สัมผัสร้าย 7 ความปั่นป่วนในอารมณ์ (4)

1662 คำ
​ ​ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้นั่งรถมากับฮานในสถานการณ์แบบนี้ ฉันลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขาเป็นระยะ หลังคุยกันไม่กี่ประโยคฉันก็รู้ว่าเขามาเจอคนรู้จักที่บาร์ ส่วนเป็นใครหรือเรื่องอะไรนั้นฉันไม่ได้ถามต่อ ท่าทางฮานก็ไม่ได้อยากพูดรายละเอียดให้ฟังด้วย “อยู่ที่นั่นเป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นระหว่างรถติดไฟแดง “ก็ดีนะ” “งั้นเหรอ ได้ยินเฮียหมูบอกว่าทำอาหารอร่อย” เอาเรื่องนี้มาพูดอีกแล้ว ฉันได้แต่ยิ้มแบบแบ่งรับแบ่งสู้ “ไม่หรอก เฮียชมเกินไป” “อืม แล้วกับเรซไม่ได้มีปัญหาใช่หรือเปล่า” ฮานถามเรซ ฉันหันไปมองหน้าเขาขวับ “ปัญหายังไงเหรอ” “....” ฮานไม่พูดอะไรเพิ่ม เขาเงียบเหมือนลืมไปแล้วว่าถามอะไรไว้ ตรงจุดนี้แหละที่เหมือนเรซ ความเงียบที่น่าอึดอัด เดาไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไร “ฮานรู้เรื่องของเราใช่มั้ย” “ไม่รู้สิ” คำบอกปัดนั่นทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง ฮานก็อยู่ที่ภูเก็ตเขาน่าจะมองความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเรซออก แต่กลับพูดเหมือนไม่ยินดียินร้ายเลยสักนิด “งั้นทำไมถึงช่วยให้ฉันได้อยู่ที่นั่นล่ะ” “เรื่องนั้นต้องไปขอบคุณแฮค หมอนั่นมันติดสินบนฉัน แต่อย่าเลยดีกว่า มันไม่อยากให้เธอรู้ ถ้ารู้ว่าฉันบอกเดี๋ยวจะโมโหเอาเปล่าๆ ” ฉันสะท้านวาบไปทั้งใจ ที่แท้แฮคก็อยู่เบื้องหลัง... หมอนั่นดีกับฉันมากเกินไปแล้ว “แปลก” ฮานเปรยออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “อะไรเหรอ” “เธอน่ะ เป็นเพื่อนคะนิ้งใช่หรือเปล่า” “ก็ใช่ ทำไมเหรอ” “ไม่ได้กำลังวางแผนอะไรอยู่สินะ” “พูดเรื่องอะไรกัน” ฉันขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าฮานกำลังหมายถึงอะไร แต่มีอยู่อย่างที่เห็นชัดคือเขาทำตัวห่างเหินต่างจากตอนที่อยู่ภูเก็ต “แล้วเธอคิดอะไรอยู่ล่ะ ถึงอยากมาเป็นแม่บ้าน” “ไม่ใช่หรอก ความจริงแค่อยากได้ที่พัก ตอนนั้นใบหน้าของเรซก็ผุดเข้ามาในหัวฉันเลยมาที่นี่เพราะคิดว่าเรซจะช่วยได้ แต่เขาใจดำกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก” ภาพต่างๆ ที่เรซเคยทำร้ายจิตใจไหลบ่าเข้ามาในหัวไม่หยุด ฉันรีบส่ายหน้าไล่ความทรงจำที่ทำให้อารมณ์เสียทิ้งไป “ทำไมต้องเป็นเรซ” “เอ๊ะ ก็...” ฉันอ้ำอึ้ง คำถามของฮานเหมือนจี้จุดอะไรบางอย่างทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ “คิดจะจับเรซมันไม่ง่ายหรอก หมอนั่นเป็นพวกไร้หัวใจของจริงเลยล่ะ ใครก็ตามที่คิดจะผูกมัดมันมีแต่ต้องเจ็บปวด น้ำตาเช็ดหัวเข่ากันทั้งนั้น” นั่นน่ะ แค่ได้ฟังก็รู้สึกอ่อนแรงขึ้นมาทันที ฉันละสายตาจากฮานออกไปมองนอกกระจกรถ ก่อนจะรู้สึกผิดปกติบางอย่าง “ฮาน นี่ใช่ทางกลับเซฟเฮาส์เหรอ” “เปล่า เราจะไปที่สนามกัน” “....” ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น รถหรูของฮานวิ่งเข้าจอดเทียบลานกว้างที่เต็มไปด้วยรถยนต์หลายสิบคัน ส่วนใหญ่เป็นรถที่ถูกปรับแต่งสำหรับแข่งในสนาม และรถซูเปอร์คาร์ของเหล่าหัวโจทย์จอดแทรกอยู่สองสามคัน หนึ่งในนั้นที่สะดุดตามากสุดคือบีเอ็มดับเบิลยูสีเหลืองของเรซ หัวใจฉันกระตุกไหว มองไปรอบๆ อย่างรู้สึกสับสน ฮานบอกว่ามีปาร์ตี้เล็กๆ ที่ข้างสนามแข่ง เรซและคนอื่นๆ ก็อยู่ด้วย เขาต้องแวะปาร์ตี้นี่อยู่แล้ว เพราะงั้นขากลับก็ให้ฉันนั่งรถไปกับเรซเลย พูดง่ายเนอะ ถ้าฉันรู้ว่าต้องลงเอยแบบนี้สู้ค้างกับลูกกอล์ฟไม่ดีกว่าเหรอ “ฮาน... มาสายนะมึง” ผู้ชายที่สวมชุดแข่งรถสีดำเต็มยศเดินเข้ามาทักทายฮานด้วยท่าทางสนิทสนม พวกเขาชนกำปั้นและโน้มตัวเข้ากอดไหล่กันเบาๆ บรรยากาศคล้ายได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน “ไงมึงสบายดี เห็นว่าไปต่างประเทศ กลับมาเมื่อไหร่วะ” “เพิ่งกลับมา แล้วมึงเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าลูกค้าเยอะพอดูเลยนี่” “เออก็เรื่อยๆ แล้วนั่นใครวะ คนใหม่เหรอ” เพื่อนฮานส่งสายตามาทางฉันอย่างอยากรู้อยากเห็น รอยยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ค่อยน่าไว้ใจ “เทียนค่ะเป็นเพื่อนฮาน” ฉันชิงแนะนำตัวก่อน ส่งยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างเป็นมิตร “เพื่อน? ว้าว...” เขาทำหน้าประหลาดใจสุดๆ มองฉันกับฮานสลับกันไปมาแวบหนึ่งก่อนจะโผเข้ามายืนตรงหน้าฉันแล้วยื่นมือออกมาจับ “สวัสดีครับเทียน ผมลูอิส” “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะลูอิส” ฉันกระชับไมตรีกับคนตรงหน้าด้วยความยินดี ลูอิสยิ้มกว้าง ปล่อยมือฉันอย่างอ้อยอิ่งแล้วชวนคุยไปเรื่อย “เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกหรือเปล่า” “ค่ะเพิ่งเคยมา” “งั้นให้ผมพาทัวร์ดีมั้ยครับ” “เฮ้ยลูอิส” เสียงฮานขัดขึ้น ลูอิสจึงกะแอมไอแล้วเก๊กหน้าขรึมทำเหมือนที่พูดกับฉันเมื่อกี้เป็นแค่การล้อเล่นขำๆ “ไม่เอาน่า กูแค่อยากทำความรู้จักกับเทียนให้มากขึ้น หรือมึงหวงเพื่อน?” “พูดจาเพ้อเจ้อ แล้วนี่มึงลงแข่งด้วยเหรอถึงแต่งชุดนี้” “ใช่ จัดปาร์ตี้ที่สนามแข่งทั้งทีจะไม่มีแข่งได้ยังไงวะ จริงสิ เทียนชอบความเร็วหรือเปล่า” ลูอิสหันมาถามฉันกะทันหันเล่นเอาฮานจ้องเขม็ง “ก็ชอบมั้งคะ” ฉันยิ้มตอบอย่างคนไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน ปกติสนใจเรื่องแข่งรถที่ไหนล่ะ ถ้าถามเรื่องกระเป๋าหรือเครื่องสำอางรุ่นไหนออกใหม่ก็ว่าไปอย่าง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของลูอิส แววตาสีน้ำตาลฉายแววซุกซน “สนใจอยากลองนั่งรถแข่งกับผมหรือเปล่า จะได้รู้ไงว่าชอบหรือไม่ชอบ” “ลูอิส” ฮานเรียกชื่อเพื่อนอย่างไม่เห็นด้วย “นั่งรถแข่ง... หมายถึงนั่งข้างคนขับในสนามน่ะเหรอ” “ใช่” ลูอิสตอบอย่างหนักแน่น ฉันมองสายตาเชิญชวนของลูอิสด้วยความรู้สึกตื่นเต้น อยากรู้เหมือนกันว่าเวลานั่งอยู่ในรถแข่งบนสนามของจริงจะเป็นยังไง ฉันรีบพยักหน้าโดยไม่สนใจสายตาคัดค้านของฮาน “ตกลงค่ะ” ลูอิสพาฉันเดินฝ่าผู้คนที่กำลังสนุกกับปาร์ตี้เข้ามาในสนามที่มีรถแข่งจอดเรียงอยู่หลายคัน ระหว่างทางมีคนทักทายลูอิสไม่ขาดสาย เขาหยุดคุยด้วยเฉพาะบางคน ที่เหลือแค่โบกมือไม่ก็พยักหน้าให้ แต่กว่าจะมาถึงที่หมายก็ล่อไปหลายนาที “โทษที เซ็งหรือเปล่า” ลูอิสหันมาถามฉันที่เดินข้างๆ เพราะเขาเป็นเจ้าของงานจึงไม่แปลกที่จะได้รับความสนใจจากทุกคน “ไม่นี่ ขอโทษทำไม” ฉันบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ “เทียนรู้จักกับฮานนานแล้วเหรอ” “ก็ไม่นานเท่าไหร่” ลูอิสเลิกคิ้วกับคำตอบของฉัน เขาทำท่าเหมือนอยากจะถามอะไรอีกแต่ว่าเสียงตะโกนเรียกชื่อลูอิสก็ดังขึ้นซะก่อน ทำให้เขาต้องพับความคิดตัวเองลงแล้วหันไปสนใจเจ้าของเสียงเรียกเมื่อครู่แทน ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนเข้ารูป ผมยาวสีทองรวบมัดไว้ด้านหลัง ยืนอยู่ตรงประตูรถที่เปิดอ้าเอาไว้กำลังจ้องเขม็งมาที่ลูอิส “ลูอิส! ไอ้สารเลว จะให้พวกกูรอไปถึงไหน” “เจเดน มึงหงุดหงิดอะไรมาวะ” ลูอิสโต้ตอบอย่างไม่ใส่ใจ คำพูดของคนที่ชื่อเจเดนอาจจะดูเกรี้ยวกราดแต่น้ำเสียงเป็นเพียงการหยอกล้อกันเล่นขำๆ “คนอื่นๆ มากันครบหมดแล้วเหลือแต่มึงคนเดียวเนี่ย” เจเดนบอกพลางส่งสายตามาทางฉัน “เฮ้ๆ ขี้โกงนี่หว่า ไหนว่าที่นั่งข้างๆ มีไว้ให้แค่ลิซ่าคนเดียวไงวะ” “เงียบไปเลยเจเดน ตอนนี้กูโสดจะทำอะไรก็ได้ เทียนอย่าไปใส่ใจหมอนั่นเลย ขึ้นรถเถอะ” ลูอิสส่งสายตาเขียวปัดให้เพื่อนตัวเองก่อนหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ลูอิสเดินนำฉันมาที่รถสีขาวคันหนึ่งแล้วเปิดประตูด้วยท่าทีที่เป็นสุภาพบุรุษ ฉันรู้ว่าเขาตั้งใจทำเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่เจเดนพูด ฉันยิ้มขอบคุณอย่างไม่ใส่ใจแต่กำลังจะขึ้นรถฉันดันเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งที่แสนคุ้นตาเข้าพอดี เรซ! หัวใจฉันกระตุกวูบอย่างไม่ทราบสาเหตุ หมอนั่นกำลังมองมาที่เราสองคนก่อนเข้าไปนั่งในรถ ปิดประตูเสียงดังปัง! “เรซ... หมอนั่นคือเด็กในแก๊งไอ้ฮาน เทียนน่าจะรู้จัก” ลูอิสมองตามสายตาฉันไปที่รถคันนั้นแล้วพูดด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนเตือนให้ฉันรีบขึ้นรถเพราะได้เวลาแข่งแล้ว “เรซก็แข่งด้วยเหรอ” ฉันยึกยักไม่ยอมขึ้น มองหน้าลูอิสอย่างข้องใจ ชักไม่แน่ใจแล้วว่าอยากนั่งไปกับลูอิส สายตาเรซเมื่อกี้ทำเอาร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก “ใช่ เอ้าขึ้นรถได้แล้วคนสวย” ฉันถูกต้อนให้ขึ้นรถ ลูอิสผลักเอวฉันพลางส่งสายตาให้รีบๆ นั่งแล้วปิดประตูก่อนเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว รถหลายคันแล่นมาจอดที่จุดสตาร์ท ถนนจำลองเทียบได้เท่ากับสองเลนครึ่ง รถสามคันวิ่งเรียงแถวหน้ากระดาษได้สบายแต่อาจจะเสียวหน่อยตอนเข้าโค้ง ลูอิสเปิดวิทยุสื่อสารในรถ คุยกับคนปล่อยตัวที่ข้างสนาม “ถ้าทุกคันพร้อมแล้วก็นับถอยหลังได้” “ครับบอส” ปลายทางตอบรับอย่างแข็งขัน ลูอิสหันมาขยิบตาให้ฉันพร้อมกับเตือนให้รัดเข็มขัด ฉันรีบทำตามอย่างว่าง่าย อึดใจต่อมาก็ได้ยินเสียงนับถอยหลังตามด้วยเสียงยิงปืนดังกึกก้อง ปัง! ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม