Chapter 10 สวาทรักคนเถื่อน (2)

2123 คำ
Chapter 10 สวาทรักคนเถื่อน (2) บนเตียงผู้ป่วยที่สายออกซิเจนระโยงระยาง ร่างซูบผอมนอนไม่รับรู้มาหลายวันแล้ว และเมื่อร่างกายไม่ตอบสนองกับอาหารทางสายยาง แพทย์จึงลงความเห็นว่าหากยื้อเอาไว้ต่อไปอาการก็มีแต่จะแย่ลงไม่มีทางดีขึ้น ที่ประคองอาการมาจนทุกวันนี้ คนป่วยมีชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น หากจะยื้อต่อไปเรื่อย ๆ ก็มีแต่จะเอาเงินมาละลาย ทิ้ง โดยที่คนป่วยได้แต่นอนรอวันตาย แทนไทเดินเข้ามายืนข้างเตียง หัวใจแกร่งหวิวโหวงหวามไหว แววตาแดงก่ำมองใบหน้าของบิดาที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม สองแก้มที่ตอบและร่างกายที่ซูบผอมจำแทบไม่ได้ ซ้ำยังไม่ตอบสนองไม่รับรู้ สิ่งเหล่านั้นบอกเขาว่าให้เตรียมทำใจนับเวลาถอยหลังสู่วันสูญเสียเอาไว้ได้เลย เมื่อวินาทีสุดท้ายใกล้จะเดินทางมาถึง เขาโน้มกายลงกอดไปบนร่างของบิดาจนแน่น ใบหน้าคมคร้ามแนบลงบนแผงอกคนป่วยด้วยความอาลัยรัก สายสัมพันธ์ที่หวนคืนแผ่ซ่านซึมลึกไปทุกอณูแห่งความรู้สึก มันทำให้ความเข้มแข็งพังทลายสิ้น เขาปล่อยใจให้ดำดิ่งลึกสู่ความโศกเศร้า ปล่อยน้ำตาให้รินไหลในอารมณ์โหยไห้อาลัยอาวรณ์ "ผม...ขอโทษ...ขอโทษกับทุก ๆ สิ่งที่ผ่านมา หวังว่าคุณพ่อจะรับรู้ และให้อภัยลูกเลว ๆ คนนี้ด้วยนะครับ" เสียงนั้นสั่นเครือขาดหาย ยามนี้เขาอ่อนแอเหลือเกิน คือความในใจที่ปะทุขึ้นมาจากส่วนลึก เขาได้ใช้มันในวินาทีสุดท้ายแห่งการลาจากชั่วนิจนิรันดร์ เราจะเห็นค่าในสิ่งนั้นก็ต่อเมื่อได้สูญเสียมันไปแล้ว เขาซาบซึ้งกับคำนี้เมื่อพานพบ เมื่ออยากจะแก้ตัวทำในสิ่งที่ดี ๆ ต่อกัน แต่โอกาสของเขาก็หมดลง ไม่สามารถอ้อนวอนขอคืนมาได้อีก คงเป็นเพราะพระเจ้าต้องการลงทัณฑ์ ให้เขาจมอยู่กับความรู้สึกผิดไปจนวันตาย ความผิดนั้นจะฝังรากลึกอยู่ในใจ มันจะตามหลอกหลอนไปทุกที่ ไม่ว่ายามตื่นหรือยามนอน ภัคภัสสรน้ำตารื้นเมื่อเห็นแทนไทยังคงกอดร่างบิดาเอาไว้อย่างนั้น เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาอ่อนแอจนน้ำตาลูกผู้ชายใหลหลั่ง หล่อนบีบมือกับนันท์ภัสสรเอาไว้จนแน่นเพื่อปลอบโยนกันและกัน หันไปมองหน้าน้องสาว อีกฝ่ายร่ำไห้น้ำตาไหลนองหน้า สะอื้นออกมาเพราะความอาลัย...อีกสักพัก...พยาบาลก็คงจะเข้ามาถอดเครื่องยื้อชีวิตทั้งหมดออก นั่นหมายคนที่ยังมีลมหายใจต้องเตรียมทำใจนับเวลาถอยหลัง จนกว่าลมหายใจสุดท้ายของคนป่วยจะหยุดลง ธามไทเปิดประตูเข้ามาในห้อง...แววตาแดงก่ำปรายมองไปโดยรอบ เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะกำลังช็อกจนรู้สึกชาไปทั้งร่าง พยายามทำเข้มแข็งจนปวดหนึบไปทั่วแนวสันกราม จากการที่เพิ่งจรดปากกาเซ็นต์ยินยอมให้หยุดการรักษา...มันคือการตัดสินใจที่ยากยิ่ง และความเจ็บปวดนี้คงจะฝังอยู่ในใจเขาไปจนวันตาย เพราะเขาคือพญามัจจุราชที่กระชากลมหายใจบิดาด้วยน้ำมือของตนเอง "เสือ...ฮือ ๆ " ผกามาศปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น หล่อนโผเข้ากอดลูกชายคนโตเอาไว้จนแน่น วินาทีนี้ต่างลืมสิ้นซึ่งความบาดหมาง ชายหนุ่มกอดตอบอย่างเข้าใจในหัวอกคนสูญเสีย ความอาลัยอาวรณ์ขับน้ำตาให้เอ่อท้นออกมาคลอขังที่เบ้าตา บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า...การจากลาที่ไม่มีใครหลีกหนีพ้น คือความจริงทุกคนต้องเผชิญไม่ว่าช้าหรือเร็ว จากกันทั้งที่ยังรักกับจากกันทั้งที่ยังไม่เคยทำในสิ่งที่ดี ๆ ต่อกัน มันคือสิ่งที่คน ๆ นั้้นกำหนด ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกปฏิบัติแบบไหนเท่านั้นเอง ควันไฟจากกองเพลิงพวยพุ่งออกจากปล่องเมรุ มัน ม้วนตัวเป็นกลุ่มก้อนก่อนสูญสลายกลืนหายไปกับสายลมเบื้องบน นั่นคือสัญลักษณ์ของการลาจาก ย้ำเตือนว่าเป็นการจากลาที่ไม่มีวันหวนคืน แม้คนยังอยู่จะโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์มากเพียงไหน ร่างที่ถูกเผาจนมอดไหม้ก็ไม่มีวันฟื้นคืนมา ร่างสูงในชุดดำยืนมองปล่องควันมาเนิ่นนาน เขาสั่นไปทั้งร่างเพราะไม่อยากเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องจริง ชายหนุ่มอำพรางความอ่อนแอเอาไว้ภายใต้แว่นกันแดดสีดำ ไม่อยากให้ใครต้องเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากอารมณ์อาลัยอาวรณ์ ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มที่คุ้นเคย แล้วเขาจะถกเถียงกับใครนับจากนี้...ชีวิตคือพานพบเพื่อพลัดพราก ลาจากชั่วนิจนิรันดร์ คำนี้เขาซาบซึ้งกับมัน ธามไทยืนตาแดงก่ำอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างกัน เขาบีบไหล่กว้างของน้องชายเอาไว้เพื่อปลอบใจกันและกัน เมื่อต่างร่วมกันเข้ามายืนอยู่ในจุดวิกฤติของชีวิต สายใยแห่งความพันผูกก็เหนี่ยวรั้งใจให้ร้อยเรียง คือความเห็นอกเห็นใจที่มิได้เสแสร้งแกล้งทำ จะมีอะไรตกต่ำไปกว่าชีวิตของเขาตอนนี้ไหม ธามไทเฝ้าถามตัวเอง มรสุมชีวิตประเดประดังเข้ามาจนตั้งหลักรับมือไม่ทัน มันซวนเซเรรวนราวเรือน้อยที่กำลังลอยคว้างอยู่กลางทะเล ถูกคลื่นซัดจนเตลิดหาทิศทางกลับฝั่งไม่เจอ ในขณะที่นันท์ภัสสรสะอึกสะอื้นออกมาไม่หยุด...เขาเข้าใจอารมณ์คนสูญเสีย จึงไม่ดุหรือตำหนิหล่อนเหมือนที่ผ่านมา เขาเคยบอก...หยาดน้ำตาของเธอช่างน่ารำคาญ "พี่เสือ...คุณพ่อไม่อยู่กับเราแล้วจริง ๆ ใช่ไหม ฮือ ๆ " หล่อนโผเข้ากอดธามไทเอาไว้จนแน่น คล้ายต้องการที่พึ่งจากใครสักคน ให้เขาช่วยปลอบใจจากอารมณ์โศกเศร้ากับการจากลาอย่างถาวร ธามไทละล้าละลัง เขายืนนิ่งคล้ายชั่งใจ ทำราวกับว่าการกอดหล่อนคือสิ่งต้องห้าม หากแต่ร่างที่สั่นสะท้านไหว ก็ทำให้วงแขนกว้างโอบรั้งร่างนั้นเอาไว้จนแน่น ฝ่ามือแกร่งลูบแผ่นหลังแบบบางเพื่อปลอบใจ ทั้งที่เขาเองก็เสียใจจนจะทรงตัวไม่อยู่เช่นเดียวกัน ทั้งสี่คนมองดูเป็นพี่น้องที่รักกันดีในสายตาคนนอก จะมีสักกี่คนที่รู้ สถานการณ์ภายในนั้นปั่นป่วนแค่ไหน พวกเขาและหล่อนแค่จับมือสามัคคีกันชั่วคราว เพียงเพราะต่างต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเท่านั้นเอง ภัคภัสสรปาดน้ำตาทิ้งด้วยหลังมือ หล่อนดูจะเก็บอาการได้มากกว่าน้องสาว หากแต่ใครเล่าจะรู้เบื้องลึกในใจ หล่อนเสียใจจนเจียนจะเป็นบ้า อารมณ์บ้าคลั่งหมุนวนอยู่ภายใน และในที่สุดร่างกายของหล่อนก็แบกรับเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว จากที่กินอะไรไม่ได้มาหลายวันตลอดระยะเวลาสวดอภิธรรม เมื่อมายืนอยู่กลางแดดที่แผดเผา ประกอบกับความเสียใจจนสุดซึ้ง ร่างที่ยืนนิ่งอย่างมั่นคงจู่ ๆ ก็โงนเงนทำท่าจะล้มลง หล่อนทิ้งตัวมาทางแทนไท โชคดีที่เขาไวกว่า สองแขนแข็งแรงจึงโอบประคองเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงลงไปนอนบนพื้น "ปลายฝนเป็นลม! " แทนไทหันไปบอกกับทุกคน ก่อนเขาจะอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน...ต้องพาไปหาที่โล่งและอากาศถ่ายเท คิดขณะอุ้มหล่อนเดินออกมาจนพ้นจากบรรยากาศแสนเศร้าหมอง ในศาลาหลังใหญ่ที่อากาศถ่ายเท ภัคภัสสรขยับกายยุกยิกเมื่อรู้สึกตัว ในความงุนงง หล่อนฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นใบหน้าของซาตานร้ายในสายตาของเธอก่อนใคร เขาส่งยิ้มมาให้ เมื่อตั้งสติได้ จึงได้รู้ว่ากำลังตกอยู่ในอ้อมกอดอันตราย นอนเอาหัวหนุนแขนเขาอยู่ สำนึกสุดท้ายที่ได้รู้คือ หล่อนล้มหมดสติอยู่ข้าง ๆ แทนไท หลังจากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกเลย ปลายนิ้วแกร่งช่วยเกลี่ยไรผมให้พ้นไปจากกรอบหน้าหวาน ในขณะที่ภัคภัสสรนอนเกร็งในการกระทำ คือความอ่อนละมุนที่ไม่คุ้นชิน "หิวน้ำหรือเปล่า ฉันจะได้ให้คนเอามาให้" หล่อนส่ายหัว รู้สึกปร่าแปร่งกับการที่เขาทำเป็นห่วงใย...ต้องร้ายใส่สิ นั่นถึงจะเรียกว่าแทนไท คิดพลางใช้สองมือยันแผงอกกว้างเพื่อหาทางไปสู่อิสรภาพ "ปล่อยฝนค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว" “พอฟื้นขึ้นมาก็แผลงฤทธิ์ คิดจะขอบคุณกันสักคำมั้ย ฉันเป็นคนอุ้มเธอมาปฐมพยาบาลนะปลายฝน" เขายิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นมากขึ้นเมื่อหล่อนดิ้นขลุกขลัก มองหน้าคนทำพยศคล้ายกับมีอะไรในใจ "ถามจริง ๆ นะปลายฝน เธอท้องใช่มั้ย บอกฉันมา เธอกำลังท้องอยู่หรือเปล่า" คำถามทำเอาสตั้นท์ อะไรที่ทำให้เขาจินตนาการบรรเจิดได้ขนาดนั้น "เพราะเธอท้อง ก็เลยต้องหาที่ยึดเกาะ เธอจึงยอมแต่งงานกับอาภพ หวังหาพ่อให้ลูกใช่มั้ย! " เขากลับมาแล้ว...แทนไทปากเหมือนตัวสี่ขาที่เขาเอาไว้เฝ้าบ้าน พูดออกแต่ละคำฟังแทบไม่ได้ หล่อนถึงได้บอก มันคือนิสัยที่ฝังรากลึก ยากเกินเยียวยา "พี่สิงห์ เคยคิดกับฝนดี ๆ มั้ยคะ! " หล่อนยิ่งดิ้นแรงขึ้น ผลักไสอ้อมกอดเพราะโกรธจนหูอื้อที่เขาสบประมาทอย่างรุนแรง "ฉันเห็นเธออ้วกบ่อย ๆ และยังเป็นลมง่าย ๆ จะให้ ฉันคิดเป็นอื่นได้ไง นอกจากว่าเธอกำลังท้อง และพยายามปกปิดทุกคน ที่หล่อนอาเจียนก็เพราะเป็นโรคเครียดรุมเร้า อยู่ในช่วงรักษาตัวต้องทานยาตามกำหนด แต่เพราะมัวยุ่งกับงานศพ หล่อนเลยทานยาไม่สม่ำเสมอ อาการที่ว่าก็เลยกลับมาอีกครั้ง ไม่คิดว่าเขาจะสงสัยเกินคนปกติจะคิด คงมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่คิดแบบนี้ “ฝนไม่ได้ท้อง แค่เป็นโรคเครียดลงกระเพาะ" เขาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ในขณะที่หล่อนเองก็พยายามผลักไสเพื่อให้หลุดพ้นออกมาจากอ้อมกอดซาตาน "ฉันเชื่อว่าคนอย่างเขาต้องไม่ยอมรับ หากคิดจะเอาลูกใครก็ไม่รู้ไปยัดเยียดให้ เขาร้ายกว่าที่เธอคิด ถอยหลังตอนนี้ยังทัน ฉันเตือนเธอแล้ว" หล่อนพูดไม่ออกเพราะเจ็บจุก ถามเขาเสียงสั่นเครือ "พี่สิงห์คิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอคะ เชื่อว่าฝนเคยนอนกับผู้ชาย ถ้าไม่จริงล่ะคะ พี่สิงห์จะรับผิดชอบคำพูดของตัวเองยังไง" เขาหัวเราะอยู่ในลำคอ คล้ายจะไม่เชื่อแม้หล่อนจะพยายามแก้ต่างให้กับตัวเอง "ฉันไม่เชื่อ จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง" "นั่นก็แล้วแต่พิสิงห์ จะเชื่อแบบไหนก็ตามใจ" "เอาอย่างนี้มั้ยล่ะ หากเธออยากยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง นอนกับฉัน ให้ฉันได้พิสูจน์ว่าที่พูดมาน่ะ ไม่ใช่มารยาเพื่อเรียกคะแนนความเห็นใจ" เขาคงคิดว่าหล่อนโง่จึงล่อหลอก ในขณะเดียวกัน แทนไทก็มองว่าหล่อนร้อยเล่ห์มารยา เขาเห็นแล้ว กับการที่หล่อนใช้มารยาล่อหลอกเอกภพให้ลุ่มหลง และเขาจะไม่หลงกลไปกับมารยาร้อยเล่มเกวียน "ไอ้สิงห์ แกคิดจะลูบคมฉันงั้นเหรอ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน! " เอกภพเห็นแล้วกับภาพนั้น จากที่จะตามมาดูภัคภัสสรด้วยความห่วงใย กลายเป็นว่าเขาต้องมาเห็นอะไรที่มันบาดตา...ภัคภัสสรยอมให้แทนไทสัมผัส ไม่รู้ว่านอกจากกอดจูบลูบคลำแล้วมีต่อถึงขั้นลึกซึ้งไหม เขากำลังคิดว่า หากภัคภัสสรทำให้เขาต้องเจ็บด้วยการคบชู้ โทษที่หล่อนจะได้รับต้องมากกว่าที่ทำกับเขาหลายเท่า เขาคิดอาฆาตทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน หล่อนเป็นของเขา...เอกภพหันหลังกลับอย่างเงียบ ๆ เขารู้ดีว่าหากเข้าไปโวยวายด่าทอ ไม่มีทางที่หญิงร้ายชายชั่วจะยอมรับแน่นอน เขาจะแกล้งทำเป็นโง่งม หากจับได้เมื่อไหร่ เขาจะคิดบัญชีทีเดียวทั้งสองคน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม