ตอนที่ 6 พี่จะหาบุรุษดีๆ ให้ใหม่เอง

1433 คำ
“ไม่เจอกันครู่เดียว เหตุใดน้องพี่ถึงดูราวกับคนมีอายุเช่นนี้นะ” เสียงทุ้มของคนเป็นพี่หยอกเย้าจนดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ ถ้านับชีวิต 8 ภพชาติที่ผ่านมารวมกัน นางก็อายุเกินร้อยแล้วนะ! “การพูดถึงอายุของสตรีเป็นสิ่งที่หยาบคายมากเพคะ!” ไม่รู้เพราะอายุรวมกันของตนมากเกินรับได้หรือเปล่าเจ้าตัวน้อยจึงเขินอายจนหน้าแดงไปหมด “ฮ่าๆ น้องสาวของพี่ยังกังวลเรื่องออกเรือนอยู่อีกหรือ” เว่ยซีเหวินขบขันกับท่าทางของน้องสาวจนอดหัวเราะไม่ได้ “จริงสิ…” ลืมไปเสียสนิทว่าปีนี้นางอายุ 17 หนาวแล้ว ถึงวัยที่ต้องออกเรือน ถ้านับเรียงตามลำดับพี่น้องแล้ว แผนผังราชวงศ์นี้ค่อนข้างใหญ่มาก อีกทั้งตามธรรมเนียมถ้าพี่คนโตยังไม่ได้แต่งงานน้องคนที่เหลือก็ไม่สามารถออกเรือนได้ นั่นจึงทำให้เสด็จพ่อเริ่มคิดเรื่องคู่ครองของนางแล้ว ซึ่งบรรดาพี่น้องของนางในชาตินี้เยอะมากโดยเริ่มจาก องค์ชายใหญ่เว่ยซีฮัน บุตรของฮองเฮา อายุ 19 องค์ชายรองเว่ยซีเหวิน บุตรของหวงกุ้ยเฟย อายุ 19 องค์หญิงใหญ่เว่ยซินอี้ บุตรของหวงกุ้ยเฟย อายุ 17 องค์หญิงรองเว่ยซินเหยียน บุตรของอันซูเฟย อายุ 16 องค์ชายสามเว่ยซีเทียน บุตรของเถียนกุ้ยเฟย อายุ 16 องค์ชายสี่เว่ยซีจวิน บุตรของฟางเสียนเฟย อายุ 15 องค์ชายห้าเว่ยซีเฟิน บุตรของซือเต๋อเฟย อายุ 14 องค์หญิงสามเว่ยซินหลิน บุตรของซือเต๋อเฟย อายุ 12 นี่แค่พี่น้องซึ่งเกิดจากฮองเฮาและบรรดาสนมขั้นเฟยเท่านั้น ยังไม่นับเหล่าสนมขั้นรองลงไปอีก แต่เพราะสมัยที่ยังเป็นฉีอ๋องเสด็จพ่อตั้งใจให้บุตรกำเนิดตามความสำคัญของลำดับพระชายาอยู่แล้ว สาเหตุก็มาจากเรื่องของเสด็จแม่กับฮองเฮานั่นแหละหนา และเมื่อเป็นเช่นนั้นลำดับศักดิ์ยามต้องมาอยู่ในฐานะขององค์ชายองค์หญิงจึงถูกจัดวางเป็นอย่างดี ไม่มีการกดข่มกันให้วุ่นวาย…ยกเว้นเรื่องผู้สืบทอดตำแหน่งไท่จื่อเพียงเรื่องเดียว “อย่าได้กังวลไปเลย ถ้าราชครูหลิวไม่รับรักเจ้า พี่จะหาบุรุษดีๆ ใหม่ให้เอง” เรื่องที่น้องสาวผู้นี้หลงรักขุนนางอายุมากกว่าโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง เขาเองก็จนใจจะทัดทานเพราะเอ่ยสิ่งใดไปก็หาได้ฟังไม่ “น้องไม่ได้รักเขาแล้วเพคะ!” ภาพดาบที่แทงทะลุอกของตนยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ ยังไม่นับในชาติอื่นที่นางต้องตรอมใจตายเพราะรักเขาอีก เท่านั้นก็ทำให้เข็ดขยาดแล้ว “หืม? หรือเจ้าเปลี่ยนใจไปที่อาถงแล้ว” ใบหน้าคมจ้องมองน้องสาวอย่างไม่เชื่อสายตา “มิใช่เสียหน่อยเพคะ น้องยังไม่คิดจะออกเรือนต่างหาก” นางเพิ่งได้เริ่มต้นใหม่และโหยหาความเงียบสงบในชีวิต แต่กลับจะต้องไปสู้รบปรบมือกับพวกฮูหยินรองกับอนุในเร็ววันเนี่ยนะ! ส่วนอาถงที่พี่ชายกล่าวถึงคือ เฉิงหว่านถง บุตรชายคนรองจากตระกูลเฉิงซึ่งทำหน้าที่เป็นองครักษ์ประจำพระองค์ อายุ 20 หนาว ทำให้สนิทสนมกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ “ถ้าเจ้าแต่งกับอาถงก็หมดห่วงเรื่องเรือนหลังไปได้เลย อย่างไรเสียเจ้าก็จะได้เป็นฮูหยินเอกเพียงหนึ่งเดียวแน่นอน” พี่ชายผู้แสนดีรีบทำคะแนนให้กับสหายอย่างเร่งด่วน เพราะเจ้าบุรุษหน้าตายนั่นขี้อายจนไม่รู้จะแสดงสีหน้าออกมาเช่นไร สุดท้ายจึงได้แต่ตีหน้าขรึมใส่น้องสาวของเขามาโดยตลอด “เอาเวลาที่มาห่วงเรื่องนี้ไปสนใจเรื่องอื่นดีกว่าเพคะ” องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตั้งแต่ได้รับความทรงจำกลับมาเรื่องความรักก็ดูจะไกลตัวนางเสียเหลือเกิน “เฮ้อ ก็ได้ พี่ไม่พูดแล้ว ว่าแต่หว่าหวาได้มาเยี่ยมเจ้ารึไม่” เฉิงหว่าหวาเป็นน้องสาวของเฉิงหว่านถงและเป็นสหายสนิทของสตรีตรงหน้า “เมื่อวานน้องหลับสนิทเลยเพคะ คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงมา” สหายคนนี้อายุเท่ากันอีกทั้งยังเข้ารับการฝึกเพื่อเป็นองครักษ์อีกด้วย เพียงแต่วันที่เกิดเรื่องอีกฝ่ายติดภารกิจจึงไม่อาจมาดูแลนางได้ “เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนเถิด พี่คงต้องไปสะสางงานที่ค้างอยู่ก่อน มิเช่นนั้นเสด็จพ่อคงโยนงานใหม่มาเพิ่มอีก” องค์ชายรองกล่าวอย่างหน่ายใจ เขาไม่เคยอยากเข้าร่วมการแย่งชิงบัลลังก์ แต่เพราะรู้ดีว่าฮองเฮามิมีทางปล่อยหอกข้างแคร่อย่างพวกเขาสามคนแม่ลูกไปง่ายๆ สุดท้ายแล้วทางเลือกของเขาก็มีแค่ทางเดียวเท่านั้น “เสด็จพี่…พระองค์สามารถมีชีวิตเป็นของตนเองได้นะเพคะ เราสามารถหนีไปอยู่ต่างแคว้นได้หรือหายเข้ากลีบเมฆไปเลยก็ได้ขอเพียงแค่ทั้งสองพระองค์ต้องการ” ความจำของทุกชาติที่ผ่านมาทำให้ประสบการณ์การใช้ชีวิตในแบบต่างๆ ของนางเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกับเรื่องไร้สาระอย่างการแย่งชิงอำนาจก็ได้ “อี้เอ๋อร์ เจ้าย่อมรู้ดีว่าฮองเฮามีแคว้นหมิงหนุนหลัง ด้วยอำนาจที่นางมีคงมิยอมให้พวกเราใช้ชีวิตโดยง่าย เสด็จแม่จะกล้าทิ้งคนในตระกูลสวีได้เช่นไร ทั้งท่านตา ท่านยาย เจ้าคงมิลืมว่าเราหาได้มีกันแค่สามคน” เสียงทุ้มออกไปทางตำหนิอย่างรู้สึกได้นั่นจึงทำให้องค์หญิงใหญ่ของแคว้นเว่ยรู้สึกตัว นางเคยตัดใจทิ้งครอบครัวเพื่อคนรัก บางทีความรู้สึกสนใจแค่คนที่ตนให้ความสำคัญก็ย้อนกลับมาทำร้ายนางในชาตินี้ “ขอประทานอภัยเพคะเสด็จพี่ น้องแค่ลองเอ่ยดูเล่นๆ เท่านั้น” ‘บางสิ่งที่เคยก้าวพลาด ยามนี้ก็เกือบจะทำพลาดอีกครั้งอย่างนั้นหรือ เว่ยซินอี้ เจ้าควรตั้งสติได้แล้ว!’ หญิงสาวตำหนิตนเองในใจอย่างหงุดหงิด เพราะระยะเวลาปรับตัวยังไม่นานพอที่จะเรียบเรียงความคิดให้ถี่ถ้วน จึงทำให้มองทุกอย่างเพียงผิวเผินเท่านั้น “พี่ก็ขอโทษที่ขึ้นเสียง เอาล่ะ พักผ่อนได้แล้ว คราหน้าพี่จะมาเยี่ยมใหม่” เว่ยซีเหวินแย้มรอยยิ้มบางอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากตำหนักไป แม้จะติดใจกับคำพูดของน้องสาวก็ตามที เมื่อกลับมาอยู่เพียงลำพังดวงตาหงส์ก็ทอประกายลุ่มลึกอย่างหาได้ยาก ในชาติสุดท้ายนางตัดใจทิ้งตระกูลดังนั้นชาตินี้จะทำเช่นนั้นไม่ได้ ตระกูลสวีเป็นตระกูลแม่ทัพที่อยู่รั้งรักษาความปลอดภัยในเมืองหลวงหาได้ออกไปรบทัพจับศึกที่ใดนอกเสียจากมีเหตุด่วนเช่นสงครามครั้งใหญ่และต้องการกำลังเสริม เมื่อครั้งที่ส่งเสด็จแม่ให้แต่งงานกับองค์ชายเล็กก็เพียงแค่อยากเกี่ยวดองกับราชวงศ์เท่านั้น มายามนี้พอได้ขึ้นเป็นหวงกุ้ยเฟยแต่ผู้นำตระกูลสวีก็ออกจากราชการพอดี เหลือเพียงบุตรชายคนโตที่รับตำแหน่งรองแม่ทัพอยู่ ดังนั้นอำนาจของหวงกุ้ยเฟยจึงไม่มากไม่น้อยเกินไปสามารถคานกับฮองเฮาที่เป็นองค์หญิงต่างแคว้นได้ อีกทั้งตั้งแต่นางจำความได้ ท่านตา ท่านยาย ท่านลุงและคนในตระกูลล้วนทำดีกับพวกนางเป็นอย่างมาก จะด้วยตำแหน่งของเสด็จแม่ก็ดี หรือคาดหวังว่าพี่ชายของนางจะได้ขึ้นครองราชย์ก็ดี อย่างไรเสียการที่ทั้งตระกูลยอมร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันเช่นนี้นางก็คงไม่สามารถตัดหางปล่อยวัดพวกเขาได้ หรือเพื่อความมั่นใจ…นางควรส่งคนที่ไว้ใจได้ไปสืบการเคลื่อนไหวของทุกคนในตระกูลของเสด็จแม่อีกครั้ง “อยากอยู่เฉยๆ แต่พอคิดโน่นคิดนี่กลับมีเรื่องมากมายที่ต้องทำเสียอย่างนั้น เฮ้อ” คนงามถอนหายใจอีกครั้งจนนางกำนัลคนสนิทได้แต่เก็บปากเงียบ ฟึ่บ! “เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง อี้เอ๋อร์” เสียงหวานมาพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างบอบบางในชุดสีดำสนิทเข้ารูป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม