บทที่7

1681 คำ
พรีม “เจ็บตรงไหนให้ผมพาไปส่งโรงพยาบาลหรือเปล่า” “เจ็บไปทั้งตัวเลยค่ะคุณหมอถ้างั้นรบกวนคุณหมอพาไปส่งโรงพยาบาลด้วยนะคะ” ฉันส่งสายตาหวานฉ่ำไปให้ เขาว่ากันว่าเจอกันครั้งแรกเป็นเรื่องบังเอิญ เจอครั้งที่สองก็แค่บังเอิญแต่ถ้าเจอกันสามครั้งติดๆ มันต้องเป็นเนื้อคู่กันแล้วนะ “รู้สึกเจ็บตรงไหนบ้าง” “เจ็บข้อเท้าค่ะ ก้นก็เจ็บค่ะ แขนกับขาก็เจ็บเจ็บไปหมดเลยค่ะ” ฉันพยายามทำหน้าตาให้น่าส่งสารเข้าไว้ “เดี๋ยวผมช่วยพยุงไปที่รถ” ฉันพยักหน้าทันทีค่ะโอกาสที่ฉันจะได้ใกล้ชิดเขาอยู่ตรงหน้ามีหรอที่ฉันจะปล่อยให้หลุดมือ “โอ๊ยยย” “เจ็บตรงไหน” “ที่เท้าค่ะ โอ๊ยยย” คราวนี้ฉันรู้สึกเจ็บจริงๆ ไม่รู้ว่าเท้าฉันแพลงไปแล้วหรือเปล่าเพราะเมื่อกี้ตอนที่ลุกขึ้นยืนมันก็รู้เรื่องทันที “เข้าใจแล้ว” เขาพยักหน้า เข้าทางฉันล่ะ “งั้นคุณหมอช่วย……” “อดทนหน่อยนะผมจะค่อยๆ พยุงไปที่รถ” ฉันอ้าปากค้างกลางอากาศเพราะที่ฉันกำลังจะพูดคือฉันจะให้เขาช่วยอุ้มฉันไปที่รถต่างหากแต่ไหนเลยคุณหมอหน้าน้ำแข็งนี่ถึงยังยืนกรานที่จะพยุงฉันเล่า พอพาฉันขึ้นมาบนรถได้เขาก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างเดียว แต่จะว่าไปเขาก็ดูจะรวยเอาการเลยนะรถรุ่นที่ฉันนั่งอยู่ไม่น่าจะต่ำกว่ายี่สิบสามสิบล้านอย่างต่ำแต่ก็ช่างเถอะฉันไม่ได้สนใจฐานะของเขาสักนิดเพราะที่ฉันสนใจคือหน้าตาอันหล่อเหลาและออร่าหลัวในอานาคตของเขาต่างหาก “ผมประสานกับหมอกระดูกที่โรงพยาบาลไว้ให้แล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้บรรยากาศที่นั่งรถมากับสาวสวยอย่างฉันเงียบมาพักใหญ่ๆ บอกเลยว่าสีหน้าของเขาเมื่อกี้จริงจังมากค่ะ ฉันชักอยากรู้แล้วสิว่าตอนที่เขาขอผู้หญิงแต่งงานจะจริงจังขนาดไหนกัน “จำได้หรือเปล่าว่าฉีดยากันบาดทะยักล่าสุดตอนไหน” “เอ๊ะ! เอ่อ ตอน…..” ฉันอ้ำอึ้ง ฉีดไปตอนไหนใครจะไปจำได้ อีกอย่างอะไรที่เกี่ยวกับเข็มฉีดยาฉันไม่จำให้รกสมองหรอก “ตกลงจำได้มั้ย” เขาย้ำคำถามขณะที่สายตายังจดจ่ออยู่กับถนน “ตอนหกขวบมั้งค่ะ” ฉันตอบให้จบๆ ไปแต่จำได้ลางๆ ว่าตอนนั้นเสียงแหกปากร้องไห้ของฉันกังวานไปทั้งโรงพยาบาล “แล้วหลังจากนั้นล่ะ” เขาหันมาถามฉันต่อ ใจคอจะไม่ชวนคุยเรื่องอื่นเลยหรือไง “หลังจากนั้นจำไม่ได้ค่ะแต่บาดทะยักเขาฉีดกันแค่นั้นไม่ใช่หรอคะ” “หลังจากฉีดครบตอนอายุหกขวบบาดทะยักจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นทุกๆสิบปี” “อ๋อ” ฉันพยักหน้า “อาจจะต้องฉีดยากันบาดทะยักด้วยนะเพราะแผลที่เข่าอาจจะมีแบคทีเรียเข้าไป” “คะ อะไรนะคะฉะ….ฉีดยาหรอคะ” หน้าสวยๆของฉันซีดขึ้นมาทันทีค่ะ เขาพยักหน้าแต่ฉันนี่สิแค่คิดฉี่ก็แทบราด “เอ่อ…..ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้วฉันไม่ไปโรงพยาบาลแล้วนะคะ” “ไม่ได้ต้องไปทำแผลก่อนแล้วก็ต้องดูข้อเท้าด้วย” “แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้ค่ะเดี๋ยวฉันไปทำแผลที่บ้านเองก็ได้” ฉันรีบพูด “แผลขนาดนี้ทำแผลเองไม่ได้เดี๋ยวจะติดเชื้ออีกอย่างข้อเท้าคุณจำเป็นต้องให้หมอดูให้” เขาพูดได้อย่างใจเย็นทั้งที่ฉันกลัวจะแย่อยู่แล้ว “แต่ว่า……” ฉันจะปฏิเสธแต่จังหวะนั้นเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาในโรงพยาบาลทันทีที่จอดรถเขาก็เดินอ้อมมาฝั่งที่ฉันนั่งอยู่ “ลงมาสิ” “ไม่ค่ะ” ฉันส่ายหน้ารัวๆ “ลงมา” สั่งฉันอีกรอบแต่ฉันก็ส่ายหน้าให้เขาอยู่ดี “ทำไม คุณกลัวต้องได้จ่ายค่ารักษาเองหรอ ถ้าเป็นเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะผมบอกแล้วไงว่าผมจะรับผิดชอบทุกอย่างรวมทั้งค่ายาด้วย” “เปล่าค่ะไม่ใช่แบบนั้น” “ถ้าไม่ใช่ก็ลงมาสิคุณหมอที่ผมติดต่อไว้รออยู่” “ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะคือฉันจะไปโรงพยาบาลที่ฉันรักษาอยู่” ตายแล้ว นี่ฉันพูดอะไรออกไปโรงพยาบาลที่ฉันรักษาอยู่ก็คือที่นี่ไง “คนไข้เป็นอะไรมาหรอคะคุณหมอ” มีพยาบาลเดินเข้ามาถามพร้อมกับรถเข็นหนึ่งคัน “รถชนแต่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ” “งั้นเดี๋ยวหวานพาคนไข้ไปทำแผลเองค่ะ” “ไม่ต้องค่ะ” ฉันขยับตัวหนีพยาบาลอย่างไว “อยู่เฉยๆ นะคะเดี๋ยวดิฉันจะพาไปทำแผล” ฉันส่ายหน้ารัวๆ ต่อให้เอาช้างมาฉุดฉันก็ไม่มีทางลงไปจากรถเด็ดขาด ให้ตายฉันก็ไม่ลง “คะ…..คุณหมอ” ฉันเบิกตาโตด้วยความตกใจเพราะตอนที่ฉันปฏิญาณกับตัวเองอยู่ๆ เขาก็เข้ามาอุ้มฉันลงจากรถ “ให้คนไข้นั่งรถเข็นเถอะค่ะคุณหมอ” “ไม่เป็นไร ผมรบกวนช่วยเอาอุปกรณ์ทำแผลเข้าไปในห้องทำงานผมด้วยนะ” พูดจบเขาก็อุ้มฉันเดินผ่านพยาบาลคนนั้นทันทีค่ะเมื่อกี้ยอมรับว่าฉันตกใจมากเพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะอุ้มฉันลงมาจากรถแบบนั้นแต่ในความตกใจตอนนี้ฉันก็เอามือคล้องคอเขาไว้เรียบร้อย ความกลัวเมื่อกี้ก็หายไปหมดเพราะหน้าอกของคุณหมอทั้งกว้างทั้งอุ่น เจ้าของร่างสูงก้าวขายาวๆ ผ่านสายตาของทุกคนมาที่ชั้นสองแล้วตรงมาที่ห้องๆ หนึ่งซึ่งสายตาฉันก็ไวพอที่อ่านทัน นายแพทย์ภีมรภัทร อธิพัฒน์พลากร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแผนกศัลยกรรมทรวงอก แปลว่าเขาพาฉันมาที่ห้องทำงานของเขาจริงๆหรอ เข้ามาในห้องได้เขาก็ให้ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ของเขาค่ะเพราะในห้องนี้มีแค่โต๊ะตัวเดียวข้างๆ มีของโบราณวางอยู่บนชั้นสามสี่ชิ้นแล้วก็ คะ….โครงกระดูกสามตัวเรียงกัน สาบานได้มั้ยว่าที่นี่คือห้องทำงานของคนเป็นหมอไม่ใช่พิพิธภัณฑ์เก็บกระดูกคนหรือของโบราณอะไรทำนองนั้น “ได้แล้วค่ะคุณหมอ” “ขอบคุณครับ” พยาบาลคนเมื่อกี้เข้ามาพร้อมกับรถเข็นที่มีอุปกรณ์ของหมอเต็มไปหมด “คุณหมอจะทำอะไรคะ” เขาคุกเข่าลงค่ะ “ก็ดูแผลไง” พูดจบก็เอาน้ำเกลือมาล้างแผลที่เข่าฉันที่มีเลือดไหลออกไม่หยุด “โชคดีที่แผลไม่ลึกเท่าไหร่ ผมขออุปกรณ์ทำแผลด้วยครับ” “นี่ค่ะคุณหมอ” พยาบาลส่งอุปกรณ์ทำแผลให้จากนั้นเขาก็ลงมือทำแผลให้ฉัน ถึงฉันจะเป็นคนกลัวเข็มฉีดยาขึ้นสมองแต่พวกยาล้างแผลที่ทำให้แสบๆ สบายมากที่สำคัญคุณหมอก็มือเบามากค่ะ พอทำแผลที่เข่าให้ฉันเสร็จก็ดูเท้าให้ฉันต่อ "ข้อเท้าบวมแต่อาการไม่รุนแรงประคบเย็นก็น่าจะดีขึ้น" พูดแล้วก็ลุกไปที่กล่องพลาสติกสีขาวที่วางอยู่ทำอะไรสักอย่างก่อนจะเดินกลับมาพร้อมน้ำแข็งกับผ้าผืนนึง "อาจจะเจ็บหน่อยนะ" พูดแล้วสายตาก็จดจ่ออยู่ที่ข้อเท้าของฉันขณะที่มือนึงจับข้อเท้าฉันไว้อีกมือจับผ้าเย็นๆ ประคบลงมาอย่างเบามือส่วนฉันก็ซี้ดปากเบาๆ “ผมขอวัคซีนกันบาดทะยักด้วยนะ” เขาหันไปสั่งพยาบาล “ต้องฉีดยาด้วยหรอคะ” ตอนนี้หัวใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว “ถึงแผลจะไม่ลึกแต่วางใจไม่ได้แล้วเมื่อกี้ผมก็เช็คประวัติการฉีดวัคซีนของคุณแล้วคุณฉีดครั้งสุดท้ายตอนอายุหกขวบดังนั้นผมจำเป็นต้องกระตุ้นวัคซีนไม่งั้นแผลของคุณอาจจะเป็นบาดทะยักได้” ตกลงว่าที่เขาหันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์เมื่อกี้ก็เพื่อดูประวัติการฉีดยาของฉันหรอ แง คนใจร้าย “ไม่ค่ะฉันไม่ฉีดนะคะ” ฉันถอยออกมาจากเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา “วัคซีนมาแล้วค่ะคุณหมอ” พยาบาลคนนี้ก็ช่างเข้ามาได้ถูกจังหวะจริงๆ แล้วมิทราบว่าใครจะฉีดกันยะเอามาทำไม “ช่วยดึงแขนเสื้อขึ้นด้วย” เขาสั่งฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉยมากทั้งที่ตอนนี้ฉันกลัวจนขรี้หดตดหาย “บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ฉีด” ฉันจะลุกออกไปแต่เขาก็ดึงมือฉันไว้ก่อนจะปล่อย “กลัวเข็มหรอ” “คือ……ค่ะ” ฉันพยักหน้า ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าฉันคือคนที่ฉันอยากได้เป็นพ่อของลูกป่านนี้ฉันคงร้องไห้ไปแล้ว “ไม่ต้องกลัวนะคะคุณหมอของเรามือเบามากเลยค่ะ” พยาบาลช่วยพูดอีกแรงแต่ความกลัวของฉันมันไม่เกี่ยวว่ามือเบาไม่เบานิ “ฉันไม่ฉีดได้มั้ยคะให้ยาอะไรฉันไปกินหรือทาก็ได้ขอแค่ไม่ฉีดยาก็พอ” ฉันทำตาปริบๆ หวังจะให้คุณหมอยอมใจอ่อน “ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกคุณจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นบาดทะยัก” คำก็บาดทะยักสองคำก็บาดทะยักใจคอเขาจะกดดันฉันด้วยใบหน้าเย็นชาไปถึงไหน ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าในชีวิตเขาไม่เคยกลัวอะไรเลยหรือไงถึงไม่เข้าใจความกลัวของคนอื่น “แต่คนไข้คะ” “เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการต่อเองคุณพยาบาลไปทำงานต่อเถอะครับโทษทีนะที่วันหยุดแท้ๆแต่ผมมารบกวนแบบนี้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม