ฉันเดินคอตกออกมาจากห้องตรวจหลังจากไปรับยามาแล้วยัยมีนก็ขับรถมาส่งฉันที่บ้านเนื่องจากยัยเพื่อนตัวดีโทรรายงานป๊าฉันว่าฉันปวดท้องฉันเลยถูกสั่งให้กลับมาบ้านนี่แหละ
ม๊วฟฟฟ ฉันเข้าไปหอมแก้มป๊าฟอดใหญ่
“อ้อนแบบนี้ไหนพูดมาซิว่าไปทำผิดอะไรมา”
ป๊าพับหนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่งลงแล้วหันมาจับผิดฉัน
“ทำผิดอะไรพรีมก็แค่คิดถึงป๊าไม่ได้เหรอ”
ฉันหอมแก้มป๊าไปอีกฟอดใหญ่ๆ ฉันสนิทกับป๊ามากเพราะป๊าตามใจฉันทุกอย่าง
“คิดถึงแล้วทำไมไม่กลับมานอนบ้านบ้างล่ะ หืมม”
ป๊าหยิกแก้มฉันก่อนจะหอมหน้าผากฉัน ฉันกับป๊าเหมือนกันอยู่อย่างนึงคือป๊ามักจะคิดว่าฉันยังอายุสามสี่ขวบอยู่ส่วนฉันก็ยังคิดว่าป๊าอายุสักสามสิบต้นๆ อยู่เลย เราสองพ่อลูกเลยชอบกอดหอมกันเป็นประจำ
“ก็พรีมเรียนหนักนี่คะอีกอย่างมหาวิทยาลัยก็อยู่ไกลบ้านจะตาย”
ฉันกอดป๊าทำหน้าอ้อนเข้าไว้
“งั้นป๊าให้พรีมย้ายมหาวิทยาลัยดีกว่า”
“ไม่เอาค่ะ”
ฉันส่ายหน้ารัวๆเพราะคนอย่างป๊าทำได้ทุกอย่าง
“งั้นสัญญากับป๊าว่าเวลาป๊ากับม๊ากลับมาพรีมต้องกลับมานอนบ้าน”
“รับทราบค่ะ”
ฉันทำมือวันทยาหัตถ์
“สองพ่อลูกคู่นี้ทำอย่างกับไม่ได้เจอกันมาสักสิบปี”
น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่เมื่อกี้เป็นของม๊าฉันเอง ม๊าเป็นผู้หญิงเก่งตั้งแต่แต่งงานกับป๊าม๊าก็ออกไปทำงานกับป๊าทุกวัน แล้วที่พึ่งเห็นเดินมาก็คงจะพึ่งคุยกับลูกค้าเสร็จ
“ก็ผมมีลูกสาวคนเดียว”
ป๊าฉันพูดด้วยความภาคภูมิใจในความสวยของฉัน
“แล้วเป็นยังไงได้ยินว่าไปโรงพยาบาลมา”
จากสายตาที่ม๊ามองมาไม่น่าจะใช่สาเหตุที่ฉันต้องไปหาหมอแต่น่าจะถามว่า ทำไมฉันถึงกล้าไปโรงพยาบาลแล้วกลับมาในสภาพที่เป็นปกติแบบนี้ได้
“ก็ดีค่ะ”
“ก็ดี เป็นไปได้ยังไง”
ผู้เป็นแม่วางแก้วกาแฟลงด้วยความแปลกใจ แน่นอนว่าฉันกับม๊ากำลังคุยเรื่องเดียวกันอยู่
“พอดีพรีมไปเจอคุณหมอที่เก่งน่ะค่ะเลยไม่เป็นอะไร”
ฉันลุกออกมาจากป๊าเพราะพอพูดถึงคุณหมอวีรบุรุษขี่ม้าขาวของฉันหน้าก็แดงขึ้นมาทันที
“หมอที่ไหนก็เก่งเหมือนกันทั้งนั้นแหละ”
ม๊าฉันว่าพลางจิบกาแฟ
“ไม่ทั้งนั้นแหละนะคะคุณหมอคนนี้มือเบามากแล้วก็ใจดีมากด้วย”
จริงๆ ฉันอยากพูดว่า หล่อมากค่ะแล้วก็ถูกใจฉันมากด้วย
“แม่ลูกคุยกันไปก่อนนะป๊าขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อน”
ว่าแล้วป๊าก็ลุกออกไป
“แล้วกับพ่อหนุ่มวิศวะของม๊าเป็นไงบ้าง”
ม๊ากระซิบถามเบาๆ
“เลิกแล้วค่ะ”
“อ่าว ทำไมเลิกกันล่ะ”
ม๊าดูตกใจมากที่ฉันบอกว่าเลิกกับพี่น็อตแล้ว เรื่องที่ฉันมีแฟนมีแค่ม๊าเท่านั้นที่รู้เราสองแม่ลูกช่วยกันปิดบังป๊าเพราะป๊าตามใจฉันทุกเรื่องยกเว้นแค่เรื่องมีแฟนนี่แหละที่ป๊าไม่ยอมให้อิสระ จำได้ไหมที่ฉันบอกว่ามีแฟนคนแรกสมัยอยู่ประถมเชื่อไหมว่าป๊าตามไปต่อว่าให้ถึงบ้านผู้ชาย
“พรีมจับได้ว่าพี่น็อตไปยุ่งกับคนอื่นค่ะ”
“อ่อ ดีแล้วที่เลิกจริงๆ ม๊าก็ไม่ค่อยชอบนิสัยเท่าไหร่หรอก”
นี่แหละค่ะม๊าฉัน ตอนลูกรักก็สนับสนุนเต็มที่แต่ถ้าลูกไม่รักไม่เอาขึ้นมาเมื่อไหร่ก็พร้อมจะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ
“คนต่อไปก็ดูให้ดีๆ หน่อยแล้วกันดีนะที่ป๊าของพรีมไม่รู้เรื่องด้วยไม่งั้นมีหวังได้ตามไปแหกอกทั้งครอบครัว”
ม๊าพูดพร้อมกับทำท่าขยาด จริงๆ ป๊าฉันเป็นคนใจกว้างพูดง่ายแต่ยกเว้นก็แค่ผู้ชายที่เข้าหาฉัน
“ม๊าคะ”
“ว่าไง”
ม๊ายื่นหน้าเข้ามาแล้วถามฉันด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบาเพราะกลัวป๊าจะมาได้ยิน
“พรีมเจอคนที่ใช่แล้วค่ะ”
“เร็วขนาดนั้นเชียวพึ่งเลิกกับแฟนไม่ใช่เหรอเรา”
“ก็ถ้าผู้ชายมันห่วยแตกม๊าจะให้พรีมเสียน้ำตาเสียเวลาคร่ำครวญไปทำไมล่ะคะ”
“เออ ก็จริง”
ม๊ารีบเห็นด้วยกับฉัน ลืมบอกไปว่าม๊าฉันยังดูสาวอยู่ป๊าอายุห้าสิบปลายๆ แต่ม๊าแค่สี่สิบต้นๆ เอง ความสวยของฉันก็ได้มาจากม๊านี่แหละ
“แล้วคราวนี้ไปปิ๊งหนุ่มที่ไหนเล่ามาซิ”
สีหน้าของม๊าดูอยากรู้มากค่ะ
“เขาเป็นหมอค่ะ”
ฉันยิ้มขวยเขิน
“หมอคนที่พึ่งไปเจอมาวันนี้สินะ”
ผู้เป็นแม่มองหน้าฉันอย่างรู้ทันจากนั้นเราสองแม่ลูกก็ขยับเข้ามาชิดกันแล้วแอบป๊าเมาส์เรื่องผู้ชายค่ะ
อีกด้าน หมอภีม
วันนี้ผมไม่ได้อยู่เวรทันทีที่ถึงเวลาเลิกงานผมก็เก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้านแต่ในตอนนั้นก็มีคนโทรเข้ามา
“ฮัลโหล”
“ไอ้ภีมพรุ่งนี้มึงว่างไหมวะ”
“พรุ่งนี้กุหยุดว่าไง”
“คืองี้รถกุซ่อมเสร็จแล้วแต่พรุ่งนี้กุติดธุระไปเอาไม่ได้แล้วเจ้าของอู่เขาจะไม่อยู่หลายวันมึงช่วยไปเอาให้กุหน่อยสิ”
ถ้าผมซื้อหวยคงจะรวยไปแล้วเพื่อนผมคนนี้ไม่มีเรื่องไม่เคยโทรมา ไอ้นี่มันชื่อเอสครับเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
“มึงติดธุระหรือติดอะไรกันแน่”
คนอย่างมันเหรอจะติดธุระผมว่ามันอยู่กับผู้หญิงมากกว่า
“ตอนนี้กุพาสาวมาเที่ยวภูเก็ตกลับวันมะรืน”
นั่นไงผมว่าแล้วเชียว
“เออ เดี๋ยวกุไปเอาให้ว่าแต่……”
