1
1
จีอาน่า พิสุทธิ์ธารากรณ์ อายุ 23 ปี สูง 161 ซม. รูปร่างผอมบาง แต่ทว่า...กลับเต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งที่น่าทึ่ง กำลังยืนเหม่อลอยอยู่บนสะพาน ดวงตาสีเทาอ่อนจ้องมองไปยังแม่น้ำอันกว้างใหญ่ด้วยหัวใจที่แหลกสลาย เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้คนถึงได้ดิ้นรนอยากมีความรัก ทั้งที่สุดท้ายแล้วต่างก็เห็นแก่ตัว
บิดาของเธอ...พบรักกับมารดาเมื่อ 24 ปีก่อน พอแต่งงานก็มีเธอเป็น พยานรัก ทุกอย่างดำเนินมาเรื่อยๆ เฉกเช่นครอบครัวที่แสนสุข
กระทั่งมารดาของเธอจากไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน ช่วงเวลาที่แสนสุขก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย เพราะบิดาของเธอเตรียมจะแต่งงานใหม่กับหญิงสาววัย 36 ปี หลังจากที่แอบคบชู้กันมานาน
ความรัก ความอบอุ่น ความไว้ใจ และคำว่าครอบครัว มันแหลกละเอียดเหมือนแก้วที่โดนเหวี่ยงกระทบหิน เมื่อบิดาที่รักกลับกลายเป็นใครอีกคนที่ไม่รู้จัก และเธอก็ไม่สามารถจะจ้องมองท่านด้วยสายตาแบบเดิมได้อีกต่อไป...
หญิงสาวยืนมองดวงตะวันที่ลาลับขอบฟ้า กระทั่งเวลาผ่านล่วงเลยไปหลายชั่วโมง จึงถามกับตัวเองว่า..พรุ่งนี้ยังมีอะไรให้เธอรู้สึกเสียดาย หากยังไม่ได้ลงมือทำ? คำตอบคือไม่ ไม่มีอะไรแล้วที่จะต้องเสียดาย ทุกๆ อย่างมันว่างเปล่า
จีอาน่าสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะถอดรองเท้าราคาแพงออก แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนขอบสะพาน พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าอันมืดมิดที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมาย เพื่อจดจำมันเป็นภาพสุดท้ายของชีวิต
จากนั้นก็หลับตาลง แล้วขยับโน้มตัวเอียงไปข้างหน้า ปลดปล่อยจิตวิญญาณให้ล่องลอยไปตามแต่กระแสทิศทางที่จะนำพา
ตูม!!!
ย้อนไปเมื่อ 6 วันก่อน...
หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยฯ. ดัง ของอังกฤษ จีอาน่าก็รีบเดินทางกลับมาประเทศไทยก่อนกำหนดเดิม 10 วัน เพราะอยากจะมาร่วมทำบุญในวันครบรอบการจากไปของมารดา ที่จะมีขึ้นในอีก 5 วันข้างหน้า
แต่พอมาถึงเธอก็ต้องช็อกจนตั้งตัวไม่ทัน เมื่ออยู่ๆ บิดาก็ประกาศว่าจะแต่งงานครั้งใหม่กับหญิงสาวที่เคยเป็นอดีตผู้ช่วยเลขาของมารดา ซึ่งก็ตรงกับวันครบรอบการจากไปของท่านพอดี
จีอาน่าทะเลาะกับบิดาเสียงดัง ในขณะที่ปารีณาเอาแต่ทำหน้าเศร้า สวมวิญญาณของนางเอกผู้น่าสงสาร แต่ก็ยังยืนยันที่จะแต่งงานตามกำหนดเดิม ด้วยความโมโห เธอจึงลุกขึ้นและกระโจนเข้าไปตบหน้าของอีกฝ่ายถึงสองครั้งติดๆ กัน ก่อนจะถูกคนของบิดาจับแยกออก
“ปล่อย! ฉันบอกให้ปล่อย” จีอาน่าร้องตะโกนอย่างไม่พอใจ
