“คุณหมอชื่อภีมหรอคะ”
ฉันได้ฟังแล้วก็อึ้งเขาชื่อเดียวกับฉัน อร๊ายยย เนื้อคู่ชัดๆ
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่แผนกรับยาแล้วพาไปส่งบ้าน”
พูดจบก็เดินออกไปจากห้องแล้วกลับเข้ามาพร้อมรถเข็น ว้า! ก็นึกว่าจะอุ้มฉันออกไปเหมือนตอนพามาซะอีก
แต่เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้เขาบอกว่าจะไปส่งฉันที่บ้านด้วยหรอ
“คุณหมอจะไปส่งที่บ้านจริงๆ หรอคะ”
"ใช่ทำไมหรือว่าคุณไม่สะดวกถ้างั้น....."
"เปล่าค่ะสะดวกค่ะ"
ฉันรีบพูดก่อนที่หมอภีมจะเปลี่ยนใจ
(ต่อไปนี้ฉันจะเรียกเขาว่าหมอภีมแล้วนะทุกคน หมอภีมข๊าาา แค่คิดก็ฟินนน)
หมอภีมเข้ามาพยุงฉันไปที่รถเข็นแล้วก็เข็นฉันจนมาถึงแผนกจ่ายยา
“รออยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวผมไปรับยาให้”
พูดแล้วก็เดินไปที่ช่องรับยา
“พรีม”
ทันทีที่หมอภีมเดินออกไปเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังพอหันไปฉันก็เห็นเป็นพี่น็อตยืนอยู่
“พรีมเป็นอะไรแล้วนี่ขาไปโดนอะไรมา”
พี่น็อตเดินเข้ามาหาฉันด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วงฉันมากแต่ฉันไม่ได้สนใจจะคุยด้วย สวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่ง นี่แหละฉันค่ะ
“พรีมยังโกรธพี่อยู่หรอ”
พอเห็นฉันไม่คุยด้วยพี่น็อตก็ทำหน้ารู้สึกผิดขึ้นมาแต่ขอโทษฉันไม่รู้สึกสงสารสักนิด
“เดี๋ยวสิพรีม”
พี่น็อตเข้ามายืนขวางหน้าตอนที่ฉันจะเดินหนี
“พรีมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่น็อตค่ะ”
ฉันจะเดินหนีแต่พี่น๊อตก็ไม่ยอม
“หลีกค่ะ”
ตอนนี้พี่น็อตเป็นแค่ผู้ชายน่ารังเกียจคนนึงและก็เป็นคนที่ชาตินี้ฉันไม่อยากจะเจอหน้าหรือยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยอีกแต่เพราะเท้าฉันยังเจ็บอยู่พอก้าวออกไปได้แค่ก้าวเดียวก็รู้เรื่อง
“ให้พี่ช่วยดีกว่านะ”
พี่น็อตเข้ามารับตอนที่ฉันกำลังจะล้มได้พอดีแล้วมันก็เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่คุณหมอภีมของฉันเดินกลับมา สายตาหวานคมคู่นั้นมองฉันสลับกับพี่น็อตเหมือนกำลังคิดอะไรก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นี่ยาของคุณส่วนค่ารักษานอกเหนือจากนี้เอาบิลมาเก็บที่ผมได้เลย ถ้ามีคนมารับแล้วงั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะ”
เขาวางถุงยาไว้ที่รถเข็นแล้วเดินออกไปทันที
เดี๋ยวสิเขาจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ได้ไง ฉันยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะกลับกับคนอื่น
“ให้พี่ไปส่งที่บ้านนะ”
“ไม่ต้อง”
ฉันสลัดมือพี่น็อตออก
“แต่พรีมเจ็บเท้าอยู่นะคะจะกลับเองยังไง”
“ต่อให้ตอนนี้พรีมจะแขนขาพิการพี่น็อตก็ไม่ต้องมายุ่งกับพรีม”
ฉันคว้าถุงยาแล้วสะบัดหน้าสวยๆ ออกมาอย่างไร้เยื่อใย คนอย่างฉันเจ็บแล้วรู้จักจำเวลารักก็ทุ่มใจให้จนหมดแต่ถ้าเกลียดแล้วก็เกลียดเลยนะ
ฉันเดินขากะเผลกๆ ออกมาจนถึงหน้าโรงพยาบาลเพื่อจะเรียกแท็กซี่เพราะตอนปั่นจักรยานออกมาฉันลืมหยิบมือถือมาด้วยเลยโทรหาให้ใครมารับไม่ได้
ในระหว่างที่ยืนรอแท็กซี่มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดฉันจำได้ว่ารถหรูราคาสามสิบล้านคันนี้เป็นของหมอภีมเพราะว่ารถรุ่นนี้ป๊าเคยพาฉันไปดูแต่ฉันไม่ชอบเลยไม่เอา
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้”
ฉันสังเกตว่าวันนี้หมอภีมจะไม่พูด ครับ กับฉันแล้ว อาจเป็นเพราะเห็นฉันใส่ชุดนักศึกษาเลยคิดว่าฉันอายุน้อยกว่าตัวเอง
“มารอแท็กซี่ค่ะ"
“แล้วผู้ชายคนเมื่อกี้ล่ะ”
“ผู้ชายคนเมื่อกี้”
ฉันขมวดคิ้วแล้ว อ๋อ ในใจทันที อย่าบอกนะว่าเขาคิดว่าฉันกับพี่น็อตเป็นแฟนกันน่ะ
"ไม่รู้สิคะ"
หมอภีมทำหน้าเหมือนอยากถามฉันว่า จะไม่รู้ได้ไงเมื่อกี้ยังยืนกอดกันอยู่เลย
“แล้วจะนั่งแท็กซี่กลับยังไงขาเจ็บอยู่ผมว่าคุณควรโทรให้คนที่บ้านมารับนะไม่ก็.....ให้แฟนมารับ”
"ฉันไม่มีแฟนค่ะไม่มีจริงๆนะคะโสดมากด้วย"
ฉันรีบออกตัวก่อนที่จะถูกเข้าใจผิกแต่สีหน้าหมอภีมตอนที่ฉันปฏิเสธเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
"แล้วกลับเองไหวหรอ"
“ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะทำไงได้ก็ไม่มีใครมารับนิ”
ฉันแกล้งทำหน้าตาน่าสงสาร ประหนึ่งผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไร้ญาติขาดมิตรแล้วมันก็ดันได้ผลค่ะเพราะตอนนี้หมอภีมลงมาจากรถแล้วก็กำลังเดินตรงมาหาฉัน
“ขึ้นรถเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันตอบตกลงทันทีงานนี้ไม่มีคำว่าเกรงใจค่ะ ยุค5Gแบบนี้ขืนเอาแต่เล่นตัวก็อดกันพอดีสิ
“เดินเองไหวหรือเปล่า”
“ไม่ไหวค่ะ”
ฉันส่ายหน้า ถ้าล้มพับเป็นลมได้ฉันทำไปแล้วค่ะ
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยพยุงไปที่รถ ขอโทษนะ”
พอพูดขอโทษเสร็จหมอภีมก็เอามือข้างนึงประคองสะโพกฉันส่วนมืออีกข้างโอบไหล่ฉันแล้วพาฉันเดินมาที่รถ หน้าฉันกับหมอภีมใกล้กันมากใกล้จนฉันได้กลิ่นโรงพยาบาลจากเสื้ออันเป็นกลิ่นประจำตัวของคนเป็นหมอ อร๊ายยย ฉันชักจะชอบกลิ่นโรงพยาบาลขึ้นมาแล้วสิ คุณหมอขาอยากถูกจับฉีดยา
“จะให้ผมไปส่งที่ไหน”
“สวนสาธารณะแถวๆที่คุณหมอขับรถชนพรีมก็ได้ค่ะ”
“พรีม”
หมอภีมทวนชื่อฉันทันทีค่ะทุกคน คงจะตกใจที่ฉันกับเขาชื่อเดียวกันแน่ๆ
“ค่ะพรีมแต่ชื่อของพรีมกับคุณหมอน่าจะสะกดไม่เหมือนกันนะคะเพราะพรีมเห็นชื่อจริงคุณหมอที่อยู่ป้ายหน้าห้องสะกดด้วยตัว ภ สำเภา แปลว่าชื่อเล่นก็ต้องใช้ ภ สำเภา”
ฉันหันไปยิ้มให้
“เห็นด้วยหรอ”
คุยกับฉันแต่ตามองถนน
“เห็นสิคะ กับคนที่พรีมสนใจพรีมสังเกตทุกอย่างแหละค่ะ”
ฉันไม่ลืมที่จะหยอดคำหวานพร้อมกับส่งสายตาหวานฉ่ำไปให้ ปกติผู้ชายทุกคนที่เจอฉันใช้มุขนี้มักจะไปไม่เป็นทุกรายแต่นอกจากหมอภีมจะไม่แสดงท่าทีอะไรตอบกลับยังนั่งทำหน้าน้ำแข็งใส่ฉันอีกด้วย
แล้วภายในรถก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เงียบจนฉันคิดว่าตัวเองอยู่ในป่าช้า
ให้ตายสิ ขับรถมากับนักศึกษาสวยๆอย่างฉันทั้งทีไม่คิดจะถามหรือชวนคุยอะไรเลยหรอ ใจคอคุณหมอจะนั่งทำหน้าน้ำแข็งตลอดทางเลยหรือไงนะ
“ที่นี่ใช่มั้ย”
เขาหันมาถามฉันเมื่อขับมาถึงสวนสาธารณะที่ฉันมานั่งวาดรูปกับยัยมีน
“ค่ะ”
พอได้รับคำตอบหมอภีมก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดก่อนจะลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาฝั่งที่ฉันนั่งอยู่และสิ่งที่ทำให้หัวใจมันเต้นโครมครามอยู่ข้างในก็เพราะตอนนี้หมอภีมส่งมือมาให้ฉันค่ะทุกคน
ฉันพยายามเก็บอาการสุดๆ เพราะมือของหมอภีมวางอยู่ที่สะโพกฉันในขณะที่มือนิ่มๆ อีกข้างประคองไหล่ฉันไว้อย่างนุ่มนวล
“โอ๊ยย”
จังหวะที่ก้าวลงจากรถฉันก็แกล้งเจ็บขาแล้วซบลงไปที่ไหล่กว้าง
“ไหวหรือเปล่า”
“ถ้าบอกว่าไม่ไหวคุณหมอจะอุ้มพรีมมั้ยคะ”
ฉันโฉบสายตาขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลา เชื่อไหมว่าแค่แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นฉันก็เขินจะแย่แล้วค่ะไม่อยากคิดถึงตอนนั้นเลย
“เดี๋ยวผมช่วยพยุง”
คำพูดสั้นๆมาพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉยว่าแล้วหมอภีมก็พยุงฉันลงจากรถแต่อย่าคิดนะว่าคนอย่างฉันจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่อุ้มไม่เป็นไรค่ะเพราะตอนนี้ฉันได้ฉวยโอกาสซบหน้าลงไปที่ไหล่กว้างเนียนๆ แล้วฝันว่าตอนนี้ฉันกับหมอภีมกำลังประคองกันเข้าสู่ประตูวิวาห์
“พรีมมม ขาแกไปโดนอะไรมา”
เสียงยัยมีนที่ดูตกอกตกใจทำให้ภาพฝันของฉันจบลง
“รถชน”
“รถชน ตายแล้วแล้วนี่แกเป็นอะไรมากมั้ย”
ยัยมีนรีบวิ่งเข้ามาดูฉันส่วนหมอภีมพอเห็นว่าฉันเจอเพื่อนก็รีบเอามือออกจากสะโพกกับไหล่ฉันทันที
ขอเกลียดยัยเพื่อนตัวดีได้มั้ยคนกำลังฝันหวานแท้ๆ
“ไม่เป็นไรเจ็บขานิดหน่อยแล้วฉันก็ไปหาหมอมาแล้วด้วย”
“ถึงว่าหายไปตั้งนานฉันก็เป็นห่วงแทบแย่รู้มั้ยฉันไปตามหาแกแต่ก็ไม่เจอนี่ก็ว่ากำลังจะโทรไปบอกป๊าแกแล้วนะ แล้วนี่ใครหรอ”
หลังจากร่ายยาวยัยมีนก็มองไปยังคนที่ฉันยืนเกาะแขนอยู่สายตาของเพื่อนฉันตอนนี้เหมือนกำลังพูดอยู่ในใจว่า ร้ายนะยะหมอคนนั้นใช่มั้ย
“ขับรถมากันหรือเปล่า”
“ค่ะ”
ฉันกำลังจะบอกว่าไม่มีรถแต่ยัยมีนก็แย่งตอบก่อน
“งั้นผมฝากไปส่งเพื่อนด้วยนะไปถึงก็เอาผ้าเย็นประคบอีกสักหน่อย”
“เดี๋ยวสิคะคุณหมอ”
หมอภีมหันกลับมามองฉันด้วยสายตาที่กำลังถามว่า มีอะไรอีก
“คือว่า…….”
ต่ะ….ตายแล้ว ฉันจะพูดอะไรกับเขาดีนะปกติมีแต่ผู้ชายตามตอแยด้วยสิ
“คือว่า……ถ้าพรีมจะเอาใบเสร็จไปเบิกค่ายาพรีมจะติดต่อคุณหมอได้ยังไงคะถ้าไง……พรีมขอเบอร์ติดต่อคุณหมอไว้ได้มั้ยคะ”
โชคดีที่ฉันเป็นคนหัวไวเลยคิดข้ออ้างขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน
งานนี้ฉันต้องได้เบอร์เขาแน่ๆ
“โทษทีผมลืมไป”
แล้วเขาก็ส่งนามบัตรมาให้ฉัน เยสสส!
“งั้นผมขอตัวนะ”
ฉันมองตามหมอภีมที่เดินลิ่วๆ ไปโน่นแล้วก่อนจะเอานามบัตรในมือขึ้นมาดูด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ
“ฮ่าาาา สุดยอดเลยคุณหมอ”
ยัยมีนหัวเราะฉันเสียงดังเพราะนามบัตรที่หมอภีมให้มาเป็นนามบัตรของโรงพยาบาลค่ะแล้วแน่นอนว่าเบอร์ติดต่อก็เป็นเบอร์โทรของโรงพยาบาลเหมือนกัน
“นี่คุณหมอเขาซื่อหรือเขารู้ทันแกเลยให้นามบัตรโรงพยาบาล”
หลังจากหัวเราะฉันจนพอใจยัยเพื่อนตัวดีก็ทับถมฉันต่อค่ะ
“จะซื่อหรืออะไรก็ช่างยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมแพ้คุณหมอหน้าน้ำแข็งนั่นหรอก คอยดูนะภายในสามวันฉันจะต้องได้เบอร์เขา”
“พรีมแกรู้ตัวมั้ยว่าตอนนี้หน้าแกน่ากลัวมาก”