยๆ เป็นต้องสูบ ติดเป็นนิสัยที่ยากจะแก้ถึงงั้นเจ้าตัวก็ไม่เคยนึกอยากจะแก้ไข
เรซออกไปคุยเรื่องเอกสารการเงินที่มีปัญหากับผู้จัดการธนาคารคนหนึ่ง เรซหงุดหงิดมากที่รู้ว่าสาเหตุมาจากคนทำบัญชีที่ผิดพลาด เขาต้องนั่งไล่ดูทั้งหมดแล้วแก้ไฟล์ใหม่ไปให้ผู้จัดการธนาคารดำเนินการต่อ รู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเข้าไปถึงสี่ทุ่ม ผู้จัดการกลับไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก เรซแค่นั่งแก้ข้อมูลแล้วอัปเดตไฟล์ใหม่ให้อีกฝ่ายก็เป็นอันเสร็จเรื่อง
จากนั้นเขาไปเจอนายทุนที่ผับเพื่อเจรจาข้อตกลงในการเดิมพัน หากนายทุนยังลังเลเรซจึงไม่อยากเปลืองเวลาด้วย ปกติเรซคงอยู่หว่านล้อมนานกว่านี้ แต่เขากังวลเรื่องเทียน ก่อนออกมาเรซหงุดหงิดจริง ทว่าต่อให้สะบัดภาพหน้าผู้หญิงคนนั้นออกจากหัวยังไง เสียงอ้อนวอนที่เหมือนจะทำให้โลกทั้งใบถล่มก็แว่วเข้ามาในหัวไม่เลิก
ถึงขั้นไม่ง้อลูกค้าเพื่อจะกลับบ้านให้ไวที่สุด แต่กลับมาดันเจอเทียนอยู่กับแฮคอยู่ด้วยกัน ความรู้สึกที่เหมือนโดนหักหลังนี่มันอะไรกัน แววตาเรซเยือกเย็นขึ้น เขาเตะระเบียงอย่างระบายอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ข้างใน จุดบุหรี่สูบถึงมวนที่สี่จิตใจที่ขึ้นลงเหมือนคลื่นคลั่งค่อยกลับมาเรียบสนิท
เสียงรถดังขึ้นและเงียบลงในเวลาสั้นๆ เรซมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาตีสอง เขาจ้องมองภาพดำมืดเบื้องหน้า แสงไฟเล็กๆ เปล่งประกายจากที่ไกลลิบสะท้อนอยู่ในแววตา
แฮคกลับไปแล้ว มันรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้แต่ไม่คิดจะเดินมาบอกกล่าวสักคำ แต่เรซไม่ได้ติดใจเรื่องนั้น...
ที่เขาออกมายืนสูบบุหรี่นานเป็นชั่วโมง มีความหมายสองอย่าง คือหนึ่งเพื่อสงบใจ สองคือปล่อยให้แฮคทำตามที่มันอยากทำ ระหว่างนี้ถ้ามันอยากกินเทียนเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่ง...
เรซคิดหยันตัวเอง ระหว่างเดินกลับเข้ามาในบ้านเขากดความรู้สึกบางอย่างลงไป บนโซฟาไร้ซึ่งเงาคน เรซไม่แปลกใจ รู้อยู่แล้วว่าแฮคต้องอุ้มเทียนขึ้นไปบนห้อง คิดภาพเทียนกับแฮคมีอะไรกัน สอดประสานร่างกายด้วยท่ายากหลายท่าในอกเรซพลันปวดแสบปวดร้อน
แฮคเป็นเสือผู้หญิงมันย่อมรู้วิธีการทำให้พวกเธอตอบสนอง ในขณะที่เทียนอ่อนไหวต่อสัมผัสแตะนิดแตะหน่อยก็ลุกเป็นไฟ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าบนเตียงจะร้อนระอุขนาดไหน
เรซตรงขึ้นชั้นบน แต่แทนที่จะเข้าห้องตัวเองเขากลับยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของเทียน บอกไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไร มือยื่นออกไปแตะลูกบิดแต่ลังเลไม่เปิดเข้าไป
คนเย็นชาหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมต้องอยากเห็นสภาพของคนข้างในขนาดนี้ เธอจะนอนแก้ผ้าตีลังกาหรือหลับฝันหวานก็ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย เรซคลายมือออกจากลูกบิด
แต่ก็ยังคาใจไม่หาย รู้สึกว่าถ้าไม่ได้เห็นกับตาจะนอนไม่หลับ จับลูกบิดประตูเปิดเข้ามาทันที
แสงไฟในห้องเปิดสว่างไม่แน่ว่าลืมปิดหรือจงใจเปิดทิ้งไว้ ทำให้เห็นร่างบางที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงชัดเจน ผ้าห่มถูกคลุมขึ้นมาถึงหน้าอกอย่างเอาใจใส่ สภาพคนกับเตียงนอนดูเรียบร้อยดี ไร้ร่องรอยการมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
แววประหลาดใจฉายชัดในดวงตาคมกริบของเรซ เขาเอื้อมมือไปปิดไฟให้เทียนแล้วกลับห้องตัวเองด้วยสีหน้าที่คลายความตึงเครียดลง
ซ่า...
เรซยืนอยู่ใต้ฝักบัว ร่างกายเปลือยเปล่าชโลมไปด้วยหยาดน้ำ กล้ามเนื้อหน้าท้องแน่นตึงยุบพองไม่เป็นจังหวะ เดี๋ยวสั้น เดี๋ยวยาว ไม่สม่ำเสมอ มือซ้ายยันผนังเอาไว้เพื่อทรงตัว ในขณะที่มือขวาจับส่วนร้อนจัดกลางหว่างขาชักเข้าออกถี่รัวเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ นิ้วเท้าจิกเกร็งก่อนจะสั่นกระตุก กระทั่งเสียงหายใจหวามไหวยังดังเล็ดลอดลำคอ เรซเงยหน้าขึ้นระบายอารมณ์อัดอั้นที่พรูออกมาก่อนถูกสายน้ำชะล้างไม่เหลือคราบ
แววตาคมกริบหม่นแสงลงชั่วขณะ กลิ่นอายเร่าร้อนเจือจางลง หลงเหลือเพียงอาการหงุดหงิดหลังสติคืนกลับ
เขาทุบผนังห้องน้ำหนักๆ ไปทีหนึ่ง ทั้งที่ตอนเช้าทำไปขนาดนั้นควรจะเบื่อหน่ายได้แล้วแท้ๆ
แต่ทันทีที่นึกถึงภาพเทียนนอนอยู่บนเตียงในชุดนอนสายเดี่ยว ช่วงล่างก็พลันตอบสนองจนน่าตกใจ เขาพยายามสะบัดความคิดนั้นออกจากหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากสุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อแรงปรารถนา ต่อให้ช่วยตัวเองเสร็จ กลับรู้สึกว่ายังไม่พอ เรซมองประตูห้องน้ำด้วยสายตาขุ่นมัว เขากัดฟันกรอดก่อนหลับตาลงฟอนเฟ้นกล้ามเนื้อส่วนล่างของตัวเองอีกรอบ