ทัศเทพรีบพยักหน้าให้บอดี้การ์ดของตนปล่อยตัวบุตรสาว ก่อนจะหันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “จีอา พ่อขอร้องเถอะ พ่อไม่ได้ลืมแม่ของลูกนะ แต่ชีวิตมันต้องเดินต่อไป และพ่ออยากจะมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง”
“ที่ผ่านมา...พ่อเคยรักหนูกับแม่บ้างไหม?” จีอาน่าเอ่ยถามขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง รู้สึกน้อยใจและผิดหวังในการกระทำของบิดาเป็นที่สุด
“รักสิ! ลูกและแม่ของลูกเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของพ่อ” ทัศเทพบอกพลางขยับเข้าไปหา หวังจะคว้าตัวของบุตรสาวเข้ามากอดปลอบ เหมือนเช่นทุกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับขยับตัวหนี
“ถ้าพ่อยืนยันที่จะแต่งงานกับมัน หนูจะฝากแผลที่ไม่มีวันจางหาย แม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายที่พ่อจะหายใจ” จีอาน่ายื่นคำขาดก่อนจะคว้ากระเป๋าถือแล้ววิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
“จีอา! จีอา!” ทัศเทพตะโกนเรียกและเตรียมจะออกวิ่งตามบุตรสาว
ปารีณารีบเข้ารั้งแขนเอาไว้ “ปล่อยไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเย็นลงแล้วคุณจีอาก็คงจะกลับมาเอง”
“แต่...” ทัศเทพพยายามค้าน กลัวว่าบุตรสาวจะทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมา และตนยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้
“อุ้ย! ณาเจ็บจังเลยค่ะท่าน” ปารีณาอุทานด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด พร้อมกับยกมือลูบที่แก้มเบาๆ
ทัศเทพหันไปมองแล้วเห็นรอยแดงๆ ปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังจะมาเป็นคู่ชีวิต ก็รู้สึกสงสาร เตรียมจะเข้าไปปลอบ แต่พอได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่แล่นออกไปด้วยความเร็ว ก็ทำให้เขารีบหันกลับไปมองที่ประตูหน้าบ้านอีกครั้ง
“ท่านครับ คุณหนูขับรถออกไปเองครับ” คมสันที่เพิ่งจะกลับจากทำงาน วิ่งเข้ามาบอกด้วยสีหน้าตื่นๆ เพราะปกติตนจะเป็นคนขับรถให้กับบุตรสาวของเจ้านายตลอด
“รีบตามจีอาไปอย่าให้คลาดสายตา” ทัศเทพบอกลูกน้องคนสนิทที่เคยเป็นอดีตทหารในสังกัดหน่อยรบพิเศษมาก่อนอย่างร้อนใจ
“จะตามทำไมคะ คุณจีอาไม่ใช่เด็กๆ แล้วสักหน่อย” ปารีณาเอ่ยท้วงด้วย น้ำเสียงตึงๆ
“คุณไปใส่ยาที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวสั่งงานเสร็จแล้วผมจะตามไป” ทัศเทพเอ่ยตัดบทเสียงเย็น
“กะ...ก็ได้ค่ะ” ปารีณาจำใจรับคำ แล้วเดินจากไปเงียบๆ เพราะรู้ว่าคนอย่างทัศเทพไม่ชอบให้ใครขัดใจ
ทัศเทพเรียกบอดี้การ์ด 5 คน ให้เข้าไปในห้องทำงาน ด้วยสีหน้าตึงเครียด เป็นห่วงบุตรสาวจับใจ เพราะจีอาน่าเพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงบ้านได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ต้องมาทะเลาะกันเรื่องแต่งงาน ซึ่งเขาน่าจะรอให้ผ่านวันครบรอบการจากไปของ ฮาน่าเสียก่อน แต่ที่ทุกอย่างก็เร่งรีบเพราะปารีณาขอร้องให้ตนจัดงานแต่งตามกำหนดที่เกจิอาจารย์ดังบอก
จีอาน่าขับรถไปขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง ไม่คิดว่าการกลับมาครั้งนี้ ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปอย่างที่คาดไม่ถึง สีหน้าถือดีของปารีณา และรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากนั้น ทำให้เธอรู้สึกเกลียดจนอยากจะวิ่งไปหาปืนสักกระบอกมายิงอีกฝ่ายให้ตายๆ ไปซะ
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงเรียกเข้าของมือถือที่ดังขึ้น เรียกสติที่กำลังกระเจิดกระเจิง ให้กลับมา จีอาน่าเหลือบมองที่หน้าจอ พอเห็นชื่อคนสนิทของมารดา เธอก็รีบจอดรถที่ข้างทาง แล้วกดรับสายของอีกฝ่ายทันที
[สวัสดีค่ะคุณวา]
[สวัสดีค่ะคุณจีอา กลับมาถึงไทยแล้วใช่ไหมคะ]
[ใช่ค่ะ]
[วาคิดว่าตอนนี้คุณจีอาคงจะทราบเรื่องที่คุณทัศเทพจะแต่งงานกับณาแล้ว วามีสิ่งหนึ่งที่จะมอบให้คุณจีอาค่ะ] วารินบอกพร้อมกับลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
[อะไรเหรอคะ?] จีอาน่าถามอย่างรู้สึกมึนๆ
[วันนั้น...วันที่คุณฮาน่าจากไป วาเก็บเรื่องนี้เอาไว้กับตัวมาตลอด และตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่คุณจีอาจะได้รู้ความจริง]
[คะ...ความจริงอะไรคะ] จีอาน่าถามยังไม่ทันขาดคำ ปลายสายก็กดวางไปดื้อๆ แต่จากนั้นไม่ถึงสามวินาที ก็มีเสียงข้อความไลน์ดังขึ้น
จีอาน่ามองคลิปที่อีกฝ่ายส่งมามือไม้สั่น อยากจะรู้ว่าวารินเก็บงำความลับอะไรเอาไว้จึงกดเข้าไปดู เธอถึงกับชาวาบไปทั้งตัวที่เห็นปารีณาเข้าไปสวมกอดบิดาจากด้านหลัง
{ณา! อย่า เดี๋ยวคุณหญิงมาเห็นเข้า} ทัดเทพพยายามแกะมือของหญิงสาวออกจากตัว
{คุณหญิงออกไปแล้วค่ะ ตอนนี้เหลือแค่ท่านกับหนูเท่านั้น} ปารีณากระซิบอ้อน
{แต่มัน...}
{ณาคิดถึงท่านค่ะ อยากจะนอนกอดท่านทุกคืนๆ แต่ก็ทำไม่ได้}
{ณา! ไม่ใช่ที่นี่} ทัดเทพบอกอย่างเป็นกังวล เพราะนี่คือห้องพักของตนกับภรรยา
{ครั้งนี้ท่านสั่งณาไม่ได้ค่ะ} ปารีณาบอกพร้อมกับถอดชุดเดรสที่สวมออก แล้วดึงหนุ่มใหญ่ไฟแรงสูงเข้ามาจูบเปิดเกมรักที่เร่าร้อน
{ฮึก...ฮึก...}
จีอาน่าได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของแม่ แม้จะไม่เห็นหน้า แต่เธอก็เห็นทุกก้าวที่แม่เดิน เห็นพนักงาน และผู้คนที่เดินผ่านไปมา รวมไปถึงวารินที่วิ่งตรงดิ่งเข้ามาหา
