อุบัติเหตุ
ท้องถนนยามดึกที่เงียบสงบมีเพียงแค่แสงไฟส่องสว่างจากหลอดนีออนตามข้างถนน รถยนต์คันหรูที่แล่นมาด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด เสียงเพลงที่เปิดภายในรถเป็นเพื่อนแก้เหงาเธอ
หญิงสาวฮัมเพลงเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี หลังจากที่เธอประชุมกับทีมงานนอกสถานที่ของตัวเองเสร็จและงานก็ผ่านเรียบร้อยไปด้วยดี
ดวงตากลมโตทอดมองไปยังเบื้องหน้าท้องถนน รถยนต์ที่ขับไปเรื่อย ๆ เริ่มไร้ซึ่งแสงไฟส่องสว่างข้างทางจะมีก็แต่แสงไฟหน้ารถยนต์คันหรูของหญิงสาวที่ขับมาเท่านั้น
“ไฟเสียงั้นเหรอ” เสียงบ่นพึมพำกับตัวเอง มือบางกำพวงมาลัยรถแน่น ภายในใจเริ่มกลัวความมืดที่ปกคลุมอยู่ด้านหน้า
หญิงสาวพยายามตั้งสติของตัวเองและตั้งใจขับรถกลับคอนโดให้เร็วที่สุดและในความมืดที่ไร้แสงไฟและรถทำให้เธอตัดสินใจเร่งความเร็วให้มากกว่าเดิมและเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในความมืด
“เฮ้ย!!” เสียงอุทานของหญิงสาวดังขึ้น เมื่อเธอเห็นบางอย่างกำลังวิ่งตัดหน้ารถของเธออยู่อย่างกระชั้นชิดจนเธอไม่สามารถควบคุมรถเอาไว้ได้ รถยนต์คันหรูจึงพุ่งชนร่างที่วิ่งมาตัดหน้ารถอย่างจัง
รถยนต์คันหรูเบรกดังสนั่นกลางท้องถนนยามค่ำคืน โดยมีร่างของใครบางคนติดอยู่หน้ากระจกรถของหญิงสาวและเสียหลักพลิกคว่ำไปในที่สุด
“กรี๊ด!!” ตุบ โครม
ดวงตากลมโตค่อย ๆ หลับลง พร้อมกับสติของเธอที่ดับวูบลงไปเช่นกัน รถยนต์ที่พลิกคว่ำกลางถนน ควันฟุ้งในท่าหงายท้องโดยมีร่างบางของหญิงสาวติดอยู่ภายในรถ
โรงพยาบาลรัฐชานเมืองที่ดูเงียบสงัดแต่ก็ยังมีบุคลากรทางการแพทย์ทำงานอยู่โดยมีคุณหมอหนุ่มที่เลือกลงโรงพยาบาลแห่งนี้ช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะอยากท้าทายความสามารถของตัวเองและลองวิชาความรู้มากกว่าจะไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน
“คุณหมอคามินคะ มีเหตุด่วนค่ะ” พยาบาลเดินมาแจ้งกับคุณหมอเวรที่กำลังนั่งอ่านเอกสารสำคัญอยู่ ร่างสูงของคุณหมอรีบลุกขึ้นจากโต๊ะมุ่งหน้าไปยังห้องฉุกเฉินโดยมีพยาบาลวิ่งตามรายงานเหตุการณ์ไม่ห่าง
“ผู้หญิงสองคนค่ะ”
“หนักไหม”
“เอาเรื่องอยู่เหมือนกันค่ะ” พยาบาลรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับคุณหมอหนุ่มได้รับทราบ ร่างสูงวิ่งมาถึงห้องฉุกเฉินเป็นอันต้องชะงัก เขาจ้องมองร่างบางที่นอนอาบเลือดอยู่บนเตียงคนไข้
“เพนนี!!” เสียงเข้มอุทานขึ้นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปตรวจอาการของเพนนีที่เขารู้จักเป็นอย่างดีโดยตาเรียวคมปรายตามองร่างบางของผู้หญิงอีกคนที่นอนอยู่ข้างเตียงเพนนี โดยมีอาจารย์หมอเป็นคนดูแล
“ตอนนี้ชีพจรเต้นอ่อนมากค่ะ”
“เตรียมเครื่องปั๊มหัวใจครับ”เสียงชีพจรจากเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจตามเส้นกราฟอ่อนลง ทำให้คุณหมอคามินตัดสินใจสั่งให้พยาบาลเตรียมเครื่องปั๊มเอาไว้
“คนไข้ไม่รู้สึกตัวตั้งแต่ที่เกิดเหตุแล้วค่ะ”
คุณหมอคามินตรวจคนไข้อย่างใจเย็น หัวใจที่เริ่มว้าวุ่นเมื่อคนบนเตียงคือคนที่ตัวเองรู้จักดี เธอคือเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่เขาสนิทด้วยมากที่สุดและด้วยหน้าที่วิชาชีพ ทำให้คุณหมอหนุ่มต้องรีบตั้งสติก่อนจะรีบเร่งช่วยชีวิตของเธอ
“คนไข้หัวใจหยุดเต้นค่ะคุณหมอ”
“ผมขอเครื่องปั๊ม หนึ่งร้อยจูล” ร่างสูงจับเครื่องปั๊มหัวใจด้วยใบหน้าที่เริ่มเคร่งเครียด ก่อนที่เขาจะรีบปั๊มหัวใจของเธอที่ตอนนี้เป็นเส้นตรงโดยไร้ชีพจร
ใบหน้าซีดเซียวที่นอนอยู่บนเตียงไร้เลือดไปหล่อเลี้ยง ใบหน้าและเนื้อตัวที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือดร่างที่ไร้ลมหายใจของเพนนี ทำให้คุณหมอหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะปรายตาไปมองนาฬิกาที่ติดพนังของห้องฉุกเฉินก่อนจะแจ้งเวลาการเสียชีวิต
“เสียชีวิตเวลา 23.22 น.” ร่างสูงวางเครื่องช่วยปั๊มหัวใจลง ก่อนจะแจ้งเวลาที่เสียชีวิตให้กับพยาบาล ตาเรียวคมจ้องมองร่างอันไร้ลมหายใจของเพื่อนสนิทตัวเอง ดวงตาแดงก่ำไร้น้ำตา ก่อนร่างสูงจะใช้ผ้าคลุมร่างของเพนนีด้วยตัวเอง
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับอาจารย์หมอ” เสียงคุณหมอข้างเตียงเอ่ยบอกกับอาจารย์หมอที่เร่งเข้าช่วยชีวิตของหญิงสาวอีกคน ด้วยเครื่องมือการแพทย์ที่ครบครั้นและอาจารย์ที่มากด้วยประสบการณ์
“ใครเหรอครับ” เสียงเข้มเอ่ยถามพยาบาลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตาเรียวคมปรายตามองใบหน้าของหญิงสาวที่นอนไร้สติอยู่บนเตียงแต่เธอยังมีลมหายใจซึ่งแตกต่างจากเพื่อนสนิทของตัวเองที่ไร้โอกาสอยู่บนโลกใบนี้
“คู่กรณีค่ะ ผู้หญิงที่ขับรถชนผู้เสียชีวิต”
“เคสหนักเหรอ”
“ไม่หนักเท่าไหร่ค่ะ”
“แล้วทำไม หมอถึงแห่กันไปเตียงนั้น” ด้วยความสงสัยของคุณหมอคามิน เขาจึงเอ่ยถามพยาบาลด้วยความอยากรู้
“สายตรงมาค่ะ น่าจะลูกคนใหญ่คนโตค่ะ”
“ใหญ่มากขนาดนั้นเลยเหรอ” คุณหมอคามินจ้องมองใบหน้าสวยที่ไร้ที่ติไม่วางตา มือหนากำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ เมื่อเพื่อนสนิทของตัวเองที่อาการหนักแต่ไร้การดูแลจากอาจารย์หมอที่เก่งมาดูแล
“ก็คงพอตัวเลยค่ะคุณหมอ งั้นไม่โทรหาอาจารย์หมอให้มารักษายามดึกได้หรอกค่ะ”
“ครับ”
ร่างสูงของคุณหมอคามินเดินออกจากห้องฉุกเฉินไปด้วยใจอันเลื่อนลอย ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงพยาบาล เพื่อสงบสติอารมณ์กรุ่นโกรธที่มีภายในใจ
“ขอโทษที่รักษาเธอเอาไว้ไม่ได้นะเพนนี” เสียงพึมพำกับตัวเองดังขึ้น ร่างสูงนั่งรับลมอยู่บนนั้นจนเขาสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้และหยิบมือถือโทรแจ้งข่าวร้ายให้กับแม่ของเพนนีได้ทราบ
“ว่าไงจ๊ะหมอ” หมอคามินต่อสายหาคุณแม่ของเพนนีและไม่นานนักเธอก็รับสายของคุณหมอด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเรียบเฉย
“คุณป้าทำใจดี ๆ ไว้นะครับ” เพราะกลัวว่าคุณแม่ของเพนนีจะตกใจจนเป็นลม หมอหนุ่มจึงค่อย ๆ บอกกับคุณแม่ของเพนนีอย่างใจเย็น
“มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
“เพนนีเสียชีวิตแล้วครับ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล XXX” ไร้เสียงตอบรับจากปลายสาย มีเพียงความเงียบเข้ามาแทรก ก่อนที่ปลายสายจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์ใด ๆ ก่อนจะชิงตัดสายทิ้ง
“เหรอจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าป้าจะไป”