หลังจากยืนฟังอยู่นาน เปรมมิกาจึงตัดสินใจเดินตรงเข้ามาหาน้องชาย ถึงจะตกใจอยู่บ้างกับบทสนทนา แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอควรตกใจ ที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือพาน้องชายกลับบ้าน
“ที่เพื่อนของพวกเธอพูดนะถูกแล้ว กลับกันไปได้แล้ว ฉันจะเตือนพวกเธอเป็นครั้งแรกแล้วก็ครั้งสุดท้าย อย่ามายุ่งกับน้องชายฉันอีก”
เสียงที่ดังขึ้นมาทำให้ปรัชญากับมานิตาและกลุ่มวัยรุ่นต้องหยุดทะเลาะลงฉับพลัน แล้วหันมามองเจ้าของเสียงด้วยความแปลกใจ โดยเฉพาะปรัชญา ผู้หญิงที่เดินมาหยุดอยู่ข้างเขา พูดออกมาว่าเขาเป็นน้องชายของเธอหรือผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนี้จะเป็นพี่น้องคนละแม่กับเขา
“กลับกันได้แล้วปรัช”
เปรมมิกาบอกน้องชาย เมื่อเห็นทุกคนยังคงยืนเงียบแล้วมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม โดยเฉพาะสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายน้องชาย
“มีอะไรอยากถาม ก็ค่อยไปถามที่บ้านแล้วกัน ตอนนี้กลับกันได้แล้ว”
มานิตาพยักหน้าตอบ เพราะยังตกใจที่จู่ๆ เพื่อนสนิทดันมีพี่สาว
“ส่วนพวกเธอก็กลับกันไปได้แล้ว บุกมาทำร้ายคนอื่นถึงถิ่นแบบนี้ไม่กลัวถูกจับบ้างหรือไง แต่ถ้าอยากติดคุก ฉันยินดีทำให้พวกเธอสมหวังนะ จะเอาสักกี่ปีดีล่ะ 10 ปี 20 ปีหรือจะติดตลอดชีวิตก็ได้นะ ฉันยินดีช่วยเสมอ”
เปรมมิกาพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มให้กลุ่มวัยรุ่น ถึงเธอไม่ได้มีอำนาจหรืออิทธิพลเหมือนทายาทคนอื่นๆ ของตระกูลมเหศวร แต่เธอก็มีเงินมากพอที่จะทำให้วัยรุ่นกลุ่มนี้ติดคุกได้ตลอดชีวิต หรือไม่...เธอก็ให้แดเนียลจัดการก็ได้ ไม่ใช่แค่ติดคุกตลอดชีวิต เผลอๆ ว่าที่น้องเขยตัวแสบอาจทำให้ชีวิตวัยรุ่นกลุ่มนี้หายไปจากโลกเลยก็ได้
“มึงเป็นใครวะ กล้าดียังไงมายุ่งเรื่องของพวกกู”
เกรียงไกรตวาดใส่ผู้หญิงที่กล้าเสนอหน้าเข้ามาช่วยเหยื่อของเขาอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปหา แต่ก็ต้องชะงักเท้าลงทันทีด้วยความตกใจ แล้วอ้าปากค้างเมื่อมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสองคนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของผู้หญิงที่เขาตวาดใส่ด้วยใบหน้าเย็นชา
“จะให้พวกผมจัดการเลยไหมครับคุณเปรม ท่าทางเด็กๆ พวกนี้อยากมีเรื่องกับน้องชายคุณเปรมซะเหลือเกิน”
“ฉันฝากที่เหลือด้วยนะ เรากลับกันเถอะปรัช”
เปรมมิกาหันไปสั่งสองลูกน้องของว่าที่น้องเขย แล้วหันมาชวนน้องชายกลับ โชคดีที่แดเนียลส่งลูกน้องมาคอยดูแลเธอด้วย หลังจากที่เลิกกับธราทิป เธอก็ตัดสินใจเดินทางไปอังกฤษ จนเมื่อสองอาทิตย์ก่อนเธอรู้ว่าตัวเองท้องได้สามเดือนกว่าแล้ว ด้วยเหตุนี้ แดเนียลจึงส่งลูกน้องมาคอยดูแลเธอกับลูก
“จะดีหรือครับ ที่จะให้พวกเขาจัดการ”
ปรัชญาถาม เพราะมองดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสองคนนี้ไม่ธรรมดา ทั้งน้ำเสียงและบุคลิกที่ดูเยือกเย็นแถมยังน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สาวของเขาจริงๆ น่ะหรือ?
“หรือปรัชจะให้พี่ไปเอาปืนในรถมายิงพวกเขาล่ะ” เปรมมิกาย้อนถาม แล้วหยุดเดินหันกลับมามองน้องชาย
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมก็แค่...”
ปรัชญาปฏิเสธเสียงอ่อน เขาไม่ได้ต้องการแบบนั้นเสียหน่อย ก็แค่ไม่อยากมีปัญหาก็เท่านั้น
“กลับกันได้แล้ว ที่เหลือปล่อยให้สองคนนั้นจัดการเถอะ”
“ครับ”
ปรัชญาพยักหน้าตอบ รู้สึกอึดอัดกับท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของพี่สาวต่างมารดา ตกลงเขามีพี่สาวนิสัยแบบไหนกันนะ
ทรงสิทธิ์ตกใจกับการมาของผู้ชายร่างใหญ่ทั้งสอง ก็รู้อยู่หรอกว่าตระกูลมเหศวรมีอิทธิพลมาก แต่ไม่นึกว่าจะมากมายถึงขนาดนี้ ถ้าถึงขนาดมีบอดี้การ์ดอยู่ข้างกาย ในความคิดของเขา มันก็เกินคำว่าธรรมดาไปแล้ว
“พวกผมจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ”
“มึงจะกลัวพวกมันไปทำไมวะ พวกเรามีคนมากกว่านะเว้ยไอ้ชิน”
“ไอ้ไตร! มึงดูไม่ออกหรือว่าผู้ชายสองคนนั้นเป็นใคร”
ชัยหันมาต่อว่าเพื่อนเสียงขุ่น นึกไม่ถึงว่าเพื่อนคนนี้ของเขาจะโง่ถึงขนาดนี้ มันมองไม่ออกหรือไงว่าผู้ชายที่มากับสาวสวยคนนั้นเป็นใคร
บุคลิกและท่าทางแบบนั้น มองแวบเดียวก็รู้แล้ว ไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดธรรมดา อาจจะเป็นมือปืนเสียมากกว่า
เกรียงไกรเงียบ แต่ในใจกำลังเดือดปุด มือทั้งสองข้างกำแน่นเพื่อระงับความไม่พอใจ สายตาจ้องผู้ชายสองคนที่ยืนตรงหน้าเขาอย่างโกรธจัด
“พวกเรา...กลับกันเถอะ”
ชัยพูดขึ้นหลังจากคิดทบทวนถึงข้อดีข้อเสีย หากเขาลงมือทำร้ายปรัชญา มเหศวร เขายอมค*****นค่าจ้างคืนให้ลูกค้าสาวรายนั้นดีกว่ายอมติดคุกหรืออาจเลวร้ายไปกว่านั้นคือเขาและเพื่อนๆ เสียชีวิต
“ไปขึ้นรถสิไอ้ไตร หรือมึงอยากกินลูกปืนก่อนสักลูก ถึงจะกลับได้”
“เออ...กูกลับก็ได้”
เกรียงไกรตะคอกใส่เพื่อนแล้วเดินกลับไปขึ้นรถด้วยความโกรธจัด เขาไม่ยอมจบเพียงแค่นี้แน่ ยังไงเขาก็จะทำงานนี้ให้สำเร็จ เพราะเงินค่าจ้างที่ได้มา มันไม่ใช่น้อยๆ เลย ทำงานตั้งหลายงานกว่าจะได้เยอะขนาดนี้ แต่นี่ลงมือแค่ครั้งเดียว เขาก็ได้เงินมาเป็นแสน ถือว่าคุ้มแสนคุ้ม
“พวกแกก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถสิวะ จะยืนรอกินลูกปืนกันหรือไง” ทรงสิทธิ์บอกเพื่อนที่ยังยืนนิ่ง ขณะที่สายตายังมองไปยังปรัชญา มเหศวรท่าทางเพื่อนของเขาอยากเจอของแข็ง ถ้าเจอแล้วเกรียงไกรกับเพื่อนคนอื่นจะรับได้หรือเปล่า? นี่สิที่เป็นปัญหา เพราะเขามั่นใจว่าเกรียงไกรคงไม่ยอมจบเรื่องเพียงแค่นี้ เขาควรเตือนหรือปล่อยไปตามเวรตามกรรมดีล่ะเนี่ย
‘สงสัยงานนี้พวกเราคงเจอของจริงเข้าให้แล้ว’
เปรมมิกาชะงักเท้า เมื่อได้ยินเสียงของหนึ่งในเด็กวัยรุ่นพูด ใบหน้าคมสวยหันกลับไปมองเด็กหนุ่มเจ้าของเสียงที่พูด ก่อนส่งยิ้มให้แล้วเดินกลับไปยังรถที่เธอจอดอยู่ ขณะเปิดประตูรถก็หันมาพูดกับน้องชายต่างมารดา
“พวกเราก็ไปกันเถอะ”
“ครับ/ค่ะ” ปรัชญากับมานิตารับคำแล้วรีบเดินไปขึ้นรถไปโดยไม่พูดอะไรอีก ไม่ช้ารถเบนซ์สปอร์ตสีดำคันหรูก็ขับออกมามหาวิทยาลัยชื่อดัง แล้วรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำอีกคันก็ขับตามออกมาติดๆ
ปรัชญากับมานิตาเอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาภายในคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ โดยที่เจ้าของบ้านสาวกำลังนั่งอ่านเอกสารบางอย่างที่ผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำนำมายื่นให้เมื่อสิบนาทีที่แล้ว
“ข้อมูลและเอกสารแค่นี้พอหรือเปล่าครับคุณเปรม”
“พอแล้วล่ะคุณเหลียง” เปรมมิกายิ้มเมื่อดูหลักฐานในมือเสร็จ เธอมั่นใจว่าหลักฐานเพียงแค่นี้สามารถทำให้ผู้หญิงคนนั้นยอมยกสิทธิ์การดูแลปรัชญาให้กับเธออย่างแน่นอน แต่ถ้าไม่ยอมเธอคงต้องทำลายธุรกิจทั้งหมดของสามีคนปัจจุบันของผู้หญิงคนนั้นแทน
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ มีธุระที่ต้องจัดการอีกนิดหน่อย”
“ตามสบายเถอะค่ะ ยังไงฉันก็ขอบคุณมากที่คุณตามไปช่วยฉัน”
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผมกับเฉินอยู่แล้ว”
เหลียงเหว่ยตอบก่อนลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ปล่อยให้พี่สาวของว่าที่ภรรยาในอนาคตของเจ้านายอยู่คุยกับน้องชายตามลำพัง
...โปรดติดตามตอนต่อไป...