“เทียน”
เสียงใครสักคนเรียกจากด้านหลัง พอหันไปมองค่อยรู้ว่าเป็นฮาน หมอนั่นขมวดคิ้ว เดินย่ำเท้าเร็วๆ เข้ามาหาฉันที่ยืนคอยอยู่ที่รถ
“ทำไมมาอยู่นี่”
“ก็รอนายน่ะแหละ”
“แล้วเรซไปไหน นึกว่าอยู่ด้วยกันซะอีก”
“ไปกับลูกตาลแล้ว จริงๆ ลูอิสขอไปส่งนะ แต่ฉันคิดว่ามันคงไม่ดีถ้าให้คนอื่นรู้ว่าฉันเป็นแม่บ้านของพวกนาย ฉันก็เลยปฏิเสธลูอิส”
“งั้นเหรอ... จะให้บอกว่ารอบคอบหรือเจ้าเล่ห์ดีล่ะ”
ฮานจ้องฉันอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่ เพราะคำพูดของฉันเหมือนเป็นการข่มขู่กลายๆ
“ก็... ถ้าฮานไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ฉันได้เบอร์ลูอิสมาแล้ว เดี๋ยวโทรเรียกให้เขาไปส่ง”
หลังถูกเรซเทฉันไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ไลน์หาแฮคไปด้วย ว่าจะขอให้มารับ เพราะแฮคเคยบอกว่ามีอะไรก็โทรหาได้ตลอด แต่พอเวลาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ กลับติดต่อไม่ได้
จนป่านนี้ยังไม่อ่านไลน์ฉันเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็ดึกแล้วแหละ เขาอาจจะนอนแล้วก็ได้
ฉันออกจากห้องน้ำอย่างเซ็งๆ ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะเอายังไงก็บังเอิญเจอลูอิส หมอนั่นขายขนมจีบใส่ฉันไม่หยุดหย่อน แล้วยังขอไปส่งอีก ฉันดูออกว่าลูอิสอยากหาเวลาอยู่กับฉันตามลำพัง ถ้าฉันตอบตกลงคืนนี้คงไม่ได้จบแค่ไปส่งฉันเฉยๆ แน่ ฉันปฏิเสธลูอิสอย่างไม่ลังเล ลูอิสเลยยัดนามบัตรใส่มือฉันแล้วกำชับด้วยว่าถ้าเปลี่ยนใจก็ให้โทรหา เชื่อเขาเลย ถึงฉันจะใจง่ายกับเรซก็ใช่ว่าจะใจง่ายกับคนอื่นด้วยนี่
“งั้นก็ขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง”
เสียงฮานเรียกให้ขึ้นรถทำฉันได้สติ สะบัดเรื่องลูอิสออกจากหัวเพราะคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีก หลังเข้ามานั่งในรถ ฉันหันไปมองใบหน้าเรียบตึงของฮาน ท่าทางเหมือนไม่เต็มใจไปส่งเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ก็บอกให้ฉันกลับกับเรซ หรือว่ามีธุระต่อ แต่ดึกขนาดนี้เนี่ยนะยังจะไปทำอะไรที่ไหนอีก
“นี่ฮานไปไหนต่อหรือเปล่า?” ฉันถามอย่างอดไม่ได้ เห็นเขาเหยียบซะมิด รถแทบพุ่งไปบนถนน ฉันนั่งเกร็งไปทั้งตัว เป็นวันที่โคตรจะเสี่ยงอันตรายเลยให้ตายสิ จะร้องงง
“ใช่ มีคนรออยู่”
“กรี๊ด! ช้าๆ ก็ได้มั้ย ไม่ต้องรีบขนาดนี้”
ฮานเร่งความเร็วขึ้นอีก ฉันมองถนนที่วูบวาบผ่านไปอย่างรวดเร็วหัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ภาวนาให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
เซฟเฮาส์ปิดไฟมืด เงียบเชียบจนนึกหวั่นใจ ฮานส่งฉันลงหน้ารั้วแล้วให้เดินเข้าไปเอง จากนั้นเขาก็เลี้ยวรถกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ฝุ่นคลุ้งตลบอบอวลในอากาศ มือฉันสั่นพั่บๆ ยังไขประตูรั้วไม่เสร็จด้วยซ้ำ เสียงรถฮานก็เงียบหายไปในความมืดราวกับไม่เคยมีตัวตน
บรรยากาศวังเวงชวนขนหัวลุกเล่นเอาเสียวสันหลังวาบ ฉันแทบกลั้นหายใจ ทันทีที่เปิดประตูรั้วได้ก็รีบวิ่งสี่คูณร้อยผ่านลานมืดๆ มาที่ประตู ไขกุญแจเข้าบ้านราวกับถูกฆาตกรโรคจิตไล่ล่า
ปกติฉันไม่ใช่คนกลัวผีหรืออะไรมืดๆ แบบนี้ แต่บรรยากาศของที่นี่ชวนอกสั่นขวัญแขวนจริงๆ ก่อนหน้านี้มีเรซอยู่ด้วยฉันเลยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอได้ลองสัมผัสกับบรรยากาศมืดมิดโดยที่รู้ว่าในบ้านไม่มีใครอยู่ทำเอาอดขนพองสยองเกล้าไม่ได้
กว่าจะชินกับความเปลี่ยวดายภายในบ้านก็ผ่านไปสักพักใหญ่ ฉันอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จกลับไม่ง่วงเลยสักนิด เห็นถ้วยชามกองเต็มซิงค์ เลยจัดการล้างจนหมดจด อาหารที่ทำเอาไว้เมื่อเช้าเหลือเกินกว่าครึ่ง วางอยู่กลางโต๊ะนั่นแหละทั้งวัน ไม่ได้เก็บเข้าตู้เย็น ไม่เสียก็ให้มันรู้ไปสิ
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉันปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย ดันเผลอหลับบนโซฟาซะได้ กี่โมงแล้วเนี่ย~
เมื่อคืนหลังเคลียร์ครัวเสร็จฉันออกมานั่งรอเรซที่โซฟา ถึงจะรู้ก็เถอะว่าหมอนั่นไปถึงไหนต่อไหนกับลูกตาลแล้ว แต่ฉันก็แอบหวังว่าเขาจะเป็นห่วงผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันที่ต้องอยู่เซฟเฮาส์คนเดียวกลางป่าใหญ่ แต่ท่าทางฉันจะหวังสูงไป
เทียน : เรซจะกลับหรือเปล่า
เทียน : ทำไมที่นี่น่ากลัว รีบกลับมาได้มั้ย
เทียน : ฉันขอโทษเรื่องลูกตาลก็ได้ แต่รีบกลับมาเร็วๆ เถอะ
ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย ฉันมองข้อความที่ส่งให้เรซเมื่อคืนแล้วหน้าร้อนผ่าวไปหมด ดันให้ความอ่อนแอครอบงำจนทำเรื่องน่าอายอย่างการขอร้องเรซลงไปซะได้ ทั้งที่รู้ว่าหมอนั่นไม่มีทางสนใจแท้ๆ ว้อย! อยากเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งแต่ก็ทำได้แค่กำเอาไว้แน่น
ไอ้บ้านั่นไม่อ่านข้อความฉันด้วยซ้ำ มันน่าเจ็บใจตรงนี้!
ส่วนแฮคไลน์มาถามเรื่องเมื่อคืนและขอโทษที่ไม่ได้อ่าน ฉันแค่ตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร กลับถึงเซฟเฮาส์อย่างปลอดภัยแล้ว
ฉันเหลือบมองทีวีอย่างครุ่นคิด จำได้ว่าเปิดทิ้งไว้นี่นา แล้วใครปิดเนี่ย? เรซเหรอ กลับมาแล้วสินะ ฉันลุกจากโซฟาเดินมาส่องรถที่หน้าบ้าน เห็นบีเอ็มดับเบิลยูสีเหลืองจอดอยู่ก็รู้สึกโล่งใจแปลกๆ
...เรซกลับมาแล้ว
ฉันเข้ามาชงกาแฟทิ้งไว้ในครัวแล้วเดินขึ้นข้างบนด้วยความสงสัยหลายอย่าง เรซกลับมาเมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่ปลุกฉัน ปล่อยให้นอนตากแอร์อยู่ได้ ใจร้ายชะมัด
“หือ... เฮ้ย!”
ฉันร้องลั่นเมื่อเห็นหน้าตัวเองในกระจก ทะทำไมอยู่ดีๆ มีรอยปากกาเต็มหน้าแบบนี้เนี่ย หนวดแมวกับจมูกยังพอทนเว้ย แต่ไอ้กองอึบนหน้าผากแล้วมีแมลงหวี่ตอมนี่มันอะร้ายยย
แง้! ~ มันจะมากไปแล้วนะ ต้องเป็นฝีมือเรซแน่ๆ นอกจากหมอนั่นแล้วจะมีใครอีก คิดจะเอาคืนฉันใช่มั้ย ได้!
ฉันค้นปากกาเมจิกในกระเป๋าแล้วบึ่งมาที่ห้องเรซทันที แต่หมอนั่นล็อกประตูจากด้านใน ไม่เป็นไร ล็อกได้ล็อกไป ฉันเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ห้องน้ำแทน อย่างที่คิดถึงจะล็อกประตูหน้าแต่ประตูที่เชื่อมกับห้องน้ำไม่ได้ล็อก
ฉันค่อยๆ แง้มประตูเปิด เยี่ยมหน้าเข้าไปในห้องที่แม้ว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นเกือบกลางหัวแล้วแต่ในนี้ก็ยังครึ้มแสง ผ้าม่านสีทึบกันแดดได้เป็นอย่างดี ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่ซ่านผ่านช่องประตูออกมา ร่างสูงนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงในสภาพไม่สวมเสื้อ ซุกท่อนล่างไว้ใต้ผ้าห่ม ท่าทางหลับลึก ฉันก้าวมาที่เตียงอย่างกับผู้ร้ายย่องเบา คลานขึ้นไปใกล้ ดึงฝาปากกาเมจิกออกใจเต้นระทึก กำลังจะเขียนลงไปที่ข้างแก้ม เรซก็ลืมตาขึ้นซะก่อน
“อ๊ะ!”
