3

4050 คำ
ย้อนกลับไปคืนก่อนหน้าที่ทัศเทพจะประกาศยกเลิกงานแต่ง ‘ชาช่า’ เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นมาสองอาทิตย์เต็ม พอกลับมาถึงบ้านได้ แม่บ้านคนสนิทก็รีบนำรับจดหมายของจีอาน่า มามอบให้ ก่อนจะมีเสียงเตือนจากข้อความไลน์เด้งขึ้นมา ทำให้คนที่กำลังยืนงง รีบล้วงมือถือออกมาเปิดดู จีอาน่า: ช่า! ช่วยเอาจดหมายไปให้พ่อของเราในงานแต่งพรุ่งนี้ด้วย (ฉันจะรักแกตลอดไป) หลังจากได้อ่านข้อความแปลกๆ จากเพื่อนรัก ชาช่าก็รีบโทร. กลับไปหา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เธอจึงกลั้นใจแกะจดหมายที่อีกฝ่ายฝากไปให้บิดาออกมาอ่าน และทันทีที่เห็นข้อความข้างใน เธอถึงกับล้มลงไปนั่งบนพื้นอย่างหมดแรง “ช่า!” รัศมีอุทานอย่างตกใจ พร้อมกับวิ่งเข้าไปดูบุตรสาวที่เหมือนจะอยู่ในอาการช็อค “จะ...จีอา...” ชาช่าน้ำตาไหลอาบแก้ม พยายามจะตั้งสติเพื่อจะบอกเรื่องสำคัญกับมารดา   “ใจเย็นๆ ลูก จีอาเป็นอะไร?” รัศมีดึงบุตรสาวเข้ากอดปลอบและลูบที่แผ่นหลังเบาๆ “ฮึก...จีอาจะฆ่าตัวตายค่ะแม่ ฮือๆๆ” ชาช่าปล่อยโฮออกมาสุดเสียง “อะไรนะ!” รัศมีได้ฟังก็ถึงกับสตั๊นไปทันใด “รีบพาหนูไปหาลุงทัศเร็วก่อนที่ทุกอย่างจะสายค่ะ” ชาช่ารีบหยิบจดหมายมาพับกลับลงไปในซองเช่นเดิม “ดะ...ได้จ้ะ!” รัศมีพยักหน้ารับ แล้วหันไปตะโกนเรียกคนขับรถให้เตรียมเอารถออก   ชั่วโมงต่อมา...บ้านพิสุทธิ์ธารากรณ์ 19:03 น. “มาหาใครเหรอคะ?” ปารีณาที่ย้ายเข้ามาสิงอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ เอ่ยถามด้วยสายตาเหยียดๆ เมื่อเห็นเพื่อนรักของจีอาน่าโผล่หน้ามาพร้อมกับมารดาของอีกฝ่าย ‘หึ! นังจีอาคงจะส่งยัยชาช่ามาเป่าหูคุณทัศสินะ’ “ลุงทัศอยู่ไหม?” ชาช่าถามด้วยสีหน้าตึงๆ “อยู่ค่ะ แต่ท่านไม่ว่าง มีอะไรฝากดิฉันไว้ได้นะคะ” ปารีณารีบกันท่า “ฉันต้องการพบคุณทัศเดี๋ยวนี้” รัศมีบอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ท่านไม่ว่างค่ะ” ปารีณาลอยหน้าลอยตาบอกด้วยท่าทีกวนๆ “ลุงทัศคะ ลุงทัศ! ลุงทัศ” ชาช่าเดินตรงเข้าไปด้านในแล้วตะโกนเรียกบิดาของเพื่อนรักอย่างไม่สนใจ “นี่เธอ! จะโวยวายเสียงดังทำไมฮะ” ปารีณาตามเข้าไปต่อว่าอย่างไม่พอใจ “ก็แม่ฉันบอกแกดีๆ ขอแกดีๆ แต่แกก็ไม่ยอมให้เข้าพบลุงทัศ ฉันก็เลยจะตามหาของฉันเอง หลบไป” ชาช่าตอกกลับพร้อมกับผลักอีกฝ่ายออกไปให้พ้นทาง “รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร อยากมีเรื่องงั้นเหรอ?” ปารีณาขึ้นเสียงใส่อย่างโมโห “ช่า! ใจเย็นๆ ลูก” รัศมีรีบเข้าไปห้ามบุตรสาวที่กำลังจ้องมองใบหน้าของ อีกฝ่ายด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “ใจเย็นยังไงคะแม่ ถ้าเกิดจีอาเป็นอะไรขึ้นมาล่ะจะทำยังไง” “อ๋อ! ก็นึกว่าเรื่องสำคัญอะไร ที่แท้ก็...” ปารีณาฉีกยิ้มเยาะแล้วปรายหางตาอย่างรู้สึกสมเพชในความพยายามของเด็กสาว “มีอะไรกันเหรอครับ” ทัศเทพรีบเดินเข้ามาหา หลังแม่บ้านคนสนิทเข้าไปเคาะประตูเรียกที่ห้องนอนและบอกว่า...เพื่อนรักของบุตรสาวมาขอพบ แต่พอลงมาถึงก็เห็นทุกคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ “หนูขอคุยแบบส่วนตัวกับลุงทัศค่ะ” ชาช่าบอกด้วยน้ำเสียงตึงๆ “เรื่องสำคัญค่ะ ถ้าช้าคุณอาจจะต้องเสียใจ” รัศมีรีบสมทบตามบุตรสาว “เชิญที่ห้องทำงานของผมครับ” ทัศเทพผายมือเชิญแขกประจำที่ไปมาหาสู่กันนานนับสิบปี ปารีณาทำท่าจะออกเดินตาม แต่ก็ถูกชาช่าเอ่ยดักทาง “เธอไม่เข้าใจคำว่าคุยส่วนตัวเหรอ?” “แต่ฉัน...” ปารีณารู้สึกอยากจะกระชากผมของเด็กสาวปากดีลงมาตบให้หายซ่า แต่ก็ต้องข่มใจ “คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะณา นี่แขกของผม ผมดูแลเอง” ทัศเทพบอกก่อนจะเชิญคุณหญิงรัศมีกับบุตรสาวให้เดินตามไปที่ห้องทำงานของตน ปารีณามองตามสองแม่ลูกอย่างแค้นใจ ‘หึ! รอให้ผ่านงานแต่งไปก่อนเถอะ รับรองว่าฉันจะเอาคืนแกแน่นังเด็กวานซืน’   นาทีต่อมา...หลังจากที่เข้ามาในห้องทำงาน ทัศเทพก็รีบถามเพื่อนรักของบุตรสาวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้ว่าตอนนี้จีอาน่าพักอยู่ที่ไหน “มีอะไรจะบอกลุงเหรอหนูช่า” “จีอาอยู่ไหนคะ” ชาช่าถามด้วยสีหน้านิ่งๆ ขณะที่น้ำตาเจ้ากรรมเริ่มจะเอ่อล้นออกมาอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงข้อความในจดหมาย “ตั้งแต่วันที่กลับจากอังกฤษ จีอาก็หนีออกจากบ้านไป จนถึงตอนนี้ลุงยังตามหาตัวไม่เจอ” ทัศเทพบอกและถอนหายใจอยากรู้สึกเครียด   “เมื่อชั่วโมงก่อนจีอาส่งข้อความมาหาหนู” ชาช่าเปิดมือถือของตัวเองแล้วส่งไปให้บิดาของเพื่อนดู “...” ทัศเทพรับมาอ่านดูข้อความ ก็ถึงกับชะงักนิ่งไปทันใด “หนูรีบโทรกลับไปหา แต่จีอาปิดเครื่องไปแล้ว หนูทนไม่ไหว ก็เลยแอบแกะจดหมายออกมาอ่าน ฮึก...ฮือๆๆ” ชาช่าจดหมายส่งไปให้ แล้วร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ทัศเทพรีบวางมือถือลงบนโต๊ะ แล้วหยิบจดหมายมาเปิดอ่าน ‘ถึงพ่อ...ที่เคยรักและเคารพ หากพ่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้ โปรดจงรู้ไว้ว่า...หนูไม่ได้ยืนอยู่บนโลกใบเดียวกับพ่ออีกแล้ว  พ่อไม่ต้องร้องไห้! หรือเสียใจใดๆ เพราะผู้หญิงคนใหม่คงจะเติมเต็มชีวิตของพ่อได้ดีอยู่แล้ว ก็เหมือนที่พ่อเคยบอก ชีวิตต้องเดินต่อไป... พออ่านได้ไม่กี่บรรทัด ทัศเทพก็แทบจะกระอัก เพราะถูกย้อนศรด้วยประโยคที่ตนได้เอื้อนเอ่ยออกไปในวันนั้น ตอนที่รู้ว่าแม่ตาย...หัวใจของหนูเหมือนแหลกสลายไปครึ่งดวง มันทั้งเจ็บ ทั้งเหน็บหนาว ทั้งว้าเหว่ จนรู้สึกอยากจะตายตามแม่ไปเสียให้ได้ แต่เฮ้! หนูยังมีพ่ออยู่อีกคนนะ หนูบอกตัวเองแบบนี้ แล้วก็ลุกขึ้นมาสู้ใหม่อีกครั้ง เพื่อจะเอาความสำเร็จกลับไปฝากพ่อ และตะโกนบอกดวงวิญญาณของแม่ได้ให้รับรู้ว่า...ลูกสาวคนนี้คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาฝาก แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นเหมือนที่คิดไว้’ คนที่เพิ่งจะรู้ว่าบุตรสาวได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง น้ำตาไหลเป็นทาง หลังจากที่อดีตภรรยาจากไป จีอาก็มีอาการซึมเศร้าจนต้องเข้าการรักษาอยู่พักหนึ่ง เขาจึงคิดว่าจะทำเรื่องดรอปเรียนเอาไว้ก่อนเพราะกลัวบุตรสาวจะมีอาการดิ่งจนทำร้ายตัวเอง แต่แล้วอยู่ๆ จีอาก็กลับมาเป็นปกติ แถมยังตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนทำคะแนนได้ดีอย่างคาดไม่ถึง สุดท้ายนี้...หนูอยากให้พ่อนึกย้อนกลับไปในวันที่แม่ตาย ช่วงเวลานั้น   พ่อทำอะไรอยู่? ความลับที่ปิดบังไว้ มันไม่ได้ตายไปพร้อมกับแม่   จีอาน่า ’ ทัศเทพหน้าถอดสี เจ็บจี๊ดเข้าไปถึงขั้วหัวใจ เพราะช่วงเวลาที่ฮาน่าเสียชีวิต ตนได้เริงรักอยู่กับปารีณาในห้องพักของโรงแรม ความรู้สึกผิดที่แอบปกปิดเอาไว้มานาน เพราะคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องในวันนั้น ก็ทำให้เริ่มกระสับกระส่าย และโกรธเกลียดในการกระทำของตัวเอง จนอยากจะเดินไปหยิบปืนที่อยู่ในลิ้นชักของโต๊ะทำงานมาเป่าสมองของตัวเองให้ตายตามฮาน่าไป   “ฮึก...การแต่งงานของลุงกับผู้หญิงคนนั้น มันคุ้มแล้วใช่ไหมคะ ที่ต้องแลกด้วยชีวิตของจีอา” ชาช่าถามทั้งน้ำตา หลังเห็นบิดาของเพื่อนอ่านจดหมายจบ “ลุง...”   “กลับกันเถอะแม่ จีอาคงรู้คำตอบแล้ว ถึงได้เลือกวิธีนี้” ชาช่าขยี้ด้วยถ้อยคำที่เจ็บแสบก่อนจะหันไปชวนมารดา “มีไม่กี่คนที่จะสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยดัง มาครองได้ น่าเสียดายนะคะที่คุณไม่มีโอกาสได้ชื่นชมและเอ่ยคำยินดีกับลูกสาว เป็นฉันคงจะปิดโรงแรมจัดงานเลี้ยงต้อนรับใหญ่โตไปแล้ว” รัศมีบอกจบก็รีบเดินออกจากห้องไปกับบุตรสาวทันที ทัศเทพจ้องมองจดหมายที่เป็นลายมือของบุตรสาวทั้งน้ำตานองหน้า ไม่คิดว่าทุกอย่างจะร้ายแรงถึงขั้นนี้ “ท่านครับ! ทะ...ทำไมคุณชาช่าถึง...” คมสันที่เพิ่งจะกลับมาถึง แล้วเดินสวนกับคุณหญิงรัศมีและบุตรสาว ซึ่งร้องไห้จนตาบวม ก็รีบเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาหาผู้เป็นนายอย่างร้อนใจ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับจีอาน่า “เจอจีอาหรือยัง” ทัศเทพหันไปถามคนสนิท   “ยะ...ยังครับ” คมสันตอบเสียงสั่น “ฮึก...ลูกสาวของฉันกำลังจะฆ่าตัวตาย” ทัศเทพบอกคนสนิทด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คะ...คุณหนู” คมสันหัวใจหล่นวูบไปกองอยู่ที่ข้อเท้า เพราะวันนั้นตนแอบพาจีอาน่าที่หมดสติไปหลบอยู่ที่บ้านพักนอกเมืองกับภรรยา โดยตั้งใจว่าจะรอให้ใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยช่วยกันคิดแผนเขี่ยปารีณาให้หลุดจากตำแหน่งนายหญิง    พิสุทธิ์ธารากรณ์ แต่ทว่า...พอกลับไปถึงบ้านอีกครั้ง ภรรยาของเขาก็เอาแต่ร้องไห้พร้อมกับยื่นจดหมายที่จีอาน่าเขียนขอบคุณสั้นๆ ทิ้งเอาไว้ก่อนจะหนีไป ‘ขออย่าได้ทำอะไรโง่ๆ นะคุณหนู ไม่งั้นไอ้คมจะไม่ขออยู่เป็นคนแน่’ “ประกาศเลื่อนงานแต่งออกไป ลูกสาวฉันจะต้องได้เห็นข่าวนี้” ทัศเทพบอกก่อนจะยกมือขึ้นปาดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเป็นทางทิ้งลวกๆ “ครับ” คมสันขานรับอย่างดีใจ ที่ในที่สุดผู้เป็นนายก็ตัดสินใจเลือกบุตรสาว “นี่ท่านพูดเล่นใช่ไหมคะ ทุกอย่างถูกเตรียมเอาไว้หมดแล้ว อยู่ๆ จะมายกเลิกเพราะจดหมายขู่บ้าๆ นี่ไม่ได้” คนที่แอบฟังการสนทนาทั้งหมด รีบเดินเข้ามาต่อว่าอย่างรู้สึกโกรธ “ลูกสาวผมไม่เคยขู่ แล้วถ้าคุณรอไม่ได้ ก็ช่างหัวคุณเถอะณา” ทัศเทพตอกกลับอย่างไม่แคร์ วินาทีนี้เขาพร้อมจะแลกทุกอย่างที่มี ขอแค่ให้ได้กอดบุตรสาว     อีกครั้ง “ทะ...ท่าน” ปารีณามองคนที่รักเธอ หลงเธอ จนชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ว่าอีกฝ่ายจะขึ้นเสียงใส่ “ไปกันเถอะคม” ทัศเทพเดินตรงออกจากห้องไปโดยไม่หันมองหน้า        ว่าที่เจ้าสาว     “ครับท่าน” คมสันรขานรับแล้วรีบเดินตามผู้เป็นนายไปติดๆ “กรี๊ดดดดด” ปารีณากรีดร้องออกมาสุดเสียงทันทีที่ประตูห้องปิดลง เธอเตรียมจะใส่ชุดเจ้าสาวในเช้าของวันใหม่ แต่ทุกอย่างก็ต้องมาพังลงไม่เป็นท่า เพราะ อีเด็กเปรตนั่นแกล้งขู่จะฆ่าตัวตาย “หึ! ยังไงฉันก็ต้องเป็นนายหญิงของพิสุทธิ์ธารากรณ์ให้ได้ แกคอยดูนะนัง จีอา สุดท้ายแกจะต้องเรียกฉันว่าแม่” ปารีณากัดปากแน่นก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานใหญ่ ตรงไปยังห้องนอนของตัวเองด้วยสีหน้าเครียดแค้น   พอเช้าวันต่อมา... พาดหัวข่าวใหญ่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ต่างลงข่าวประกาศเลื่อนงานแต่งของทัศเทพออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยว่าที่เจ้าบ่าวรุ่นใหญ่เองก็หายออกจากบ้านไปพร้อมกับคนสนิทตั้งแต่เมื่อวาน ขณะเดียวกัน...ปารีณาก็อับอายจนแทบจะไม่กล้าสู้หน้าใคร แถมเพื่อนๆ ต่างพากันกระหน่ำส่งข้อความมาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้เธอต้องปิดมือและการสื่อสารทั้งหมด เพราะไม่อาจจะพูดหรืออธิบายเหตุผลที่มีให้ใครรับฟังได้   เชียงใหม่...ไร่สิงรางประกรณ์ (เวลาปัจจุบัน) “จะมีใครจำฉันได้ไหมคะ?” จีอาน่าถามอย่างหวั่นใจ “ไม่หรอก! ถ้าคุณใส่แมสกับหมวกแก๊ปนี่” จอมพลส่งอุปกรณ์อำพรางตัวไปให้ พร้อมกับจ้องมองสาวเจ้าอย่างรู้สึกขำๆ ที่เห็นเธอใส่เสื้อยืดของตนกับกางเกงลำลอง ที่ต้องพับขาขึ้นถึงสามตลบ “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” จีอาน่ารับมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว “ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ ค่ำๆ คนอาจจะเยอะ” จอมพลเอ่ยชวน “ค่ะ” จีอาน่าเดินตามร่างสูงลงบันไดไปอย่างรู้สึกแปลกๆ กับการใส่เสื้อผ้าไซซ์ใหญ่เกินตัวไปหลายเบอร์ แต่ก็ช่างมันเถอะ มันคงไม่มีใครสนใจหรือจำเธอได้อย่างที่อีกฝ่ายบอก   ชั่วโมงต่อมา...ห้างสรรพสินค้าแถวนอกเมืองเชียงใหม่ “คุณอยากได้เครื่องปรุงอะไรในการทำกับข้าว ก็หยิบใส่ล้อเข็นได้เต็มที่เลยนะ เพราะบ้านผมมีตู้แชร์ 4 ตู้ อยู่ในห้องใต้ดิน ส่วนของสด พวกหมู เนื้อ ปลา ไก่ เดี๋ยวผมจัดการเอง อีกครึ่งชั่วโมงมาเจอกันที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินตรงนี้ แล้วเราค่อยไปซื้อเสื้อผ้าให้คุณต่อ” จอมพลดึงล้อเข็นออกมาส่งให้สาวเจ้า ก่อนจะหันไปดึงมาใหม่ออกมาให้ตัวเอง “รับทราบค่ะ” จีอาน่ายิ้มรับ ก่อนจะเข็นรถไปเดินดูเครื่องปรุงอาหารที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งมีให้เลือก ทั้งของไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่นและอิตาเลียน   ชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่ซื้อของเสร็จ จอมพลก็พาสาวเจ้าไปเลือกซื้อเสื้อผ้าตามร้านต่างๆ จนครบ ก็พากันเดินทางกลับไร่ทันที “ขอบคุณนะคะที่ซื้อเสื้อผ้าให้ฉัน” จีอาน่ามองถุงเสื้อผ้านับสิบของแบรนด์ Uniqlo แล้วฉีกยิ้มอย่างดีใจ แม้จะไม่ใช่แบรนด์ที่เธอใส่เป็นประจำ แต่ก็ดูดีสุดๆ  “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณพอใส่ได้ไหม” จอมพลถามยิ้มๆ “ทุกตัวที่ซื้อมา ดีกว่าผ้าถุงกับกางเกงในคุณยายค่ะ” จีอาน่าบอกด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่น่าอับอาย “ฮ่าๆๆ นี่ผมเกือบจะลืมภาพนั้นไปแล้วนะ” จอมพลหัวเราะขึ้นมาทันทีทันใด หลังถูกสะกิดต่อมฮา “ตั้งแต่เกิดมา...ฉันไม่เคยอายอะไรขนาดนี้มาก่อน” จีอาน่ากลอกตาพร้อมกับถอนหายใจอย่างรู้สึกเซ็งๆ “ขอโทษ ผมจะพยายามลืมๆ มันไปแล้วกัน ว่าแต่...เดี๋ยวเราแวะเก็บผักไปกินคู่กับเนื้อย่างเพิ่มกันไหม?” จอมพลเปลี่ยนเรื่องคุย “คุณจะเก็บผักที่ไหนคะ” จีอาน่าถามอย่างสงสัยเพราะตอนนี้เริ่มมืดค่ำแล้ว “ก็ที่สวนของผมน่ะสิครับ” “แล้วเราจะมองเห็นเหรอคะ?” “เห็นสิ ที่ไร่ของผมน่ะไฟฟ้าเข้าถึงทุกซอกทุกมุมเลยครับ” จอมพลตอบก่อนจะขับรถตรงไปสวนผักของตน   ครึ่งชั่วโมงต่อมา...บ้านพักท้ายไร่ “ไม่น่าเชื่อนะคะว่าฉันจะได้มาเจอกับเกษรตกรที่โคตรจะทันสมัยสุดๆ” จีอาน่าบอกอย่างรู้สึกปลื้มไม่หาย หลังจากที่ได้ไปเห็นสวนผักออแกนิคขนาดใหญ่มา “ผมปลูกผักปลอดสารส่งให้กับโรงแรมและร้านอาหารใหญ่ที่สั่งจองครับ” จอมพลรู้สึกเขินนิดๆ ที่ถูกยกยอ “โห...น่าทึ่งจังเลยค่ะ” จีอาน่าวางผักต่างๆ ลงใกล้ๆ กับอ่างล้าง “คุณหิวหรือยัง?” “ยังค่ะ” “งั้นช่วยผมแยกเนื้อต่างๆ ใส่ถุงตรงนี้ แล้วเอาไปเรียงในตู้แช่ให้หน่อยได้ไหม?” จอมพลขอแรงสาวเจ้า “ได้ค่ะ ว่าแต่...คุณเอาปลาแซลมอนมาทำไมตั้งตัวหนึ่งคะ” จีอาน่ายิ้มพลางจ้องมองปลาแซลมอนตัวใหญ่ที่อีกฝ่ายยกมาวางบนเขียงอย่างมึนงง “ก็เอาไว้ทำอาหารน่ะสิ ผมไม่ได้เข้าเมืองทุกวันนะ เลยต้องตุนอาหารเอาไว้อย่างที่เห็น”   “โอเคค่ะ งั้นคุณแร่ปลา เดี๋ยวฉันจะจัดการเนื้อพวกนี้เอง ส่วนเครื่องปรุงพวกนั้น พรุ่งนี้เช้าฉันจะจัดเข้าชั้นให้ค่ะ” จีอาน่าบอกก่อนจะหันไปหยิบเขียงกับมีด และเครื่องซีนศูนย์ยากาศ พร้อมกับถุงขนาดต่างๆ ออกมาวาง “โอ้ย...ทำไมคุณน่ารักจังจีอา ทุกครั้งแม่บ้านที่มาทำความสะอาดบ้าน เขาจะเป็นคนจัดให้ ซึ่งกว่าที่ผมจะหาของแต่ละอย่างเจอ ก็แทบจะรื้อบ้านทั้งหลังแน่ะ”  จอมพลบอกยิ้มๆ เพิ่งรู้ว่าการที่ชีวิตมีใครอีกคนเข้ามาเติมเต็มนั้น มันวิเศษขนาดไหน “ไม่อยากจะเชื่อ” จีอาน่าพยายามนึกภาพตาม แต่ก็นึกไม่ออก “เชื่อเถอะครับ เพราะเขา เอ่อ...เป็นชาวเขา ก็เลยไม่ค่อยคุ้นกับเครื่องปรุงหน้าตาแปลกๆ เท่าไหร่ บางทีก็เอาซุปก้อนไปวางเรียงไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วเอาแชมพูสูตรเย็นที่มีรูปก้อนน้ำแข็ง ไปใส่ไว้ในตู้เย็น” จอมพลบอกอย่างรู้สึกขำๆ “แต่เขาทำความสะอาดบ้านเนี้ยบนะคะ” จีอาน่าเอ่ยท้วง “ใช่ครับ ทำกับข้าวพื้นเมืองก็อร่อย” จอมพลเอ่ยชม “แล้วฉันจะได้เจอป้าเขาเมื่อไหร่คะ”   “พอดีว่าลูกสาวของป้ามารับไปเที่ยวต่างจังหวัดน่ะครับ อีกเป็นเดือนกว่าจะกลับมา” “แหม...น่าอิจฉาจังเลยค่ะ” คนที่อยากจะมีโมเม้นท์แบบนั้นบ้างบอก     เสียงอ่อน “อืม...