“ฉันว่าแกเลิกอะไรกับพี่แสงเหอะ ทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่คนใหม่เว้ย”
ลูกกอล์ฟตบไหล่เปลือยๆ ของฉันอย่างให้กำลังใจหลังจากรับฟังเรื่องราวไปแล้ว มันรู้ว่าฉันเลิกกับพี่แสงตั้งแต่วันแรกๆ แล้วเพราะตามโซเชียลอยู่
พี่แสงเล่นประกาศว่าโสดขนาดนั้น มีแต่คนไม่เล่นเฟซบุ๊กเท่านั้นแหละที่จะไม่เห็น แต่กอล์ฟมันไม่รู้รายละเอียด อินบ็อกซ์อะไรมาฉันก็ไม่ตอบเพราะสาเหตุที่เลิกกันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาเล่าให้ใครฟังผ่านทางจอมือถือได้
แม้แต่เพื่อนๆ ที่คณะฉันก็ไม่บอกว่าเลิกกับพี่แสงเพราะอะไร แต่เชื่อว่าพวกนั้นน่าจะได้ยินข่าวลือของฉันกับเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูมาบ้าง เพียงแค่ไม่มีใครกล้าถาม และฉันก็ไม่อยากเล่าให้ใครฟังด้วย ยกเว้นอีกอล์ฟ พอฉันบอกว่าเลิกกับพี่แสงเพราะเรื่องเข้าใจผิด มันออกหน้าออกตาทันทีว่าไม่เชื่อ
‘ไม่มีทาง เด็กปัญญาอ่อนยังรู้เลยว่าเหตุผลแค่นั้นไม่ทำให้คนเลิกกันได้หรอก แค่แกนั่งคุยกับผู้ชายในร้านกาแฟเนี่ยนะ บอกมาอีเจ้มันต้องมีอะไรมากกว่านี้’
ยังจำน้ำเสียงแดกดันระคนดูถูกของมันตอนนั้นได้ แววตาลูกกอล์ฟส่องประกายราวกับพวกนักสืบ
ฉันเลยจำใจเล่าให้มันฟังทั้งหมด แต่ไม่ได้บอกว่าเจ้าของรถบีเอ็มคือใคร มันถึงขั้นตบเข่าฉาด
‘นั่นไงว่าแล้วแกต้องมีคนอื่น แล้วผู้ใหม่เป็นไง อร่อยมั้ย’
‘ก็อร่อย... เฮ้! อย่าพานอกเรื่องสิ’ ฉันส่งสายตาเขียวปัดให้คนที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฉุนตัวเองที่เผลอตบมุกลูกกอล์ฟได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้น
‘ฮ่าๆ ถ้าผู้ใหม่ดีแกก็จัดการให้อยู่หมัดเลยสิ’
‘นี่ฉันไม่ได้บอกแกหรือไงว่าหมอนั่นเย็นชาจะตาย ขนาดฉันยังไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่’
‘อู๊ยยย มาโง่เอาอะไรตอนนี้เนี่ย ผู้ชายลองถ้ามันไม่ถูกใจ มันจะอยากนอนกับแกอีกมั้ยห๊ะ แค่ครั้งแรกแล้วแยกย้ายก็ไม่อะไรหรอก แต่นี่ยังจะมีครั้งที่สองครั้งที่สามตามมาจนทำให้แกต้องเลิกกับพี่แสง เอ๊ะ หรือว่าเขาจะตั้งใจทำให้แกเลิกกันแล้วก็แย่งแกมาเป็นของตัวเอง อ๊ายย กร้าวใจอะไรอย่างนี้ อีเจ้ฮ็อตนะจ๊ะ’
‘ไม่มีทาง’ ฉันดับฝันของลูกกอล์ฟด้วยคำพูดเย็นชา ไอ้เรื่องที่จะแย่งฉันมาจากพี่แสงน่ะไร้สาระสิ้นดี หมอนั่นไม่สนด้วยซ้ำว่าฉันจะมีแฟนหรือไม่มี แค่เป็นประเภทที่อยากทำก็ต้องได้ทำ
นึกถึงสีหน้าเรซในวันนี้ ตอนบอกให้ฉันไม่ต้องขึ้นรถไปกับเขาแล้วเกลียดชะมัด หน้าอย่างนั้นอ่ะนะที่บอกว่าถูกใจฉัน ต่อให้อยากเข้าข้างตัวเองขนาดไหนก็เชื่อไม่ลงจริงๆ สงสัยชะมัดว่าในสายตาเรซเขาเห็นฉันเป็นคนยังไง
‘มันก็ไม่แน่หรอกอีเจ้’ ลูกกอล์ฟยังคงยืนยันความเชื่อของตัวเอง ‘อย่างน้อยๆ ฉันก็ว่าเขาถูกใจแก’
‘....’
ฉันมองสบสายตามั่นอกมั่นใจของเพื่อนข้ามเพศ ถึงจิตใจมันจะเป็นหญิงแต่ร่างกายยังเป็นชาย บางทีความรู้สึกนึกคิดแบบผู้ชายอาจจะยังหลงเหลืออยู่ในตัวมันด้วย เพราะงั้นฉันถึงไม่กล้าเถียงออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำนัก
“ลืมๆ อิพี่แสงไปเหอะ ยังไงเขาก็ไม่เอาแกแล้วหนิ หาเป้าหมายใหม่ดีสุดเชื่อฉัน”
ลูกกอล์ฟตอกย้ำ มันตบบ่าฉันสองทีก่อนไล่สายตามองเข้าไปยังลานกว้างของบาร์ที่มีคนกำลังโยกตัววาดลวดลายคล้องไปกับเสียงเพลงมันๆ
ฉันสวมเสื้อเกาะอกเอวลอยสีน้ำเงินเข้มแบบมีสายผูกคอกับกางเกงยีนที่ยืมมาจากสปายเพื่อนสนิทคนหนึ่งของลูกกอล์ฟ โชคดีที่หุ่นใกล้เคียงกันเลยใส่ได้พอดี และต้องขอบคุณที่เธอให้ยืมอย่างไม่ถือสา เราชวนสปายมาด้วยแต่เธอดันปวดประจำเดือนพอดีเลยได้แต่บอกปัดด้วยสีหน้าเสียดาย
“ดูโน่นผู้โต๊ะโน้นท่าทางจะถูกใจแก เห็นมองมาทางนี้บ่อยๆ ”
ฉันมองตามสายตาลูกกอล์ฟไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะปะทะสายตาเข้ากับผู้ชายที่รูปร่างท่าทางดี มองจากตรงนี้เห็นหน้าไม่ชัดแต่สังเกตจากการแต่งตัวแล้วถือว่าดึงดูดความสนใจมาก และจู่ๆ ผู้ชายคนนั้นก็ลุกขึ้น เดินตรงมาทางนี้ ยิ่งใกล้ยิ่งทำให้เห็นเครื่องหน้าชัด
“เฮ้ย... เทียนเห็นมั้ยบอกแล้ว สนใจแก เสน่ห์แรงนะยะ”
เสียงกระซิบกระซาบข้างหู จุดที่เรานั่งอยู่เป็นเคาน์เตอร์บาร์ ไกลจากเครื่องเสียงทำให้เวลาคุยกันไม่ต้องตะโกนก็ได้ยิน
“สนใจบ้าสิ!” ฉันถลึงตาใส่คนข้างๆ ให้เลิกคิดเพ้อเจ้อ หันกลับมามองคนตรงหน้าที่กำลังจ้องเราทั้งคู่ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
หัวใจฉันวูบโหวงแปลกๆ อารมณ์เหมือนหนีพ่อมาเที่ยวแล้วโดนจับได้ พึมพำชื่อร่างสูงโปร่งตรงหน้าเบาๆ
“ฮาน! ”
“อ้าวคนรู้จักเหรอ” ลูกกอล์ฟลอบส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นแล้วไม่ลืมกระแซะถามมาอีกว่า “หรือว่าเป็นคนที่นอนกับแก โอ๊ย! อีเจ้ เหยียบเท้าฉันทำไมห๊ะ”
ฉันจ้องตาลูกกอล์ฟเขม็งบอกให้มันไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ก่อนหันกลับมามองฮาน
“ฮาน... มาเที่ยวเหรอ”
เมื่อวันก่อนเขามีส่วนสำคัญที่ทำให้ฉันได้อยู่ที่นั่นในฐานะแม่บ้าน แต่วันนี้ฉันกลับมาเที่ยวทำตัวไร้สาระอยู่ในบาร์ ยิ่งคิดว่าตัวเองยังไม่ได้จับอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในฐานะแม่บ้านยิ่งละอายใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วเมื่อวานฉันก็เพิ่งถูกเรซเขม่นเรื่องจะออกไปดื่มเหล้ากับแฮคจนเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต
“เธอจริงด้วย ตอนแรกนึกว่าจำผิดซะอีก” ฮานเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้ายังคงนิ่งขรึมแต่ดวงตาคมเข้มกลับมีแววตำหนิแฝงอยู่ “แล้วนี่มาเที่ยวเหรอ”
เป็นคำถามเดียวกับที่ฉันเพิ่งถามไป พอถูกถามกลับก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ จะหาเรื่องอะไรหรือเปล่านะ
“อื้ม พอดีมีเรื่องกลุ้มนิดหน่อยเลยชวนเพื่อนมาดื่ม”
ฉันยิ้มเจื่อนๆ อีกฝ่ายแค่เหลือบมองเพื่อนต่างเพศฉันแวบหนึ่ง ถึงลูกกอล์ฟมันจะแต่งตัวเหมือนผู้ชายปกติแต่จริตจะก้านดูเป็นสาว และฮานน่าจะดูออก
“อืม จะกลับหรือยัง”
“คะ?”
“หรือว่าจะค้างกับเพื่อน”
พอฉันทำหน้างง ฮานก็เปลี่ยนคำถามทันที ฉันกับลูกกอล์ฟมองหน้ากันไปมา แน่นอนว่าถ้าดึกมากก็ต้องค้างห้องลูกกอล์ฟแล้วพรุ่งนี้ค่อยนั่งรถกลับ แต่พอถูกสายตาเข้มๆ ของฮานจ้องกลับลำบากใจที่จะตอบ
“เอ่อ ทำไมเหรอ”
“ถ้าจะกลับจะได้ไปส่ง แต่ถ้าจะค้างกับเพื่อนก็ไม่เป็นไร”
“อีเจ้... แกยังไงเนี่ย ผู้ชายอยากไปส่ง ไปสิ ไปเลย แล้วอย่าลืมกลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะ”
ลูกกอล์ฟดึงฉันเข้าไปกระซิบใกล้ๆ พลางส่งสายตาระริกระรี้มาให้ อีบ้านี่ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกฮานจ้องไม่ละสายตาฉันได้ผลักมันตกเก้าอี้ไปแล้ว คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย ฮึ่ยย ฮานไม่ใช่อย่างที่แกคิดว้อย!
ฮานมองท่าทางดี๊ด๊าของลูกกอล์ฟราวกับรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาไม่ถือสา ยังคงจ้องรอคำตอบจากฉันด้วยมาดนิ่งๆ
“อืม กลับสิ แต่ขอไปเอาของที่ห้องเพื่อนก่อนได้มั้ย”
ฉันยิ้มแห้งๆ ให้ฮานอย่างรู้สึกเกรงใจ ซึ่งเขาก็พยักหน้า ขับรถพาฉันกับลูกกอล์ฟมาที่หอพัก แล้วรอฉันขึ้นไปเอาของในห้องอยู่ที่รถโดยไม่บ่นสักคำ
“ตกลงว่าฮานเป็นใครอีเจ้ ท่าทางอย่างกับไฮโซ ไม่สิ ไม่ใช่ไฮโซแต่ดูดีเว่อร์ เขาเป็นใครไหนเล่ามาสิ”
ลูกกอล์ฟตีแขนฉันรัวๆ ระหว่างเดินเข้าหอพักมารอลิฟต์
“เป็นเพื่อนของแฟนเพื่อนน่ะ”
“ซับซ้อนไปไหนเนี่ย แกจะปิดฉันให้มันได้อะไรขึ้นมายะ”
มันหาว่าฉันโกหก เดินเข้าลิฟต์ด้วยท่าทางปั้นปึ่งกดปุ่มลิฟต์แรงๆ
“ไม่ได้ปิด ฮานเป็นเพื่อนริกกี้ และริกกี้ก็เป็นแฟนคะนิ้งไง”
“อ๋อ คนที่แกเล่าให้ฟังว่านิสัยเรียบร้อยน่ะเหรอ”
“ใช่นั่นแหละ” ฉันเคยพูดถึงเพื่อนในกลุ่มให้มันฟังมาบ้าง เลยไม่ต้องเหนื่อยอธิบาย มันเข้าใจก็ดีแล้ว
“แต่ฉันไม่เก็ตว่ะ”
ประตูลิฟต์เปิดเราทั้งคู่ก้าวออกจากลิฟต์ไปตามทางเดิน แล้วลูกกอล์ฟมันก็หันมาส่งสายตากังขาให้ฉันอย่างไม่เลิกรา
“ทำไมเพื่อนของแฟนเพื่อนแกถึงอาสาไปส่ง มันต้องมีซัมธิงสิ อีเจ้บอกมา”
“โอ๊ยกอล์ฟอย่าเพิ่งซักไซ้อะไรตอนนี้เลย รีบๆ เปิดประตูเร็ว ฮานรออยู่ ฉันไม่อยากให้เขารอนาน เกรงใจว้อย”
ฉันไม่ได้บอกลูกกอล์ฟเรื่องที่ย้ายหอแล้วออกไปอยู่เซฟเฮาส์ของทีม RED SUN ในฐานะแม่บ้าน ลูกกอล์ฟไม่รู้ว่าฉันมีช่วงเวลาที่ลำบากยังไงตอนเลิกกับพี่แสง มันรู้แค่ว่าฉันเจ็บปวดและยังตัดใจจากเขาไม่ได้
ตอนอยู่ในบาร์ฉันลังเลอยู่หลายรอบว่าจะบอกมันดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดเพราะไม่อยากให้มันเป็นห่วง