ฉันผงะตกใจ เรซคว้าข้อมือฉันเอาไว้แทบจะทันที
“ทำอะไร”
“คะคือ...”
ฉันมองสบสายตาคมกริบเลิ่กลั่ก หมอนั่นหรี่มองปากกาในมือฉันพลันคิ้วเข้มก็กระตุกอย่างรู้ทันก่อนดึงฉันลงไปอยู่ใต้ร่าง
“เรซ!” หัวใจฉันกระตุกวูบ เบิกตามองแผ่นอกเปลือยเปล่าที่คร่อมทับอยู่ด้านบนด้วยแววตาสับสน
“จะทำอะไร”
เรซดึงปากกาออกจากมือฉันแล้วเค้นถามเสียงเย็น ลมหายใจอุ่นๆ ราดรดลงมาในระยะประชิด ดวงตาคมกริบมองรอยวาดบนใบหน้าฉันก่อนยกยิ้มเบาๆ
“กล้าขึ้นมาเล่นงานฉันถึงบนเตียง คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ”
หัวใจฉันเต้นรัว ดิ้นอยู่ใต้ร่างหนาเพื่อจะสลัดเขาออก แต่ต้นขาดันไปชนเข้ากับของแข็งที่อยู่ใต้กางเกงบ็อกเซอร์เนื้อนุ่มเข้าโดยบังเอิญ
“เรซ…” หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าร้อนวูบวาบ ตะโกนออกไปอย่างโมโห “ปล่อยนะ! ไม่ต้องมาพูด ตื่นเองได้ก็ทำให้มันสงบเองสิ”
“เธอเป็นคนปลุกเพราะงั้นต้องรับผิดชอบเซ่”
“คิดว่าฉันจะยอมเหรอ นี่เรซไอ้บ้าออกไปนะ!”
ฉันโวยวายอยู่ใต้ร่างสูง หมอนั่นยื่นจมูกคมๆ เข้ามาใกล้จนเกือบจะชนแก้มฉันอยู่รอมร่อแต่ฉันใช้มือดันหน้าเขาออกไปซะก่อน เรซเลยคว้าข้อมือฉันแล้วกดแนบลงกับเตียงไม่ให้ขยับเขยื้อนได้อีก
“ปล่อยสิ!” ฉันขึงตาใส่คนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
“อย่าเล่นตัวน่า เมื่อคืนยังยั่วกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ที่ไหนกันล่ะ ปล่อยสิ บอกให้ปล่อยไงเล่า อยากมากก็ไปเรียกลูกตาลมาสิ เมื่อวานอื้อเรซหยุด... นาย... นายไปกับยัยนั่นมาไม่ใช่อ๊ะ... เรซทำเกินไปแล้วนะ”
เรซก้มลงซุกไซ้ซอกคอฉันอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากร้อนลวกผิวทำให้เกิดความรู้สึกวาบหวาม ฉันฮึดฮัดต่อต้านเสียงแข็งก่อนที่เนื้อเสียงจะขาดกะท่อนกะแท่นตอนที่เขาย้ายเรียวปากไปที่ยอดอกดูดเม้มจนเกิดเสียงดังจ๊วบแล้วย้ายไปดูดอีกข้างด้วยความเร่าร้อนไม่แพ้กัน เสื้อนอนฉันเปียกชุ่มไปหมด
หัวใจฉันสั่นระรัว มองศีรษะที่เคลื่อนไหวอยู่บนทรวงอกอย่างรู้สึกปั่นป่วน ลมหายใจติดๆ ขัดๆ
“ยัยลูกตาลสนองตัณหานายไม่ได้หรือไงถึงต้องมาลงกับฉันตลอด”
นึกถึงเรื่องที่หัวหินแล้วอดข้องใจไม่ได้ ตอนนั้นเรซก็พาลูกตาลไปด้วย แต่ก็ยังแอบมาอะไรอะไรกับฉันที่สระว่ายน้ำ ตอนนั้นฉันคิดว่าเรซคงสนใจฉันและควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ต่อมาความเย็นชาของเขาก็ทำให้ฉันรู้ว่าเซ็กส์ระหว่างเราไม่มีความหมายอะไรเลยนอกจากความต้องการทางเพศเพียงอย่างเดียว