พรุ่งนี้คุณอยากจะทำอะไร?” จอมพลถามความเห็น ก่อนจะลงมือถอดเกล็ดปลาออก “ก็คุณบอกว่าจะให้ฉันช่วยทำบัญชีให้” “รู้อะไรไหม คุณน่ะเหมือนนางฟ้ามาโปรดเลย ชีวิตของผมเหมือนจะดูเรียบๆ ง่ายๆ แต่จริงๆ แล้วมันโคตรจะยุ่งเหยิงสุดๆ เพราะเปลี่ยนคนทำบัญชีมาแล้วถึงสามคนแน่ะ!” “ทะ...ทำไมคะ?” คนที่กำลังแพ็คเนื้อเพลินๆ หันกลับไปถามอย่างสงสัย ขณะเดียวกันก็รู้สึกเขินกับคำว่า...นางฟ้ามาโปรด ทั้งๆ ที่เธอนั้นสร้างความยุ่งยากให้กับเขาตั้งมากมาย “ก็นักบัญชีสาวแต่ละคนคิดน่ะสิ! จ้องแต่จะจับผมแก้ผ้า ก็เลยต้องเลิกจ้างคนทำบัญชีอย่างถาวร พอให้ลูกน้องคนสนิทของผมมาทำ ก็ต้องมานั่งถอดรหัสของตัวเลข เพราะมันดูคล้ายๆ กับรหัสมอสที่เอาไว้ใช้ปล่อยขีปนาวุธเลย” หนุ่มโสดที่แม้จะมีสาวๆ ข้างกายไม่ว่างเว้น แต่ก็เป็นเพียงการซื้อกินมากกว่าจะคบหากับใครแบบจริงๆ จังๆ เอ่ยเล่าด้วยสีหน้าเพลียๆ “คิกๆๆ” จีอาน่าหัวเราะจนตัวสั่นกับสำนวนของหนุ่มตรงหน้า “ให้ตายสิ! นี่ผมพูดเรื่องจริงนะจีอา” จอมพลกลอกตากับท่าทีของสาวเจ้า  ที่ทำเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตนบอก “ฉันขอโทษค่ะ เอ่อ...บ้านหลังนี้สวยมากๆ เลย คุณใช้งบไปทั้งหมดเท่าไหร่คะ” จีอาน่ารีบเปลี่ยนเรื่องคุย “รวมตกแต่งก็ประมาณสิบล้านนิดๆ ข้างบนมี ห้าห้องนอนและห้องน้ำในตัว ชั้นล่างมี ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องออกกำลังกาย ห้องทำงาน แล้วก็ห้องใต้ดินครับ” “ว้าว! แล้วคุณจะให้ฉันพักที่ห้องไหนคะ?” “พักห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องของผมครับ” “เอ่อ...แล้วคุณแม่ของคุณ ท่านจะมาที่นี่หรือเปล่าคะ แล้วถ้าท่านเห็นฉันอยู่กับคุณ จะมีปัญหาไหม?” เธอถามอย่างรู้สึกหวั่นใจ “ไม่หรอก แม่ผมท่านเป็นคนสมัยใหม่ อีกอย่าง...ตอนนี้ท่านไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ ครับ อีกนานเลยกว่าจะกลับ” “ค่ะ” จีอาน่าพยักหน้ารับอย่างรู้สึกโล่งใจ กลัวผู้ใหญ่จะมองเธอไม่ดี ที่มาอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง “คุณโอเคไหมที่ต้องมาอยู่กลางป่ากลางเขากับผมแบบนี้” “ฉันสบายใจสุดๆ เลยค่ะ ตอนนี้ฉันไม่สนแล้วว่าพ่อจะทำอะไร ก็เหมือนที่คุณบอก...ถ้าสิ่งไหนที่ทำให้เราทุกข์และเจ็บปวด ก็แค่เดินถอยออกมา” “คุณทำให้ผมนึกถึงน้องสาวของผมมาก แต่เธอไม่อยู่แล้ว” จอมพลบอกพร้อมกับวางมีดที่แร่เนื้อปลาลง แล้วรีบล้างไม้ล้างมืออย่างรวดเร็ว “เอ่อ...ฉันเสียใจด้วยค่ะ” จีอาน่าได้ฟังก็ถึงกับอึ้งไปทันใด “ผมขอกอดคุณทีได้ไหม?” จอมพลเดินเข้าไปหาและเอ่ยขอด้วยแววตาเศร้าหมอง “ดะ...