“อีกชิ้นนะ...กินให้หมดก็ดีผมจะได้ชื่นใจ...”
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ คุณนี่ใส่ใจพนักงานในบริษัทดีจังเลย สั่งแต่ของดีๆ มาให้ทานกัน” หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบช้อนส้อมพลาสติกที่เสียบจิ้มชิ้นผลไม้ เพื่อคำนี้จะป้อนด้วยตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะยอมหรือเปล่า ส่วนเขาก็ปล่อยให้เธอทำตามใจแต่โดยดี
“ใครบอกล่ะ...ปกติพนักงานก็กินของทั่วๆ ไปที่แม่ค้าทำขายนี่แหละ ที่เป็นพิเศษเนี่ยก็มีแต่คุณเท่านั้น”
“...คุณ...อย่าพูดเล่นสิคะ ฉัน...คือฉัน...” นั่นสิ เธอทำไมกันนะ จะพูดอะไรออกไปดีทำยังไงดีกับสถานการณ์แบบนี้ สมองที่เคยแล่นฉิวเรื่องอื่นๆ กับตื้อตันไปไหนไม่ถูกเมื่อต้องเผชิญกับคนตรงหน้ารวมไปถึงคำพูดของเขา
“ผมพูดจริง...คุณดูไม่ออกหรือไงเกือบหนึ่งเดือนที่เราทำงานกันมาผมใส่ใจแค่ไหน คุณคิดว่าผมทำเพราะหน้าที่อย่างเดียวหรือไง”
“ฉันเปล่า...ฉันไม่รู้ค่ะ แต่ก็ขอบคุณมากที่คุณดูแลฉันอย่างดีมาตลอด”
“เอพริล...” มือเล็กเย็นเฉียบที่กำส้อมพลาสติกอยู่ถูกรวบกำไว้ด้วยมือที่ใหญ่และหนากว่า ทอเลเมียสขยับเข้ามาประชิดตัวเธอกอบกุมสองมือน้อยไว้อย่างทะนุถนอม ก่อนจะจดจ้องดวงหน้าหวานหวังสบกับแววตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตนั้น แต่เจ้าตัวเอาแต่ก้มหลบ คนที่ผ่านโลกมามากมายอย่างเขามีหรือจะจับปฏิกิริยานั้นไม่ได้ “คบกับผมได้ไหม...ผมมีความสุขที่มีคุณอยู่ข้างๆ และได้ดูแลคุณแบบนี้ ผม...อยากให้เราเป็นแบบนี้ตลอดไป”
“คุณนาซี...”
“นะครับคนดี...ผมอยากบอกคุณเรื่องนี้มาตั้งนานแล้วแต่อยากให้คุณเองคุ้นเคยกับผมให้มากหน่อยจะได้ค่อยๆ เรียนรู้ตัวผมไปทีละนิด”
“ฉัน...มันเร็วเกินไปไหมคะเราเพิ่งรู้จักกัน...”
“ไม่ สำหรับผมไม่เร็วเลยมันช้ามากเพราะผมอยากทำแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอคุณในงานวันเกิดแล้ว”
มันไม่เร็วเลย...ช้ามายี่สิบปีเต็มเชียวนะ
“ให้คำตอบผมได้ไหม...ว่าคุณตกลงหรือเปล่า” ทอเลเมียสยังรุกหนัก มือที่กำมือเล็กบีบแรงขึ้นแต่ก็ไม่มากจนทำให้หญิงสาวเจ็บ ยังไงวันนี้เขาก็ต้องต้อนให้เธอจนมุมให้จงได้ ใจเขามันร้อนรนจนไม่อาจรอเวลาให้นานกว่านี้อีกแล้ว ในการมองดูความพินาศย่อยยับของจิ้งจอกเฒ่า ในเมื่อมีช่องทางก็ต้องรีบขวนขวาย
“ฉันขอเวลาอีกหน่อยได้ไหมคะ คือฉัน...”
“คุณไม่ได้ชอบผม” “...” เขาเรียกว่าชอบเหรอ...สำหรับเธออาจจะเรียกว่ารักเข้าไปแล้ว หรือว่าหลงรูปลักษณ์หลงคารมหลงความเอาใจใส่กันนะ...สิ่งที่หัวใจเธอรู้สึกกับเขามันเรียกว่าอะไร...
“คุณรังเกียจผม...”
“เปล่านะคะไม่ใช่อย่างนั้น...” อรุโณรีย์ปฏิเสธพัลวัน กลับเป็นฝ่ายดึงมือเข้าเข้ามาอย่างลืมตัวเมื่อเห็นเขาสีหน้าหงอยลงถนัดตา
“ถ้าอย่างนั้นบอกผมได้ไหมว่าคุณรู้สึกกับผมยังไง”
อันที่จริงก็รู้อยู่แล้วล่ะ ก็ปั้นแต่งมากับมือนี่นา...แล้วก็ได้ดั่งใจเสียด้วยสิ
“ฉัน...ฉันถึงได้ขอเวลาไงคะเพราะอยากให้ตัวเองแน่ใจเหมือนกัน...”
“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงชวนคุณไปหัวหิน” ทอเลมียสเริ่มหาเหตุผลอื่นมาประกอบคำสารภาพของเขา มันจะช่วยให้หญิงสาวอ่อนยวบสยบให้เขายิ่งขึ้น
“คะ...ทำไมคะ...”