{กะ...เกิดอะไรขึ้นคะคุณฮาน่า}
{เธอไปพักเถอะวา}
{แต่...} วารินรีบเดินตามไปอย่างรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่เคยเห็นบุคคลที่รักและเคารพดุจมารดา ร้องไห้แบบนี้มาก่อน
{ฉันอยากจะอยู่คนเดียว} ฮาน่าหันไปบอก ก่อนจะเดินตรงไปยังรถส่วนตัว แล้วขับออกไปด้วยความเร็ว
จีอาน่าน้ำตาไหลเป็นทาง ได้ยินเสียงร้องไห้ของมารดาดังขึ้นอยู่ตลอด จนกระทั่งรถของท่านเสียหลักพุ่งเข้าชนกับรถอีกคันที่อยู่บนสะพานเสียงดังสนั่น จากนั้น...ภาพทุกอย่างก็ตัดไป
“กรี๊ดดดด แม่! แม่! ฮือๆๆๆ” จีอาน่ากรีดร้องสุดเสียง และทุบพวงมาลัยอย่างบ้าคลั่ง
คมสันที่ขับรถตามมาแล้วเห็นรถของบุตรสาวเจ้านายจอดอยู่ข้างทาง จึงสั่งให้ลูกน้องจอดรถ แล้วรีบวิ่งเข้าไปดู เขาได้ยินเสียงกรีดร้องดังเล็ดลอดออกมาจากด้านใน จึงล้วงรีโมทกุญแจสำรองมาปลดล็อคประตูรถ แล้วดึงร่างบางที่สั่นเทาเข้ามากอดปลอบ “คุณหนูครับ ผมอยู่นี่แล้ว”
“ฮือๆๆ อาคม แม่...แม่...” จีอาน่ากอดซบร่างสูงของคนสนิทได้เพียงครู่ก็วูบหมดสติไป
“ศร! มาขับรถคุณหนูเอาไปจอดทิ้งไว้ใกล้ๆ กับสนามบิน แล้วเช็ดรอยนิ้วมือของตัวออกให้หมด อ้อ! ไม่ต้องบอกใครนะว่าเจอคุณหนูที่นี่” คมสันสั่งการเสร็จ ก็อุ้มบุตรสาวของเจ้านายเข้าไปในรถตู้ จากนั้นก็ขับตรงไปยังบ้านพักตากอากาศของตัวเองที่อยู่นอกเมือง
เช้าวันต่อมา...(ปัจจุบัน) ไร่สิรางประกรณ์
คนที่กระโดดสะพานแม่น้ำปิง เพื่อจะจบชีวิตอันแสนเจ็บปวด ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง ไปรอบๆ ห้องสีขาว แล้วจ้องมองโซฟาตัวใหญ่สีเทาอ่อนกับภาพวาดสีน้ำ แสนสวยอย่างมึนงง
“ไม่อยากจะเชื่อ! สวรรค์หน้าตาเป็นแบบนี้หรอกเหรอเนี่ย” เธอเอ่ยพึมพำเบาๆ อย่างรู้สึกสับสน ไม่คิดว่าชีวิตหลังความตายจะสวยงามถึงเพียงนี้ แถมยังได้นอนบนเตียงนุ่มๆ ในห้องที่ดูสะอาดตา
“อะฮึ่ม! อะไรทำให้คิดว่าการฆ่าตัวตายจะทำให้คุณได้ขึ้นสวรรค์” จอมพลเอ่ยถามหญิงสาวที่ตนกระโดดน้ำลงไปช่วยอย่างรู้สึกโมโหขึ้นมานิดๆ เมื่อคืน! ถ้าเขาไม่แวะเข้าไปดูร้านที่เพิ่งจะแต่งเสร็จ ป่านนี้ร่างของเธอคงจะลอยขึ้นอืดอยู่ในแม่น้ำปิง
“คะ...คุณเป็นใคร?” จีอาน่าขยับตัวลุกนั่งอย่างตกใจ ‘แม่เจ้า! นี่คงจะเป็น ผู้คุมวิญญาณสินะ? แต่ทำไมถึงใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์ล่ะ?’
“หึ! ผมเป็นเจ้าชายที่ขี่ม้าขาวไปช่วยคุณเอาไว้เมื่อคืนน่ะสิ” จอมพลกลอกตาเมื่อเห็นสาวเจ้าเอาแต่จ้องใบหน้าของตนด้วยสายตาแปลกๆ ‘ให้ตาย!ยัยเด็กนี่ เต็มหรือเปล่าวะ’
“คะ...คุณช่วยฉัน?” จีอาน่ารู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ได้ยินคำบอกเมื่อครู่ ‘นี่แปลว่าเรายังไม่ตายงั้นเหรอ?’
“ก็ไม่ได้อยากจะช่วยหรอกนะ แต่กลัวศพของคุณจะขึ้นอืดบริเวณร้านอาหารของผม” จอมพลบังคับสายตาให้มองไปทางอื่น เพราะเมื่อคืนเขาใส่แต่ เสื้อยืดให้สาวตรงหน้าแค่ตัวเดียวเท่านั้น และดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวว่าท่านั่งในตอนนี้ มันกำลังยั่วยวนสายตาของเขาขนาดไหน
“กรี๊ดดดดด” จีอาน่ากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เมื่อรู้ว่าแผนที่วางไว้ ได้พังลงเพราะหนุ่มตรงหน้า
คนที่กำลังเคลิ้มนิดๆ หลังจ้องมองบริเวณต้นขาอ่อนของสาวเจ้า แต่พอได้ยินเสียงกรี๊ดเท่านั้น เส้นเลือดฝอยในสมองก็แทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้
“รู้ไหมว่าการที่จะทำอะไรแบบนั้นมันต้องใช้ความกล้าขนาดไหน ฮือๆๆ แม่ง! เสียเที่ยวจริงๆ” จีอาน่าร้องไห้และสบถออกมาอย่างรู้สึกเจ็บใจ คิดว่าป่านนี้บิดาคงจะเข้าพิธีแต่งงานกับปารีณาไปแล้ว
“เสียเที่ยว?” จอมพลทวนคำอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ‘พ่อแก้วแม่แก้ว! เกิดมาเขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสบถคำว่า ‘แม่ง’ ได้เจ็บขนาดนี้มาก่อน’
“ใช่!” จีอาน่ามองค้อนคนที่ทำลายแผนการของเธออย่างรู้สึกโกรธ
“งั้นไปกระโดดอีกรอบไหมล่ะ สาบานเลยว่ารอบนี้จะแค่ยืนดูเฉยๆ เท่านั้น” คนที่อุตส่าห์กระโดดว่ายน้ำลงไปช่วย เริ่มจะโมโหขึ้นมานิดๆ
“ขอบคุณ!” ด้านคนที่ยังตั้งมั่นในอุดมการณ์พยักหน้ารับทันใด แม้ว่าตอนนี้อารมณ์กล้าบ้าบิ่นจะไม่เต็มร้อยเหมือนเมื่อคืน แต่เดี๋ยวเธอไปบิ้วเอาที่หน้างานได้
“งั้นก็ลุกขึ้นเลยสิ” จอมพลบอกอย่างเหลืออด เมื่อเห็นสาวตรงหน้ายังมีความคิดบ้าๆ อยู่ในหัว
“...” จีอาน่าขยับลงจากเตียง เตรียมจะเดินไปที่ประตูห้อง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งแขนเอาไว้
“เดี๋ยว!”
“มะ...มีอะไร?” เธอถามพร้อมกับแกะมือหนาออกอย่างรู้สึกรังเกียจ แม้ว่าคนตรงหน้าเธอจะหล่อโคตรๆ ขนาดไหน แต่วินาทีนี้เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
“จะตายสภาพนี้จริงๆ เหรอ” จอมพลถามพลางจ้องมองสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ทะ...ทำไม?” คนที่เพิ่งจะรู้สึกเย็นๆ บริเวณช่วงล่าง คล้ายๆ กับว่าไม่ได้...
“ตอนนี้คุณใส่แต่เสื้อยืดตัวเดียว ลองนึกภาพตอนกู้ภัยไปเก็บศพดูสิ คุณไม่อายเขาเหรอ?” จอมพลปล่อยหมัดเด็ดใส่หญิงสาวอย่างรู้สึกหมั่นไส้
“ละ...แล้วเสื้อผ้าของฉันอยู่ไหน?” จีอาน่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีทันใด โชคดีที่เสื้อยืดตัวที่ใส่อยู่ยาวเกือบถึงเข่า
“กองอยู่ในห้องน้ำ” จอมพลชี้ยังประตูที่อยู่ตรงมุมห้อง
จีอาน่ารีบเดินไปดูก็พบเสื้อผ้าของเธอใส่กองอยู่ที่อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และพอหยิบขึ้นมาก็ถึงกับตกใจ “คุณตัดเสื้อกับกางเกงของฉันทำไม”
“ที่ต้องตัดก็เพราะว่าผมถอดมันออกไม่ได้น่ะสิ” จอมพลกลอกตาอย่างรู้สึกเซ็งๆ เธอไม่รู้หรอกว่ากว่าที่เขาจะก้าวจะผ่านเมื่อคืนมาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
“แล้วฉันจะใส่อะไรล่ะ?” เธอหันไปถามราวกับต้องการให้คนตรงหน้ารับผิดชอบ เพราะเธอตั้งใจจะฝากแผลเป็นให้บิดาได้จดจำไปตลอดชีวิตว่าวันแต่งงานครั้งใหม่ คือวันตายของเธอกับแม่ แต่ผู้ชายตรงหน้าก็ทำลายแผนของเธอพังจนยับเยิน
“ผมว่าช่างมันเถอะ! ไหนๆ คุณก็จะตายแล้ว จะแคร์ทำไม” จอมพลบอกพร้อมกับเข้าไปดึงแขนของสาวเจ้าให้ออกเดิน
“เดี๋ยวก่อน!” จีอาน่ารีบขืนตัวไว้ ‘บ้าจริง! ถ้าเราตายในสภาพที่ไม่ได้ใส่กางเกงแบบนี้ ตำรวจอาจจะลงประเด็นการตายผิด แล้วทุกๆอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ก็คงจะสูญเปล่า’
“ไปขึ้นรถ ผมจะพาไปคุณโดดให้มันจบๆ ไปซะ” จอมพลบอกด้วยสีหน้าติดรำคาญนิดๆ
“นี่คุณ! ฉันไม่ได้ใส่กางเกงนะ” จีอาน่าน้ำตาคลอหน่อยขึ้นมาอีกครั้งไม่อยากจะคิดว่าศพของตัวเองจะอนาถขนาดไหน แถมนักข่าวคงจะเขียนเมาท์กันสนุกปากว่าถูกข่มขืน หรือไม่ก็เมายาแล้วโดดน้ำตาย
“แล้วไง?” จอมพลเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ากวนๆ
“คุณพอจะมีกางเกงเก่าๆ ให้ยืมสักตัวไหม?” จีอาน่าขอความเห็นใจ
“ไม่!” จอมพลรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ทำไมล่ะ”
“ก็ผมกลัวตอนที่คุณเอามาคืนน่ะสิ อีกอย่าง! ถ้าเกิดตำรวจรู้ว่ากางเกงที่คุณใส่เป็นของผม ผมก็อาจจะซวยถูกจับโยงการตายของคุณ ดีไม่ดีอาจจะติดคุกฟรีอีกด้วย”
“ฮึก...ก็แล้วใจคอคุณจะให้ฉันตายทั้งที่ไม่ได้ใส่กางเกงเนี่ยนะ” เธอตัดพ้อทั้งน้ำตานองหน้า
“เฮ้อ...จะตายทั้งที ทำไมต้องสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นด้วยนะ” จอมพลถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยกับความยุ่งยากมากเรื่องมากราวของสาวตรงหน้า
“ฮือๆๆ ก็ใครใช้ให้คุณมาช่วยฉันล่ะ”
“เอางี้! บอกเหตุผลกับผมหน่อยว่าทำไมคุณถึงอยากจะตาย แล้วผมสัญญาว่าคุณจะได้ตายสมใจแน่นอน” จอมพลยื่นข้อเสนอ
“ฮึก...” จีอาน่าเงยหน้าขึ้นมองหนุ่มหล่อล่ำครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี
“โดนผู้ชายทิ้ง” จอมพลโยนเหรียญถามทาง
“...” จีอาน่าส่ายหน้าปฏิเสธ
“ท้อง?” จอมพลกัดฟันถามต่อ
“...” เธอหันกลับไปส่งค้อนวงใหญ่ให้อย่างเคืองๆ
“เฮ้อ...ถูกข่มขืนมาสินะ” จอมพลกลอกตาอย่างเซ็งๆ เมื่อหญิงสาวไม่ยอมเปิดปากบอกสาเหตุ
“ไอ้คนบ้า ฮือๆๆๆ” จีอาน่าปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บใจกับแต่ละคำถามที่ อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมา
“งั้นก็ช่วยบอกเหตุผลมาสักทีสิ เวลาตำรวจเขาหาสาเหตุการตาย จะได้ไม่ต้องมานั่งเดาสุ่มสี่สุ่มห้า แค่เห็นศพคุณขึ้นอืดพวกเขาก็คงจะกินข้าวไม่ลงไปเป็นเดือนแล้ว” จอมพลบอกด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ฮือๆๆ” จีอาน่าร้องไห้หนักกว่าเดิม เกิดมาไม่เคยรู้สึกเกลียดใครเท่ากับหนุ่มตรงหน้ามาก่อน
“นี่คุณ! ลีลาอยู่นั่นแหละ ผมหิวข้าวนะ นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ยังไม่มีข้าวตกถึงท้องผมเลยสักเม็ด” จอมพลต่อว่าด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
จีอาน่าหยุดร้องไห้แล้วเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเป็นทางทิ้ง พยายามตั้งสติ เรียบเรียงประโยคต่างๆ เพื่อจะบอกเล่าถึงที่ไปที่มาให้อีกฝ่ายฟัง แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ที่ดังจนแสบแก้วหู แล่นเข้ามาจอด ตามด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่เดินขึ้นบันไดมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้อง