Chapter 10 สวาทรักคนเถื่อน (3)
Breeze Valley Vineyard…
หลังบ้านทรงโรงนามีโต๊ะไม้ตัวยาววางตัวตนอยู่อย่างกลมกลืน อุณหภูมิเริ่มลดลงต่ำในยามเย็น แสงสีส้มอมแดงทอประกายอาบไล้ทิวเขาที่ทอดยาว อีกไม่นาน...ความมืดก็จะโรยตัวลงมาห่มคลุมทั่วทุกพื้นที่
แทนไทกระดกเบียร์ในกระป๋องลงคอ สายตาเหม่อมองไปยังทิวเขาที่ทอดยาว ถัดไปข้าง ๆ กันเป็นธามไท ทั้งสองนั่งหันหน้าไปทางเดียวกัน ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มคุยโดยไม่ถกเถียงกันได้นานมากขึ้น
"แล้วนายจะกลับไปทำงานวันไหน"
คนถูกถามนิ่งเงียบไปพักใหญ่...หันไปยิ้มเจือความขมขื่นให้พี่ชาย มันมีความอาลัยซ่อนอยู่ในแววตา
"ก็คงจะอยู่ยาว...ไม่ได้กลับไปทำแล้วล่ะ"
ธามไททั้งอึ้งทั้งตกใจ กับคำตอบนั้น
"ทำไม..."
“ผมลาออกแล้ว"
แทนไทขบกรามแน่นเพื่อทำตัวให้เป็นปกติ เขารู้สึกใจหายไม่น้อย กับการทิ้งงานที่กำลังก้าวหน้า แต่เพราะจิตใต้สำนึกร้องสั่ง...เขาควรทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง หลังจากที่เขาคิดถึงแต่ตัวเอง
เขาละทิ้งซึ่งทุกสิ่ง ยอมทิ้งตำแหน่งหน้าที่ที่กำลังเติบโต...มันคือเดิมพันที่เขาทุ่มหมดหน้าตัก การกลับมาของเขาคราวนี้แพสชั่นไวเนอรีจะต้องสั่นคลอน
"ฉันไม่คิดว่านายจะทำแบบนี้ จริง ๆ ฉันเลิกหวังไปนานแล้วกับการกู้ทุกอย่างคืนมา แต่แค่อยากจะเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากเล็ก ๆ ไปก่อน ค่อย ๆ ขยับขยายกันไป"
“ช่างมันเถอะ เพราะถึงอย่างไรก็ลาออกมาแล้ว
ตัดสินใจแล้วก็ตามนั้น"
ความเงียบมาห่มคลุม หากแต่ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกข้างในของกันและกัน
"จะว่าไปแล้ว อาภพฉลาดและเจ้าเล่ห์ เขากลัวว่าในอนาคตบริษัทอาจจะถูกฮุบด้วยหุ้นนอมีนี เขาก็เลยจ้างนอมีนีมาถือหุ้นแทนตัวเอง ส่วนที่เหลือก็ปล่อยขายให้นักลงทุนรายย่อย"
"ใช่ ฉันพอรู้มาบ้างว่าเขาแอบช้อนซื้อหุ้นเก็บไว้ภายใต้ชื่อนอมีนี ฉันก็แอบซื้อเอาไว้ส่วนหนึ่ง ตอนนี้อาภพยังไม่รู้ว่าหุ้นในนามนอมีนีของฉันมีเท่าไหร่ แต่คิดว่า เขาคงหวาดระแวงมานานแล้ว"
"ก็เลยหาเรื่องบีบพี่ให้ออกจากบริษัท"
ธามไทสบตาน้องชาย เป็นอันรู้กันว่าในวงการธุรกิจ ทุกคนต่างมีเขี้ยวเล็บเพื่อห้ำหั่น ในวงการนอมีนีก็เช่นกัน หากรักการลงทุนเส้นทางนี้ ลืมไปได้เลยเรื่องศีลธรรม
แทนไทเองก็รู้ดี คนในวงการนี้ล้วนน่ากลัว สับขาหลอกกันสารพัด หากแต่เขาก็ยังพาตัวเองไปพัวพัน
“หุ้นในนามเขามีไม่เกินยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อ
รวมหุ้นนอมีนีเขาอาจจะมีหุ้นถึงครึ่งหนึ่ง หรืออาจมากกว่านั้น มันคือสาเหตุที่ทำให้บริษัทเติบโตช้าในช่วงสามปีหลัง"
นั่นคือสิ่งที่ธามไทรู้มา และเขายังรู้อีกว่าเอกภพกำลังจะตั้งบริษัทใหม่เพื่อเอาไว้ถือหุ้นเกินครึ่ง แล้วก็ให้บริษัทแม่อยู่ภายใต้บริษัทใหม่ของเขาอีกที
"เขาถือหุ้นมากเกินไปเงินลงทุนเลยไม่หวุนเวียน แล้วเขาก็โทษว่าคุณพ่อบริหารงานไร้ประสิทธิภาพใช่มั้ย"
"อืม...พอคุณพ่อป่วยก็เลยได้ช่อง ก็เพราะแบบนี้ คนในบริษัทถึงเป็นพวกเขาหมด ทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อย คัดกันเองโหวตกันเอง ชุดคณะกรรมการก็คนของเขาทั้งนั้น ใครทำท่าจะไม่เข้าพวก ก็ถูกบีบให้ออกจนเกือบหมด"
แทนไทได้ฟังแล้วถึงกับถอนหายใจ มันยากเหลือเกินกับการทวงทุกอย่างกลับคืน การอยู่รอดในวงการนี้ไม่ง่ายเลย ใครเจ้าเล่ห์กว่าคือผู้ชนะ เขากำลังเจอศัตรูที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
"นึกแล้วก็เจ็บใจไม่น้อย ฉันไม่น่าพลาดท่าให้กับพวกมัน ในคืนนั้น...ฉันมั่นใจว่าโดนวางยา"
ธามไทบดกรามจนเป็นสันนูน เขายังอาฆาตคนพวก
นั้นไม่หาย โดยเพราะพิมพ์พรรณ หล่อนน่าจะทำลงไปเพราะได้ค่าจ้างจำนวนไม่น้อย ถึงยอมให้เอกภพบงการทำในสิ่งที่ผิด ทั้งที่เขาไม่เคยทำอะไรให้หล่อน ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ
"แล้วผู้หญิงคนนั้นยังอยู่มั้ย"
"ก็ยังอยู่ดีมีสุข เพราะเธอเป็นคนของพวกมัน"
“อยู่แผนกไหน ชื่ออะไร"
"การตลาด แจน...เธอชื่อแจน พิมพ์พรรณ"
".....! "
แทนไทชะงักมือที่กำลังยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดก ชื่อนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกิน เขาหันไปถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
"ชื่ออะไรนะ! "
"แจน...เห็นว่าเด็กจบนอก จบมาจากอเมริกามั้ง"
'ไม่นะ...มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น'
แทนไทอึ้งไปพักใหญ่ พยายามคิดว่าหล่อนคงไม่ใช่แฟนเก่าของเขาที่เลิกรากันไป อาจจะบังเอิญเป็นแค่คนชื่อเหมือน และแค่บังเอิญจบจากอเมริกาเหมือนกัน
กระป๋องเบียร์ในมือถูกบีบจนยับย่นจากอุ้งมือแกร่ง
แววตาคมกล้าทอประกายบางอย่าง ถ้าหากเป็นเธอจริง...เขารู้แล้วว่าจะทำเช่นไรต่อไป
ธามไทยังคงไม่รู้ถึงความผิดปกติบนใบหน้าน้องชาย เขาจึงยื่นข้อเสนอ
"แต่ถ้าหากนายจะพาตัวเองเข้าไปคานอำนาจกับอาภพ ฉันจะยอมยกหุ้นนอมีนีส่วนของฉันให้นาย รวมกันกับของนายแล้วนายจะมีสิทธิ์เลือกคณะบริหารเข้าไปทำงาน"
แทนไทถึงกับมองหน้าคนพูด เขาไม่เคยบอกใครเรื่องหุ้นที่มีอยู่ในมือ แต่พี่ชายของเขาทำเหมือนรู้ว่าเขาลงทุนไว้ที่ไหนบ้าง
"รู้ได้ยังไงว่าผมมีหุ้นอยู่ในแพสชั่น จริง ๆ แล้วอาจจะไม่มีก็ได้นะครับ"
"นักลงทุนอย่างนาย ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่ให้นอมีนีช้อนซื้อหุ้นเก็บไว้ นายมันเจ้าเล่ห์เกินใคร และฉันเป็นคนเดียวที่รู้นิสัยน้องชายตัวเอง"
"ก็คงจะเหมือนกันแหละมั้งผมว่า"
เสียงหัวเราะเล็ก ๆ ดังประสาน ท่ามกลางไอเย็นที่คลอเคล้า ความมืดเริ่มโรยตัวมาห่มคลุมทั่วทุกพื้นที่ หากแต่ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล เมื่อทั้งสองมีเรื่องให้คุยกันอีกมากมาย
'หลับสนิทมั้ยนะ'
ภายในบ้านโรงนาสีแดงสดใสยามบ่าย ธามไทนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวยาวสีขาวสะอาด นันท์ภัสสรย่องเข้าไปดูใกล้ ๆ หล่อนโบกมือไปมาเหนือใบหน้าคมคร้าม คล้ายกับเด็กที่กำลังจะแอบทำอะไรสักอย่าง
เมื่อเห็นว่าเขาหลับลึกและคงอีกนานกว่าจะตื่น หล่อนจึงรีบไปหยิบอุปกรณ์ที่เตรียมเอาไว้แล้ว ค่อย ๆ ย่องกลับมาหาคนที่นอนลมหายใจสม่ำเสมออยู่บนโซฟา
'ปล่อยยาวรุงรัง เหมือนตาแก่ชะมัด'
หล่อนค่อย ๆ บีบฟองครีมฟูนุ่มลงบนใบหน้าคมคร้าม ใช้ปลายนิ้วลูบเบา ๆ จนทั่วแนวสันกราม หยิบมีดโกนหนวดมาถือไว้ วันนี้แหละ...ได้ฤกษ์ดีที่รอมาหลายวัน หล่อนจะแอบโกนหนวดออกให้เกลี้ยง ไม่ชอบที่มันยาวจนดูรุงรัง เคยบอกไปหลายครั้ง แต่เหมือนเขาจะยิ่งปล่อยให้มันยาว ทำตรงข้ามในสิ่งที่หล่อนร้องขอ
ยามใบมีดลากไล้ไปตามแนวสันกราม หล่อนพยายามลงน้ำหนักอย่างระมัดระวัง กลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมากลางคัน
คล้ายการสัมผัสจะปลุกธามไทให้ตื่นจากการหลับใหล เขาตกใจจนผลุนผลันลุกนั่ง และนั่นทำให้ความคมของมีดตวัดลงบนผิวเนื้อจนหน้าหล่อ ๆ เป็นรอยแผล สัมผัสได้ถึงความแสบที่แล่นพล่าน
ชายหนุ่มมองหลักฐานที่อยู่ในมือของหล่อน สลับกับมองใบหน้าที่ซีดเผือด ปลายนิ้วแตะลงตรงรอยแผลที่ไม่ลึกมากหากแต่มันทำเขาแสบไม่น้อย
"ปลายฟ้า เธอทำอะไรกับหน้าของพี่ ฮึ! "
เขาหงุดหงิดฉุนเฉียวขึ้นมาทันที จากการที่หล่อนจุ้นจ้านไม่เข้าท่า
"เอ่อ..."
แววตาราวจะกินเลือดกินเนื้อ คล้ายกับความผิดของหล่อนเท่าภูเขา ทำให้นันท์ภัสสรหน้าเสีย ไม่กล้าสบตากับแววตาน่ากลัวคู่นั้น
เขามองหน้าคนทำเป็นนิ่งเงียบ ก่อนจะลุกเดินไป
ส่องกระจก...หนวดเขาหายไป! จากฝีมือยายตัวดี
“ใครใช้ให้เธอมายุ่ง บอกว่าไม่ต้องยุ่งไง! "
เขาตวาดลั่น มองมาอย่างกินเลือดกินเนื้อ บอกให้รู้ว่าโกรธจัดที่หล่อนถือวิสาสะ เขาไม่ชอบเป็นอย่างมากที่หล่อนมายุ่งวุ่นวายจนเกินไป
นันท์ภัสสรหน้าซีดเผือดใจเต้นโครมคราม เพิ่งรู้ตัวว่าพลาดมหันต์ ไม่คิดว่าความหวังดีจะกลายเป็นหาเรื่องใส่ตัว
"มาทางไหนไปทางนั้นเลย ไป! กลับไปได้แล้ว รู้มั้ยว่าเธอ น่ะทั้งจุ้นจ้าน น่ารำคาญสิ้นดี! "
เขาไล่ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ดูโกรธมากกว่าทุกครั้ง นั่นทำให้คนถูกตวาดยืนน้ำตาคลอเบ้าหน้าแดงเห่อ
"ไม่ต้องบีบน้ำตา มันไม่ได้ผลหรอกปลายฟ้า! "
คนกลายร่างเป็นยักษ์มารเดินตึงตังหนีเข้าไปในห้อง ในขณะที่นันท์ภัสสรยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม หล่อนกำลังช็อกที่ถูกเขาไล่เหมือนหมูเหมือนหมา...สักพักเขาก็เดินหน้าตึงออกมา สวมหมวกปีกกว้างพร้อมเสื้อแขนยาวทับมาอีกชั้น ทำเหมือนกำลังจะเข้าไปในไร่
"เมียก็ไม่ใช่ เป็นแค่น้องสาว ทีหลังอย่าจุ้นจ้าน
ประหนึ่งพี่เป็นผัวเธอ จำเอาไว้! "
"พี่เสือ! "
เขาเดินออกจากบ้านไปอย่างไม่ใยดี ปล่อยให้หล่อนดื่มด่ำอยู่กับความเสียใจในถ้อยคำ...หากยังไม่วายมีเสียงลอยมาตามลม
"กลับบ้านไปซะ หวังว่าพี่กลับมาแล้วจะไม่เจอเธอ! "
เสียงปิดประตูใส่หน้า...และเมื่อความอดทนเดินทางมาถึงขีดสุด นันท์ภัสสรวิ่งตามไปกระชากบานประตูให้เปิดออก ตะโกนไล่หลังเสียงสั่น
"พี่เสือรักเธอใช่มั้ยคะ พี่เสือรักฝน ฟ้ารู้นะคะ! "
ได้ผล ร่างสูงหยุดเดินแล้วหันมามอง
"พูดบ้าอะไรของเธอปลายฟ้า! "
"ที่ผ่านมาคืออะไร บางทีพี่เสือก็ทำหึงหวงฟ้าเวลาอยู่กับพี่สิงห์ บางทีก็ทำรำคาญ สรุปฟ้าต้องทำตัวแบบไหน ถึงจะถูกใจพี่เสือ! "
น้ำตาไหลออกมาอย่างอัดอั้น มันเจ็บจุกกับถ้อยคำย้ำเตือน หล่อนเป็นได้แค่น้องสาว ไม่มีวันขยับไปเป็นอย่างอื่นได้
ไม่อยากเป็นน้องสาวเขาอีกต่อไปแล้ว...รักที่ล้นอกทำให้หล่อนอยากเป็นมากกว่านั้น
"พี่เสือบอกว่าฟ้าเป็นแค่น้องสาว แล้วที่พี่เสือเชื่อว่าเรามีอะไรกันในคืนนั้น ถ้ามันจริง แสดงว่าพี่เสือไม่เคยให้ค่าอะไรกับมันเลย พี่เสือมองเห็นฟ้าเป็นผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น ฮือ ๆ "
หล่อนสะอื้นออกมาหนักขึ้น...ธามไทยืนนิ่งมองหล่อนด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม
"ถ้ารำคาญนัก ฟ้าไปก็ได้ แล้วจะไม่มาให้เห็นหน้าอีกเลย ฮือ ๆ "
หล่อนเดินลงส้นกลับเข้าบ้านไปหยิบกุญแจรถ...สักพักก็เดินกลับออกมา คิดว่าเขาจะใจอ่อนและเดินมาง้อ แต่เปล่าเลย เขากลับเดินไปที่รถจิ๊ป ทำท่าจะโดดขึ้นไปนั่งยังฝั่งคนขับ ทำราวหล่อนคืออนุภาคที่เล็กที่สุดในจักรวาลนี้
เขาโกรธเกลียดกันขนาดนั้น หรือซื่อบื้อในซื่อบื้อ ซื่อบื้อซับซ้อนกันแน่ อดสงสัยไม่ได้
"นี่ไม่คิดจะง้อกันจริง ๆ ใช่มั้ยคะ! "
ยืนหายใจแรงเพราะความโกรธอยู่ที่รถมอเตอร์ไซด์
หล่อนทำทุกอย่างแล้ว เป็นทุกอย่างให้เขาแล้ว ยอมอ่อนข้อให้เขาทุกทาง ถ้าไม่ได้ผลก็คงต้องหันกลับมาพิจารณาตัวเอง
โว้ยยยย! เครียดชะมัด คนที่กำลังจะออกไปดูงานในไร่เดินพล่านไปมาอยู่ข้างรถ เขาจะสั่งสอนหล่อนอย่างไรดี ถึงจะเข็ดและไม่กล้าลองดีกับเขาอีก
'ไล่ก็ไม่ไป จะทำยังไงกับเธอดีนะ'
ธามไทสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกเพื่อตั้งสติ เขากำลังสติแตกไปกับคนตรงหน้า แม้ความโกรธเริ่มจางลงไปบ้าง แต่เขายังไม่อยากให้หล่อนมาวุ่นวายมากเกินไป
"คนอะไรซื่อบื้อที่สุด รู้เอาไว้ด้วยว่าพี่เสือน่ะเป็นผู้ชายที่โคตรจะไร้น้ำยาเลย! "
ท่ามกลางความเงียบงัน แววตาสองคู่สบประสาน ไม่มีใครคาดเดาความรู้สึกของกันและกันได้...ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ชายหนุ่มปิดประตูรถ ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้ม เดินเข้ามาหาคนที่ยืนหายใจแรงกำมือแน่นอยู่ตรงรถมอเตอร์ไซด์
นันท์ภัสสรไม่คิดจะหนี เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรแย่
ไปกว่านี้ น้ำคำที่เขาพ่นใส่หน้านั้นเชือดเฉือนหัวใจยิ่งกว่าใบมีดคม ๆ ที่เอาไว้แล่เนื้อ และหล่อนก็ยังถึกทน ผ่านมันมาได้แม้ใจจะขาดวิ่นเป็นริ้ว ๆ จากคมน้ำคำก็ตาม
"พูดแบบนี้...ทำหน้าแบบนี้...เธออยากโดนใช่มั้ยปลายฟ้า"
"ฟ้าขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป และวันนี้ก็คงต้องบอกถึงแม้พี่เสือไม่อยากฟัง แต่ฟ้าก็จะบอกว่าฟ้ารักพี่เสือ ไม่ได้รักแบบพี่ชายน้องสาว ฟ้ารักพี่เสือ อยากแต่งงานกับพี่เสือ ได้ยินมั้ยคะ! "
คนฟังทำหน้าขึงขัง ราวกับน้ำคำนั้นแสนแสลงใจ
"หยุดเลยปลายฟ้า! อย่าพูดเรื่องนี้กับพี่อีก ถ้าเธอไม่หยุด มันจะไม่จบแค่ตรงนี้! "
ไม่จบคืออะไร หล่อนข้องใจเหลือเกิน
"ทำไมคะ พี่เสือมีสิทธิ์อะไรมาห้ามความคิดและการแสดงออกของฟ้า! "
"ความรักของเรามันเป็นไปไม่ได้! "
"ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้คะ! "
เมื่อหล่อนยังคงดื้อดึง พูดไม่รู้เรื่อง เขาจึงทำฟึดฟัด
ฉุนเฉียว แผงคิ้งเข้มย่นจนแทบจะเข้ามาชนกัน
"บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ไง! ทำไมถึงพูดยากพูดเย็นอย่างนี้ฮึ! "
"ฟ้ารักพี่เสือ จะพูดๆๆๆ "
เขาจ้องใบหน้าสวยด้วยแววตาคาดโทษ เมื่อมีคนอยากลองดี
"พูดไม่รู้เรื่องใช่มั้ยปลายฟ้า"
“พี่เสือยังไม่บอกเหตุผลฟ้า ทำไมถึงห้ามรักกัน"
"มันไม่เหมาะสม และเธอ...ก็ควรไปเจออะไรที่มันดีกว่านี้ ผู้ชายในโลกนี้มีให้เลือกมากมายหากเธอเลือกใช้สายตามองให้กว้าง บางที...ความรักในแบบที่เป็นอยู่มันอาจมั่นคงกว่ารักแบบอื่น เธอคงเข้าใจแล้วนะปลายฟ้า"
มันคือความหวังดี นั่นคือมุมธามไท เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นสมภารกินไก่วัด ไม่อยากให้หล่อนถูกมองในทางที่ไม่ดี และที่สำคัญ...เขาคิดว่าทุกวันนี้รักหล่อนแบบน้องสาว ไม่ได้คิดเหมือนที่หล่อนคิด พยายามสร้างกำแพงมาขวางกั้นระยะห่างของความใกล้ชิดเอาไว้
ส่วนในมุมมองของคนแอบรัก หล่อนคิดว่านั่นคือ
เหตุผลที่นำมาหักล้างเรื่องที่เขารักใครอีกคน เขารักหล่อนไม่ได้ก็เพราะหัวใจนั้นมีเพียงภัคภัสสรที่ได้พื้นที่นั้นไปครอบครอง จนไม่เหลือพื้นที่ให้หล่อนได้เข้าไปแทรก
ผู้ชายในโลกมีเยอะก็จริง แต่ในจำนวนหนึ่งร้อยคน เป็นเกย์ซะสามสิบคน เป็นสามีเกย์ยี่สิบคน มีเมียแล้วยี่สิบคน ติดคุกสิบคน เสื่อมสมรรถภาพห้าคน มุ่งสู่นิพพานห้าคน เป็นโรคร้ายแรงห้าคน และอาจเป็นบ้าอีกห้าคน หลุดรอดเหลือให้ผู้หญิงรุมทึ้งอีกไม่กี่คน และเขาซึ่งเป็นหนึ่งในชนกลุ่มน้อยกลับขับไล่ไสส่ง โอกาสที่หล่อนจะอยู่บนคานนั้นเป็นไปได้สูงทีเดียว
คิดแล้วอยากจะร้องไห้ ได้แต่อ้อนวอนภาวนา ขอให้เขาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยได้โปรดเห็นใจและสงสารพวกหล่อนที่ต้องแย่งชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยเถิด
"มันคือข้อแก้ตัว แท้จริงแล้วที่พี่เสือรักฟ้าไม่ได้ก็เพราะพี่เสือรักฝน อย่าหลอกตัวเองเลยค่ะ พี่เสือรักเธอ แล้วก็รักมานานแล้วด้วย! "
ธามไทนิ่งเงียบ...ท่ามกลางสายลมอ่อน ๆ ยามบ่าย หอมกลิ่นเล็บมือนางโชยมา แววตาสองคู่สบประสาน คล้าย
ต้องการล้วงลึกลงไปถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจ
พูดไม่รู้เรื่อง! เขาชักจะเริ่มหมดความอดทน และเพียงแค่คิดว่าจะไม่ทน เขาก็ไม่ทนจริง ๆ
เจออ่อยทุกวันใครบ้างจะไม่ไหวหวั่น...เตือนแล้วไม่ฟัง หากเขาจะทำ เขาไม่ทำเพียงแค่กอดจูบลูบคลำแน่!
บางที...ควรจะโยนเหตุผลต่าง ๆ ทิ้งไปแล้วยอมเสี่ยงกับอะไรใหม่ ๆ บ้าง
สองแขนแข็งแรงตวัดร่างอิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อุ้มหล่อนเดินเข้าบ้านหน้าตาเฉย ท่ามกลางความงุนงงของนันท์ภัสสร เดาไม่ออกว่าจะเกิดอะไรหลังจากนี้
คงจะอุ้มหล่อนมาไว้ในบ้าน ก่อนปิดประตูล็อคกุญแจขังไว้เพื่อตัดรำคาญ แล้วเขาก็หนีหล่อนไปทำงานเช่นเคย เหมือนทุกครั้ง
แต่คราวนี้คิดผิด เขาอุ้มหล่อนเข้ามาในพื้นที่แสนหวง ก่อนจะโยนหล่อนลงไปบนเตียงกว้าง ไม่มีเวลาให้ได้สงสัย ร่างหนักโถมทับตามลงไป กักเอาไว้ด้วยสองขาแข็งแรง
แล้วหัวใจหล่อนจะได้ดื่มด่ำ เส้นทางรักที่แสนถวิลหา
นั้นจะพาดำดิ่งลงนรกหรือพานพบกับสวรรค์กันแน่