“Hi ไวน์ กอบัว” เสียงใสของตะวันดังขึ้น เธอเอ่ยทักทายเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงสดใส รอยยิ้มสวยพิมพ์ใจทำให้ใครหลายคนเมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอถึงกับยิ้มตาม
“มหาลัยไกลมากเหรอยะ ทำไมวันนี้ถึงมาสายได้”
“ไม่”
“ไม่ไกลแล้วทำไม มาสาย”
“ไม่บอกต่างหากค่ะสามี”
“อี๋ แกอย่าพูดแบบนี้นะยัยตะวัน ฉันขนลุกขนพองหมดแล้ว ไม่เชื่อแกดูสิ” ไวน์เพื่อนสนิทของตะวัน ชายหนุ่มแต่ใจสาว ยกแขนของตัวเองของมาดู ขนแขนชูชันขึ้นอย่างที่ปากว่า ใบหน้าสะอิดสะเอียนเมื่อได้ยินเพื่อนสาวเรียกเธอว่าสามี
“ทำไม!!ฉันไม่สวยตรงไหน ฉันว่าฉันสวยที่สุดในอำเภอแล้วนะยะ”
“อำเภอของแก มีแค่แกเป็นผู้หญิงคนเดียวใช่ไหม” ไวน์ตอบกลับตะวัน เขาแสยะปากใส่ตะวันคู่ปรับตลอดกาลของตัวเอง ถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันก็ตามทีแต่ทั้งคู่ก็มักจะกัดกันอยู่ตลอด
“เลิกเถียงกันเถอะนะ” เสียงหวานละมุนของกอบัวห้ามปราบเพื่อนทั้งสอง กอบัวคือสาวน่ารักคนหนึ่ง ที่พูดจาสุภาพและอ่อนหวานที่สุดในกลุ่มก็ว่าได้
“โอเคค่ะกอบัว ไปเรียนกันเถอะค่ะสามี” ตะวันหันไปตอบกอบัวด้วยน้ำเสียงที่ลงท้ายอย่างสุภาพ ก่อนจะหันหน้าไปเรียกไวน์อีกครั้ง
“ว๊าย!!ตายแล้วยัยชะนีน้อย”
“ฉันไม่น้อยนะคะ แกดูนี่” ตะวันยืนหน้าอกของตัวเองขึ้น เพื่อโชว์ของที่แม่ให้มาตั้งแต่เกิดด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจไม่น้อย
“เดี๋ยวก็ได้เป็นสามีภรรยากันจริง ๆ หรอก”
“เชี้ย/ว๊าย หยุดพูดค่ะกอบัว” เมื่อเจอคำพูดของกอบัว ทั้งสองรีบดีดตัวให้ห่างออกจากกัน ใบหน้าสะอิดสะเอียนของทั้งคู่ประกายออกมา พวกเธอยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองปรอย ๆ
ภายในหอประชุมของมหาลัยชื่อดังแอร์เย็นฉ่ำ เนืองแน่นไปด้วยเหล่านักศึกษาปีสามที่กำลังจะขึ้นปีสี่ภาคเรียนหน้า ทุกคณะของมหาลัยรวมตัวกันอยู่ในหอประชุมแห่งนี้
เนื่องจากนักศึกษาชั้นปีที่สี่เมื่อเปิดภาคเรียนแรกต้องออกฝึกงานหนึ่งเทอมส่วนภาคเรียนที่สองต้องเข้ามาเรียนเพิ่มเติมที่มหาลัยและทำโปรเจคจบ
“ตะวัน กอบัว พวกแกมีที่ฝึกงานรึยัง”
“บัวมีแล้วนะไวน์”
“ยัง แต่ตอนนี้ฉันรอให้บริษัทติดต่อกลับมา” ใบหน้าสวยของตะวันเริ่มกลัดกลุ้มใจ เนื่องจากเธออยากฝึกงานกับบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของประเทศ จึงทำเรียนยื่นสมัครเป็นเด็กฝึกงานที่ต้องแข่งขันกับคนอื่นรวมถึงเด็กจากมหาลัยอื่นด้วยเช่นกัน
“เอาจริงดิ?” ไวน์เลิกคิ้วถามเพื่อเรียกความมั่นใจของตะวันที่กำลังนั่งทำหน้ากลุ้มอยู่ข้าง ๆ เพื่อนรักของเธอทั้งสองมีที่ฝึกงานของตัวเองเรียบร้อยแล้วจะเหลือก็แต่ตะวันเท่านั้น
“จริงสิ!!ฉันอยากเป็นนักข่าว พวกแกก็รู้” ที่เธอมาเรียนคณะนิเทศศาสตร์ก็เพื่ออยากเป็นนักข่าว อยากทำงานด้านสื่อ นั้นคือความใฝ่ฝันของเธอ
“บัวขอให้เขาตอบรับตะวันเร็ว ๆ นะ”
“ขอบคุณนะ กอบัว” น้ำเสียงออดอ้อนของตะวันโน้มตัวไปกอดกอบัวเหมือนเด็กกำลังอ้อนแม่อยู่ก็ไม่ปาน
“แล้วถ้าไม่ได้แกจะทำยังไง”
“ตบปากแก เท่าอายุเดี๋ยวนี้เลยนะ” ตะวันแยกเขี้ยวใส่ไวน์ที่พูดไม่เข้าหูเธอสิ้นดี พูดไม่เคยจะเข้าหูกันแต่ก็สนิทกันมาก
“ปากเจ่อพอดีสิย่ะ”
“ยี่สิบครั้งเอง”
“อย่าใช้คำว่าเองนะยะ ตอนนี้แกจะยี่สิบเอ็ดแล้วค่ะดอก”
“ย่างเข้ายี่สิบเอ็ดค่ะสามี”
“ไปไกล ๆ เลยนะยะ” เถียงกันตลอดการอบรมจนจบโดยมีกอบัวนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว เมื่ออบรมเสร็จทั้งสามคนก้าวออกจากหอประชุมด้วยท่าทางเบิกบานใจ
“ตะวันครับ ตะวัน”
“คะ” หนุ่มตี๋หน้าตาดีจากคณะบริหารเรียกชื่อตะวันหน้าหอประชุม ตะวันหันไปตามเสียงเรียกของชายหนุ่มนามว่าเวย์ที่ตามจีบเธออยู่
“มีเรียนต่อไหมครับ”
“ไม่มีแล้วนะ”
“งั้นไปกินข้าวกันเวย์ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ ตะวันมีธุระไปกับไวน์” ไวน์พูดแทรกขึ้นทั้งที่ตะวันยังไม่ทันตอบตกลงเวย์เลยด้วยซ้ำ ใบน่าเสียดายของเวย์ฉายชัดออกมาด้วยความผิดหวัง
“ขอโทษด้วยนะเวย์”
“ไม่เป็นไรครับ คืนนี้เวย์โทรหานะ”
“ค่ะ” ตะวันโบกมือบ๊ายบายเวย์ เขาเดินออกไปจากบริเวณที่เธออยู่ ก่อนที่ตะวันจะถามมาหาไวน์เพื่อรอคำตอบว่าเธอไปนัดกับไวน์ตอนไหน
“ฉันมีนัดกับแกตอนไหน”
“หรือแกอยากไปทานข้าวกับเวย์”
“ก็ไม่นะ”
“แม่คนฮอต วันนั้นหนุ่มวิศวะ วันนี้หนุ่มบริหาร ครบคณะรึยังตอนนี้” น้ำเสียงกระแนะกระแหน ของไวน์พูดขึ้น เพราะเพื่อนของเธอฮอตจริง ๆ มีหนุ่ม ๆ ตามจีบไม่เคยขาด
“เขาไม่ได้จีบ เราเป็นเพื่อนกัน”
“บางครั้งฉันก็คิดว่าแกใสซื่อจริง ๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่” หัวคิ้วขมวดเป็นปมเมื่อได้ยินประโยคจากไวน์
“ก็เป็นเพื่อนกัน”
“แต่ผู้ชายไม่ได้คิดแบบนั้นนะตะวัน”
“ถ้าแกจะมีแฟนฉันไม่ว่าอะไรหรอก จะได้มีคนมาดูแลแก” น้ำเสียงจริงใจและแววตาเป็นห่วงแสดงออกมาจากดวงตาของไวน์ เพราะตะวันมาจากต่างจังหวัดต้องเข้ามาอยู่ในเมืองกรุงเพียงลำพังทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้
“แต่ฉันคิดกับพวกเขาแค่เพื่อนค่ะ”
“ไม่มีใครที่ทำให้ตะวันใจเต้นแรงเลยเหรอ” คำถามของกอบัว ทำให้ตะวันชะงัก ใบหน้าสวยจิ้มลิ้มฉุดคิดทบทวนกับตัวเองหลายวินาที
“ไม่มีเลยกอบัว แล้วกอบัวมีใครมาทำให้ใจเต้นแรงรึยัง”
“......” ความเงียบของกอบัวเป็นคำตอบได้อย่างดี ทั้งตะวันและไวน์ต่างพากันเอียงหน้ายิ้มหยอกล้อกอบัวจนเธอเขินอายบิดจนตัวม้วน
“ตะวันแกต้องไปส่งฉันทำธุระเย็นนี้”
“ที่นี่?”
“ไปเดี๋ยวก็รู้เอง”