“เพราะมันเป็นที่สำคัญสำหรับครอบครัวผม เป็นที่สำคัญของคนที่ผมรัก พ่อกับแม่ผมชอบพาผมไปเที่ยวที่นั่นตอนเด็กๆ เรามีความสุขกันมาก...” ไม่ใช่แค่คำพูดที่เล่าออกมาแต่ภาพเหตุการณ์ในช่วงเวลาเหล่านั้นมันไหลเวียนเข้ามาในความรู้สึกจนชายหนุ่มต้องหยุดไปชั่วขณะ ความเจ็บจุกมันอัด จนเขาไม่สามารถเปล่งเสียงเอ่ยคำใดออกมาอีกได้
“ฉันเสียใจด้วยนะคะเรื่องคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณ” แม้ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขามากนักแต่หญิงสาวก็พอจะรู้ว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าที่บิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย เธอดึงมือข้างหนึ่งออกจากพันธนาการของเขา แล้ววางทับด้านบนหลังมือใหญ่อย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรครับ...ท่านไปสบายแล้ว แต่สิ่งที่ผมอยากให้คุณรู้ก็คือเพราะคุณคือคนสำคัญอีกคนหนึ่งของผม ผมอยากพาคุณไปในสถานที่ที่ผมอยู่แล้วมีความสุขที่สุด” พูดจบเขาก็แหงนหน้าจ้องดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวั่นไหวของเธอ ถ้าไม่ติดว่านี่คือการทำเพื่อแก้แค้นแล้วล่ะก็...นับว่าอรุโณรีย์เป็นผู้หญิงที่น่าหลงใหลไม่ใช่น้อย
สีหน้าลังเลของเธอ...แววตาสั่นระริกที่แสดงออกถึงความหวาดหวั่นปนเคลิบเคลื้ม ริมฝีปากที่เผยอเจ่อน้อยๆ อย่างกังวล...สับสน ทุกอย่างมองดูน่าทะนุถนอมเกินกว่าจะใช้เป็นหมากตัวหนึ่งพอเสร็จงานก็ถูกขว้างทิ้งอย่างที่เขากำลังจะทำ “แต่ถ้าคุณคิดว่าผมไม่ใช่ต่อไปนี้ผมก็จะระวังตัวไม่ทำให้คุณลำบากใจอีก ขอให้คุณถือเสียว่าผมไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจเหล่านี้เสีย...รวมถึงเรื่องที่เรานัดกันด้วย” “ไม่ใช่อย่างนั้น...” นี่เขาจะไม่ให้เวลาเธอทำใจเลยใช่ไหมถึงได้พูดเอาแต่ใจเช่นนั้น ดูเขาใจร้อนกับเรื่องนี้เหลือเกิน
“แล้วยังไงครับ...ตอบผมมาสิคนดี...”
“คือ...ฉัน...ฉันอยากให้คุณดีกับฉัน...ดูแลฉันแบบนี้ตลอดไปค่ะ...”
“เอพริล...”
ร่างบอบบางถูกรวบเข้ามากอดหลังจากจบเสียงที่พร่ำเรียกชื่อเธอ ครั้งแรก สองแขนของเขาโอบรัดเธอไว้ทั้งตัว
ครั้งแรก...ที่ความอบอุ่นจากกายใหญ่แผ่ซ่านครอบคลุมร่างกายของเธอ หญิงสาวที่แม้จะไม่ได้ตั้งตัวแต่ก็ซึมซับความรู้สึกยามนี้เอาไว้เต็มที่ เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในช่วงชีวิตของวัยแรกสาวนี้
“คุณนาซี เอ่อ...ปล่อยฉันก่อนนะคะ...”
“ผมขอโทษ ผมดีใจมากรู้ไหมที่คุณตอบตกลงคบกับผม...”
“เปล่าซะหน่อย...” อรุโณรีย์ยิ้มเอียงอายหลบดวงตาสีน้ำทะเลก้มงุดไม่กล้ามองตอบเขา
“ยังจะมาปากแข็ง ใครกันนะเมื่อกี้บอกว่าอยากให้ผมดูแลตลอดไป...”
“คุณนี่...อย่ามาล้อฉันสิคะ”
“เอพริลคุณน่ารักเหลือเกิน ผมรักคุณ...” ประโยคแรกคล้ายจะตั้งใจแต่ประโยคหลังเมื่อเอ่ยออกมาแล้วเจ้าตัวเองก็ต้องกลอกตาอย่างสับสน เขาไม่ได้ตั้งใจพูดมันออกไปเสียหน่อย คงเป็นเพราะสถานการณ์พาไปนั่นแหละ ช่างเถอะ! ยังไงผลพลอยได้ก็ตกที่เขาอยู่แล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจรวบร่างเล็กของอรุโณรีย์เข้ามากอดอีกครั้ง คราวนี้เขาซบใบหน้าลงบนบ่าของเธอ หันหน้าเขาหาเรือนผมสลวยแล้วสูดดมความหอมกรุ่นเข้าเต็มปอดอย่างถือวิสาสะ
“ขอบคุณนะเอพริล...” เสียงทุ้มทว่าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนประโยคก่อนหน้าเอ่ยบอกเธอ หญิงสาวไม่ได้รู้สึกว่าเสียงแข็งทื่อแฝงอะไรบางอย่างนั้นผิดสังเกต ด้วยยามนี้เหมือนถูกเขาปิดตาบังใจจากสิ่งอื่นรอบตัวไปหมดแล้ว ให้มองเห็นและรับรู้เพียงแค่ความเป็นไปของเขาเท่านั้น