“กุญแจรถกุฝากไว้ที่พยาบาลคนสวยๆ ที่นั่งอยู่แถวหน้าห้องมึงแล้วนะงั้นแค่นี้ก่อนนะกุกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม”
“เดี๋ยว……”
ผมถอนหายใจออกมาพรืดหนึ่ง เมื่อกี้ผมกำลังจะถามหากุญแจรถแต่มันก็คงรู้ว่าผมจะพูดอะไรถึงได้ชิงตอบเสร็จสรรพแต่การที่มันบอกว่าเอากุญแจรถมาฝากไว้แล้วแสดงว่าเรื่องนี้มันเตรียมการมาเป็นอย่างดี
“กลับแล้วเหรอคะคุณหมอ นี่ค่ะเพื่อนคุณหมอเอามาฝากไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าค่ะ”
พยาบาลที่ทำงานกับผมคนหนึ่งยื่นกุญแจรถมาให้
“ขอบคุณครับ”
แล้วผมก็เดินมาที่ลานจอดรถ
“นึกว่าใครไงสบายดีเหรอวะ”
ผมหันไปทางต้นเสียงแล้วเห็นเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยทักมายผมด้วยรอยยิ้ม
“อืม สบายดี”
“เดี๋ยวนี้ทำไมกุไม่เห็นมึงไปที่ไนต์คลับของไอ้เวย์เลยวะ”
“กุทำงาน”ผมตอบอย่างขอไปที
“อ้อ กุลืมไปว่ามึงเป็นหมอ ว่าแต่อาชีพหมอได้เงินเดือนเยอะไหมวะ”
มันปิดประตูรถแล้วเดินมาหาผม มองผมตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า
“โทษทีวันนี้กุรีบไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ”
ผมเดินเลี่ยงออกมา
“เดี๋ยวอย่าพึ่งไปสิวะ นี่ร้านกุพึ่งเปิดเดือนที่แล้วถ้ามึงว่างมึงก็ไปกินได้นะเดี๋ยวกุเลี้ยงเอง”
มันตบบ่าผมก่อนจะเดินยิ้มออกไป ผมยืนกำนามบัตรที่มันพึ่งให้มาก่อนจะขยำทิ้งถังขยะเพราะรอยยิ้มของเพื่อนผมไม่ได้มีความจริงใจอยู่เลยสักนิดตรงกันข้ามมันกลับเป็นรอยยิ้มที่กำลังดูถูกผมอยู่
เมื่อก่อนผมกับเพื่อนคนนี้สนิทกันกินเที่ยวด้วยกันตลอดแต่เมื่อหลายปีที่แล้วก่อนที่ผมจะเรียนจบแพทย์ธบ้านผมล้มละลาย บ้าน ทรัพย์สินทุกอย่างถูกยึดเข้าธนาคารแถมยังเป็นหนี้ก้อนโตเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวที่ผมเคยมีก็พากันเลิกคบผมกันหมดจะเหลือก็แต่ไอ้เอสคนที่พึ่งโทรมาหาผมที่ยังคบผมอยู่แม้แต่ผู้หญิงที่ผมคิดว่าจะแต่งงานด้วยพอรู้ว่าที่บ้านผมล้มละลายก็ตีตัวออกห่างผมทันที
ฐานะทางบ้านผมเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีที่บ้านส่งผมไปเรียนหมออยู่เมืองนอกแต่ปีสุดท้ายผมก็มารู้ว่าที่บ้านกำลังจะล้มละลายจากชีวิตที่สุขสบายใช้เงินเหมือนเศษกระดาษผมต้องดิ้นรนหางานทำเพื่อส่งตัวเองให้เรียนจบ
ชีวิตหลังจากนั้นของผมเหมือนฝัน พ่อผมเครียดมากจนเส้นเลือดในสมองแตกบ้านและทรัพย์สินทุกอย่างถูกยึดเข้าธนาคารของมีค่าก็ต้องขายใช้หนี้