ได้ค่ะ” จีอาน่าพยักหน้ารับเบาๆ รู้สึกสงสาร ‘เขาคงจะคิดถึงน้องสาวมากสินะ’ “ขอหอมแก้มด้วยนะ” คนหน้าด้าน เอ๊ย! หน้ามึน ที่ดึงสาวเจ้าเข้ามากอดเสร็จ ก็เอ่ยเรียกร้องเพิ่มทันใด “เอ่อ...” จีอาน่าเริ่มจะงงๆ กับพฤติกรรมของหนุ่มหล่อมาดเซอร์ ที่ขอนั่นขอนี่ไม่ยอมหยุด “จุ๊บ! จุ๊บ! ขอบคุณครับ” จอมพลก้มลงหอมที่แก้มนวลทั้งสองข้างโดยไม่รอให้สาวเจ้าเอ่ยอนุญาต   “คะ...ค่ะ” จีอาน่ารู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าทันใด ‘อย่าคิดมากน่า! เราแค่เหมือนน้องสาวเขาเท่านั้น’ “คุณทำอาหารอะไรเป็นบ้าง?” จอมพลผละออก แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว ‘บ๊ะ! มุขน้องสาวตายนี่ใช้ได้ผลจริงๆ’ “อาหารไทยแล้วก็อาหารอิตาเลียนนิดหน่อยค่ะ” จีอาน่าตอบโดยไม่กล้าหันไปมองอีกฝ่าย เพราะยังรู้สึกเขินไม่หาย “เยี่ยมไปเลยครับ” จอมพลยิ้มก่อนจะเดินกลับเนื้อเนื้อปลาต่อ   สามชั่วโมงต่อมา...หลังจากช่วยกันแพ็คเนื้อต่างๆ เก็บในตู้แช่ที่ห้องใต้ดินเสร็จ จอมพลก็ชวนจีอาน่าไปนั่งย่างเนื้อทานคู่กับผักสดที่เก็บมา พออิ่มก็ช่วยกันยกไปล้าง แล้วหิ้วถุงใส่เสื้อผ้าไปส่งสาวเจ้าที่หน้าห้องนอน “ขอบคุณมากๆ นะคะ” จีอาน่าบอกอย่างซาบซึ้งใจ “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณอยู่ได้ใช่ไหม” “ได้ค่ะ” “โอเค! ผมไปอาบน้ำก่อนนะ” จอมพลยิ้มก่อนจะเปิดประตูห้องนอนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ค่ะ” จีอาน่ารีบเปิดประตูห้องนอนออก แล้วเดินเข้าไปข้างใน วางถุงกระดาษลงบนเตียงก่อนจะเริ่มแยกเสื้อผ้าออกไว้เป็นกองๆ เพื่อจะซักในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำขนาดใหญ่ พอเห็นอ่างอาบน้ำสุดหรูเธอก็แทบจะกรีดร้องออกมาอย่างดีใจ เพราะอยากจะนอนแช่น้ำอุ่นๆ ให้ผ่อนคลายความเมื่อยล้า จึงเดินไปปรับระดับความร้อน ก่อนจะเปิดน้ำลงในอ่าง พร้อมกับเทสบู่เหลวลงไป เพื่อให้เกิดฟองนุ่มๆ “เฮ้อ...ที่นี่อย่างกับสวรรค์แน่ะ” จีอาน่ารีบถอดเสื้อผ้าออก แล้วลงไปนั่งแช่ในอ่างอย่างไม่รอช้า พลางนึกสะใจปารีณา ที่สุดท้ายแล้วก็ถูกประกาศเลื่อนงานแต่งออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะเดียวกัน...ก็รู้สึกโชคดีที่จอมพลมาช่วยชีวิต เขาทำให้เธอได้คิดและเปิดมุมมองใหม่ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด มันอาจจะเป็นเพราะเธอคล้ายกับน้องสาวของเขาก็ตาม แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในสถานที่ที่เป็นเหมือนกับสรวงสวรรค์แห่งนี้ ไม่ต้องมีรถหรู ไม่ต้องใส่แหวนเพชร ไม่ต้อง    หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมราคาเป็นล้าน มันก็สุขในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม