"กาแฟค่ะ"
มือบางข้างซ้ายที่ถนัดของพลอยขวัญยกขึ้นเคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะกลับไปช่วยมือขวาประคองถาดที่ใส่กาแฟมาสองแก้วไม่ให้สั่นไปตามจิตใจของเธอที่กำลังทั้งกลัวทั้งคิดมากถึงคนที่ต้องเอากาแฟเข้าไปให้ และยืนรอให้คนด้านในที่กำลังคุยงานกันเสียงดังออกมาข้างนอกเอ่ยอนุญาตให้เธอเข้าไป
"เข้ามา"
เลิศพันธ์ถอนหายใจยาวใส่คนตรงหน้าที่กำลังถกเถียงกับเขาอยู่เฮือกใหญ่ก่อนจะอนุญาตให้คนด้านนอกเข้ามา
"ค่ะ"
พลอยขวัญเดินก้มหน้าทำตัวลีบๆเข้ามาภายในห้องทำงานขนาดไม่ใหญ่มากนัก แล้ววางแก้วกาแฟลงตรงหน้าของคนทั้งสอง แล้วรีบเดินออกไปทันทีโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาให้ใครเห็นทั้งนั้น
"ผมขอตัวก่อนครับ"
มือหนาของคาวีปัดแก้วกาแฟออกจากตรงหน้าในทันทีจนแก้วกาแฟนั้นแทบจะตกลงจากโต๊ะ พร้อมสายตาเย็นชามองไปยังคนเสิร์ฟกาแฟเพียงนิดเดียวก่อนจะหันกลับมาจ้องมองคนตรงหน้าที่มียศสูงกว่าอย่างดุดันต่อ ด้วยไม่พอใจเป็นที่สุดที่คนตรงหน้าเข้าไปก้าวก่ายงานของเขา
"กินกาแฟกันก่อน"
เลิศพันธ์ที่กำลังกำราบให้คาวีอยู่ใต้อำนาจของเขาด้วยการพูดออกมาอย่างดุดันหวังให้คาวีนั่งลงต่อ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคาวีมีนิสัยยังไงดื้อเพ่งขนาดไหน
"ยังไงผมก็ถอนตัวจากงานนี้ไม่ได้"
ร่างใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำความเคารพผู้ที่มียศสูงกว่าตรงหน้าแล้วกลับหลังหันเพื่อจะเดินออกไปจากห้องนี้ ด้วยเขาจบการคุยในวันนี้แล้ว
"มันเสี่ยงเกินไป ลุงหวังว่าแกคงจะเข้าใจ"
เลิศพันธ์เปลี่ยนน้ำเสียงให้อ่อนลงเพื่อให้คาวีฟังเขาในฐานะที่เขาเป็นญาติทางฝั่งแม่ งานที่เบื้องบนมอบหมายมานี้มันเสี่ยงเกินไปสำหรับคาวี มันอาจมีกำดักซ่อนอยู่เพราะคาวีเคยมีส่วนเกี่ยวข้องเข้าจับกุมสาขาของพวกมันมาเมื่อสามสี่วันก่อนนี้
เขาเป็นห่วงคาวีทั้งในฐานะที่คาวีเป็นหลานชายและในฐานะที่คาวีเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างมาก ถึงขั้นใช้ตำแหน่งใหญ่โตเข้าไปยุ่งกับงานลับสุดยอดขององค์กร ดึงชื่อของคาวีออกจากงานนี้ทั้งที่แทบไม่มีอำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
"ชื่อผมจะต้องอยู่ในงานนี้เหมือนเดิม"
คาวีเดินออกไปจากห้องนี้ทันทีเพราะเขาได้คุยธุระจบลงแล้ว ต่อให้ชีวิตเขาเสี่ยงมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันเลิกทำงานนี้เป็นอันขาดเพราะเขาตามกำจัดพวกค้ายาเสพติดข้ามชาตินี่มานานเป็นปีแล้ว อีกอย่างเขาไม่มีวันปล่อยเพื่อนร่วมงานที่รักกันเหมือนพี่น้องไปเสี่ยงกันตามลำพังแน่นอน
"ไอ้คนดื้อ"
เลิศพันธ์ได้แต่มองตามคาวีผู้เป็นทั้งหลานชายและเป็นลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาไป โดยไม่มีคำใดขอร้องอ้อนวอนหลานชายคนนั้นได้อีก เพราะเมื่อคาวีตัดสินใจอะไรแล้วเขาไม่มีทางเปลี่ยนใจได้เลย ไม่ว่าหนทางที่เลือกมันจะเป็นยังไง เขาเองที่ผิดที่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้ทั้งที่รู้ผลลับอยู่แล้ว
"ว้าย"
พลอยขวัญที่กำลังเดินใจลอยออกมาจากห้องทำงานของเลิศพันธ์ล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับถาดใบเล็กที่เอามาใส่กาแฟเข้าไปเสิร์ฟ ด้วยเพราะเธอโดนชนเข้าอย่างจังจากร่างหนาที่เปิดประตูออกมา
"ขวัญเป็นอะไรหรือเปล่า"
กัลยารีบถลาตัวเข้ามาช่วยเด็กสาวที่เธอใช้ให้ไปทำหน้าที่แทนเธอทันที ส่วนคนที่ทำเด็กสาวล้มเขาเดินกลับออกไปแล้วโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเลยสักนิด
"ไม่เป็นไรค่ะ"
ร่างบางที่เจ็บจนลุกขึ้นจากพื้นเองไม่ไหวฝืนยิ้มให้กัลยา เพื่อไม่ให้ใครต้องมาเป็นห่วงเธอและนี่เธอก็แค่โดนชนล้มเดี๋ยวก็หายเจ็บเอง
"แปลกจังปกติผู้กองกระทิงไม่เคยใจดำแบบนี้"
กัลยาประคองร่างบางของพลอยขวัญให้ลุกขึ้นแล้วพาไปนั่งพักที่เก้าอี้ พร้อมกับสงสัยไปด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมผู้กองที่เธอแอบปลื้มถึงได้เดินชนคนแล้วหนีไปแบบนั้น ไม่หันกลับมาดูดำดูดีเลยสักนิด
"ปกติเขาเป็นคนแบบไหนเหรอคะ"
พลอยขวัญเริ่มคลายความเจ็บลงมากหันไปถามคนที่นั่งลงข้างๆเธอด้วยความอยากรู้ แท้จริงแล้วซาตานคนนั้นเป็นคนอย่างไรกันแน่ เขาเป็นซาตานร้ายอย่างที่เธอคิดเอาไว้หรือเปล่า หรือเป็นเทพบุตรผู้แสนดีรับกับหน้าตาที่หล่อจนหาคำบรรยายไม่ได้
"ก็แบบว่า"
กัลยารีบเล่าอย่างไม่รอช้าพร้อมกับนั่งบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย เพราะคาวีที่เธอรู้จักตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่ เขาคือสุภาพบุรุษทั้งนิสัยและก็หน้าตาที่สาวน้อยสาวใหญ่ต่างหมายตา
พลอยขวัญได้แต่นั่งฟังเงียบๆค่อยๆคิดตามที่กัลยาพูด แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่มีตรงไหนของนิสัยเขาจะตรงกับที่เธอเจอมาเลย รวมถึงเมื่อตะกี้เขาก็ยังใจดำใส่เธอ
"ห้องทำงานใครเหรอคะ"
พลอยขวัญที่ถูกสอนงานมาครบหนึ่งเดือนเต็มจนเป็นงานมากพอ เธอถูกย้ายให้มาช่วยงานใครสักคนหนึ่งที่เธอเองก็ยังไม่รู้ เธอรู้เพียงแต่ว่าจะต้องนั่งฝึกงานที่นี่จนกว่าจะฝึกงานจบ
"ร้อยตำรวจเอกคาวีพี่ละอิจฉาเธอจริงๆ"
กัลยาที่เป็นคนมาส่งพลอยขวัญทำงานที่ห้องใหม่นี้เดินเอาป้ายชื่อเจ้าของห้องไปติดตรงหน้าประตู พร้อมกับหันหน้ามาทำท่าบูดบึ้งใส่เด็กสาวก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานของตัวเองที่ทำค้างเอาไว้ แต่ในใจก็ไม่ได้คิดโกรธเคืองอะไรในตัวเด็กสาวหรอกเพราะก็เอ็นดูเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง
"ใครกันคาวี"
ร่างบางรีบเดินไปปิดประตูที่กัลยาเปิดทิ้งเอาไว้และกลับมาเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อจะให้ห้องที่เริ่มจะร้อนเย็นทันต้อนรับเจ้าของห้อง พร้อมกับในหัวก็กำลังสงสัยว่าใครคือเจ้าของห้องนี้
"คุณ"
ยังไม่ทันที่จะคิดออกว่าใครคือเจ้าของห้อง ประตูที่เธอเพิ่งปิดไปก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างหนาที่เดินเข้ามา
พลอยขวัญตาโตด้วยความตกใจ มือไม้อ่อนแรงลงจนปากกาที่ถืออยู่ในมือหล่นไปอยู่กับพื้น เพราะเธอไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกับเขาอีกด้วยอยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือนเต็มเธอไม่เคยเจอหน้าเขาเลย
"มองอะไร"
ร่างหนาเดินตรงเข้ามาหน้าโต๊ะทำงานของเธอ ก่อนจะยื่นใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราเข้าไปตรงข้างแก้มขาวของเธอ แล้วกระซิบถามเธอเบาๆตรงข้างหู
"ปะเปล่า"
ใบหน้าหวานมีสีแดงระเรื่อเกิดขึ้นบนพวงแก้มทันทีอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับใจดวงเล็กในอกที่เต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
เธอควรจะโกรธและรังเกียจเขาแต่มันกลับไม่ใช่เลย เธอกำลังเป็นอะไรก็ไม่รู้ควบคุมตัวเองก็ไม่ได้
"ทำสีหน้าให้ปกติ แล้วออกไปชงกาแฟดำมาให้ฉันแก้วหนึ่ง"
สายตาเย็นชามองสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงเอวกระโปรงของเธอ ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
"ค่ะ"
พลอยขวัญอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเพราะเธอไม่รู้ว่าแก้มของตัวเองกำลังแดง เธอรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วที่สุดและแทบจะไม่ได้ฟังว่าเขาพูดว่าอะไร