ควันธูปและกลิ่นธูปลอยโขมงไปทั่วบริเวณที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นสาว ๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ ทุกคนต่างพากันถือดอกกุหลาบสีแดง ธูปเทียนสีแดง เอาไว้ บางคนกำลังนั่งนิ่งอยู่บนพื้นปูนตั้งจิตด้วยความมั่นใจ
“แกพาฉันมาทำอะไรที่นี่”
“นั้นสิ!!ไวน์”
“ฉันกำลังจะมาขอผัว ก่อนเรียนจบไง” ไวน์ตอบกลับเพื่อนรักทั้งสองที่ยืนทำหน้างุนงง เมื่อถูกไวน์พามาที่นี่
“แต่ฉันยังไม่อยากได้ผัว แกจะพาฉันมาด้วยทำไม”
“มาส่งฉันไง แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว พวกแกก็ขอ ๆ ไปเถอะ เผื่อได้” ไวน์ดันหลังของทั้งสองให้เดินไปซุ่มที่ขายดอกกุหลาบและของไหว้ ก่อนจะแจกแจงให้กับเพื่อนสาวทั้งสอง
ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ลานกลางแจ้งกลางกรุง เพื่อมาไหว้ขอความรักจากพระตรีมูรติที่ใครต่อใครต่อต่างศรัทธาและพากันมาขอพรที่นี่ ต่างพูดปากต่อปากว่าขอแล้วได้ดังหวังซึ่งสายมูรตัวแม่อย่างไวน์ไม่พลาดอยู่แล้ว
“แล้วทำไมแกต้องมาไหว้ขอตอนนี้ด้วย”
“ก็อีกเดี๋ยว เปิดเทอมเด็กเฟรชชี่น่ารัก ๆ อาจจะเป็นเนื้อคู่ของฉันสักคนก็ได้” ใบหน้าเพ้อฝันของไวน์มโนถึงตอนที่ตัวเองกำลังมีแฟนอยู่ข้างกายแต่ต้องถูกเพื่อนรักอย่างตะวันดับฝันเสียงก่อน
“แกก็ขอไปทั่ว ฉันไม่เห็นแกจะได้สักคนเลย”
“หน๋อย!!ใครจะไปรู้เผื่อครั้งนี้ฉันอาจจะได้ก็ได้นะยะ” ไวน์เบะปากเชิดหน้าใส่ตะวัน ที่พูดดักคอเธออยู่
“รีบไปขอได้แล้ว เดี๋ยวก็ได้ผัวช้าหรอก ดูคนมาขอเยอะมาก” ตะวันดันหลังของไวน์ให้เดินเข้าใกล้รูปปั้นผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์สวยงามดั่งนางฟ้าและดูศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเดียวกัน
“อย่ารบกวนสมาธิของฉันนะยะ”
“ต้องขนาดนี้เลยเหรอ? งั้นฉันกับกอบัวขอเสร็จจะไปรอแกด้านหน้านะ” เมื่อเห็นโพยกระดาษที่ไวน์ชูขึ้นมา โพยกระดาษที่ยาวมากกว่าหนึ่งหน้ากระดาษ ทำให้เธอและกอบัวต้องขอตัวไปรอด้านหน้า
“อืม จะไปไหนก็ไปอย่ารบกวนสมาธิของฉัน”
ตะวันยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้า เธอไม่ได้ขออะไรมากมายก่อนจะเดินไปปักธูปด้านหน้าของรูปปั้น ขนแขนชูชันขึ้นหลังจากที่เธอปักธูปลง ทำให้เธอต้องยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากลานอเนกประสงค์ไปรอเพื่อนด้านหน้า
“ตะวันขอสเปคแบบไหนเหรอ”
“ไม่ได้ขอแบบนั้น ฉันขอแค่ส่งเนื้อคู่มาก็พอ” กอบัวพยักหน้าตอบรับ
“แล้วกอบัวขอแบบไหน”
“ไม่บอก!!ถ้าได้จริงแล้วค่อยบอก เดี๋ยวจะไม่ศักดิ์สิทธิ์”
“โอเค จะรอดูหน้าแฟนบัวนะ” ความสดใสของตะวัน ทำให้กอบัวยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู เพราะตะวันเป็นคนขี้เล่นและจิตใจดีแต่เวลาพูดตะวันมักจะเป็นคนพูดกวนประสาทไปหน่อย
“ตะวันแกสอบเสร็จแล้วกลับบ้านเลยไหม” หลังจากที่เสร็จจากการขอพร ทั้งสามคนก็พากันมาหาอะไรอร่อย ๆ ทานต่อ
“กลับดิ พ่อกับแม่โทรมาตามแล้ว”
“แกไม่อยู่แล้วฉันจะไปกินเหล้ากับใคร”
“อ้าว!! ก็กลุ่มมดยักษ์ก็อยู่ไหม”
“ฉันจะไปฟ้องนางมด ว่าแกเรียกมันว่ามดยักษ์” มดยักษ์เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับตะวันและไวน์อยู่คณะเดียวกันแต่คนละสาขา ทุกครั้งที่จะออกไปดื่มสังสรรค์หรือเที่ยวก็จะนัดรวมตัวกันเสมอ
“ฮ่าฮ่า รีบเลย ฉันจะรอสายให้มันโทรมาวีนใส่” เสียงใสหัวเราะออกมา เธอชอบเวลาเพื่อนโมโหและด่า วันไหนไม่โดนด่าเหมือนนอนไม่หลับยังไงก็ไม่รู้
“ค่ะ แดกเสร็จก็แยกย้ายกันไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ”
“อันนั้นแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเทอมนี้ฉันจะคว้าเกรดสวย ๆ ประดับบารมีของตัวเอง” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นด้วยความมั่นใจ เพราะเธออยากได้งานที่ดีทำก็ต้องตั้งใจเรียนทำเกรดไม่ให้น่าเกลียดตอนสมัครงาน
ยามดึกของวัน ภายในคอนโดหรูหลายล้านที่ตกแต่งคลุมโทนสีเทาของพายุเงียบสงัด แสงจากดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาภายในห้องทำให้พอเห็นภาพตรงหน้าเลือนราง
ใบหน้าหล่อเหลานั่งอยู่โซฟาภายในห้องแววตาเรียบเฉย ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ตาคมทอดมองความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้า ภายในคอนโดที่ตกแต่งหรูหราแต่กลับไม่น่าอยู่เลยสักนิด ทุกอย่างดูเหงาและอ้างว้างไปหมด
แววตาเรียบเฉยที่แฝงด้วยความรู้สึกบางอย่างภายในใจที่ยากจะคาดเดา แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกเช่นไร
ครืด ครืด ครืด
(ไอ้พายุ มึงอยู่ไหนวะ)
(คอนโด)
(กูนึกว่ามึงอยู่ที่สนาม ว่าจะแวะไปหา)
(กลับมาแล้ว)
(โอเค พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะเว้ย)
หลังจากที่พายุวางสายจากภัทรเขาก็เดินเข้าไปภายในห้องนอนของตัวเอง สายตาปะทะเข้ากับกรอบรูปที่มีภาพถ่ายระหว่างเขาและผู้เป็นแม่ที่เคยถ่ายด้วยกัน มือหนาหยิบกรอบรูปขึ้นมา เขาจ้องภาพถ่ายแม่ของตัวเอง สายตาตัดพ้อแสดงออกมาเมื่อเขาได้อยู่ตามลำพัง
“แม่เห็นแก่ตัวดีนะครับ” เสียงพึมพำบอกบุคคลให้ภาพถ่าย พายุเปิดลิ้นชักข้างเตียงนอน ยัดกรอบรูปนั้นลงไปและปิดลงด้วยความน้อยใจ